คิดเหมือนกันหรือไม่ว่า 7-Eleven กำลังเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อที่เรารู้จัก หลายคนอาจลืมสโลแกน “หิวเมื่อไหร่...ก็แวะมา” ไปแล้วก็ได้  แล้ว 7-Eleven กำลังทำอะไร วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะนำเสนอให้ทราบ

 

ย้อนกลับไป 7-Eleven เกิดขึ้นครั้งแรกที่สหรัฐฯ เริ่มต้นเป็นเพียงร้านจำหน่ายน้ำแข็งเท่านั้น ก่อนปรับมาเป็นร้านสะดวกซื้อเล็กๆ มีสินค้าอย่างอื่นขายร่วมด้วย เปิดให้บริการในช่วงเวลา 7 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม ซึ่งกลายมาเป็นที่มาชื่อของร้าน 7-Eleven (7-11) และปรับรูปแบบการบริการมาเป็น 24 ชั่วโมง จนถึงปัจจุบัน 

ภาพจาก bit.ly/3gXULws
 

ส่วนเมืองไทย 7-Eleven เข้ามาเปิดตลาดเมื่อปี 2531 ในคอนเซ็ปต์ “ใกล้แต่ไม่เคยปิด” โดยสาขาแรกอยู่ย่านถนนพัฒน์พงศ์ ให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง เพราะเป็นย่านคนใช้ชีวิตพลุกพล่าน ช่วงเช้ามีพนักงานออฟฟิศ โรงพยาบาล โรงเรียน กลางคืนเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง และอื่นๆ จนกระทั่งขยายสาขาไปทั่วประเทศแล้ว 12,000 แห่งในปัจจุบัน  

 

7-Eleven ถือเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันรุนในสมรภูมิร้านสะดวกซื้อ โดยมีคู่แข่งอย่าง “เทสโก้ โลตัส” และ “บิ๊กซี” ที่ย่อไซส์มาในสนามเดียวกัน จากจุดนี้ทำให้ 7-Eleven ต้องสร้างจุดขายใหม่เป็น “ร้านอิ่มสะดวก” บริหารอาหารพร้อมรับประทาน ก่อนที่จะเปลี่ยนสโลแกนมาเป็น “หิวเมื่อไหร่...ก็แวะมา”  

ภาพจาก bit.ly/31QzUH2

 

ในช่วง 1-2 ปีมานี้ 7-Eleven เริ่มปรับโหมดสู่โมเดลใหม่อีกครั้ง โดยช่วงต้นปี 2563 เปิดตัวบริการ “All Service” รวมทุกบริการในร้าน 7-Eleven ไม่ว่าจะเป็น ขนส่งพัสดุ สปีด-ดี, ซื้อ พ.ร.บ.-ต่อภาษีรถยนต์และจักรยานยนต์, ชำระบิล, ขายตั๋วคอนเสิร์ต-กีฬา-เดินทาง, ซัก อบ รีด, ฝากถอนเงิน รวมถึงร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ที่ร่วมมือกับแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริ

ภาพจาก bit.ly/3jzI4cI

 

แม้ธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทยจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้บริโภค จึงทำ7-Eleven ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ต้องปรับตัวอีกครั้ง ไม่หยุดนิ่งที่จะค้นหว้า พัฒนาสินค้าบริการ เพิ่มช่องทางการซื้อขายและบริการในรูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และ New Normal 

ภาพจาก bit.ly/31UXBOx

 

ล่าสุด 7-Eleven ได้นำเครื่องมือเทคโนโลยีมาเสริมแกร่งธุรกิจ เดิมให้ลูกค้าใช้ “เงินสด” ในการซื้อสินค้า จากมาตรการสุขอนามัย ได้มุ่งสร้างสังคมไร้เงินสด ร่วมกับ True Money Wallet เพิ่มบริการ “สั่ง” และ “ส่ง” สินค้า หรือ 7 Delivery โดยพนักงานในร้าน จากที่ลูกค้าต้องมาใช้บริการที่ร้าน ให้ลูกค้าสั่งซื้อสอนค้าจากที่บ้านได้เลย   

 

อาจกล่าวได้ว่า 7-Eleven กำลังจะเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อที่เรารู้จัก เพราะโมเดลธุรกิจ 7-Eleven ในปี 2020 ปรับโหมดสู่โมเดล ALL Online มีสโลแกน “สะดวกครบ จบที่เดียว” ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ และสะดวกซื้อ-จ่าย-รับ ทุกที่ทุกเวลา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดย 7-Eleven มีฐานกลุ่มลูกค้าใช้บริการมากกว่า 14 ล้านคนต่อวัน 

ภาพจาก bit.ly/2YZAyjo

 

หรือจำนวนลูกค้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1,200 คนต่อร้าน มีฐานลูกค้าทั้งหมด 40 ล้านคน และ 45 ล้านบัญชีออนไลน์ ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2563 ซีพี ออลล์ และบริษัทย่อยได้กำไรสุทธิ 2,887 ล้านบาท จากรายได้รวม 128,027 ล้านบาท

 

7-Eleven กำลังเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อที่เรารู้จักจริงๆ แม้แต่รับ-ส่งพัสดุ ซักอบรีด ก็ทำมาแล้ว อนาคตก็ยังไม่รู้ว่า 7-Eleven จะมีบริการอะไรอีก แต่ที่แน่ๆ ต้องตอบโจทย์ลูกค้า และ ครบทุกอย่าง เหมือนชื่อ CP All
 

 

อ้างอิงข้อมูล 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)