บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    แอพพลิเคชั่นและซอฟต์แวร์
1.7K
2 นาที
7 เมษายน 2563
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในไทย ปีนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง


ภาพจาก Content Shifu
 
บนเวที Thailand Zocial Awards 2020 ผมได้เชิญ 5 แพลตฟอร์มหลักที่คนไทยใช้กันมากที่สุดมานั่งคุยกัน มีตัวแทนจาก Facebook, Google (YouTube), LINE, Twitter และแพลตฟอร์มของไทยหนึ่งเดียวคือ Pantip
 
ในปีที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจเองหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ผมถามถึงปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ละคนได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของตน มีตัวเลขที่น่าสนใจว่าปัจจุบันคนไทยใช้ Facebook ประมาณ 50 กว่าล้านคนแล้ว ตัวเลขเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้มาก และเริ่มขยับจากเดิมที่เป็นโซเชียลมีเดียหันมาทำด้านการค้ามากขึ้นโดยเข้าสู่ Conversational commerce และเริ่มให้น้ำหนักกับบริการที่เรียกว่า Story ในทุกบริการของ Facebook จะมี Story หมดเลย และแนวโน้มคนไทยก็หันมาใช้ Story ในการเล่าเรื่องราวกันมาก แบรนด์หรือเจ้าของธุรกิจเองก็ใช้ Story ในการเล่าถึงสินค้า ใช้ในการดึงลูกค้าเข้ามาด้วยเหมือนกัน 


ภาพจาก bit.ly/3e3mw6a
 
LINE บอกไว้ชัดเลยว่าในปีที่ผ่านมามีการสำรวจพบว่า ตอนนี้ LINE เป็นแพลตฟอร์มแชทที่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น ทำให้ LINE กระโดดเข้าไปทำพวก commerce มากขึ้น ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา LINE ได้ซื้อทีมของ Selsuki ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำแพลตฟอร์มด้านอีคอมเมิร์ซบนโซเชียลมีเดีย และปีนี้ก็เริ่มทำแพลตฟอร์มที่ชื่อ LINE MyShop ซึ่งจะทำให้คนที่ใช้ LINE สามารถมาทำร้านค้าขายของออนไลน์โดยจะเชื่อมเข้าระบบของ LINE ได้เลย 


ภาพจาก bit.ly/2V6PLN5
 
อีกสิ่งหนึ่งที่ LINE กำลังจะเปิดคือ LINE Advertising Platform ซึ่งการซื้อโฆษณาผ่าน LINE ในปัจจุบันต้องซื้อผ่านเอเจนซี่เท่านั้น แต่ในเดือนเมษายนนี้ LINE จะเปิดให้บริการที่คนทั่วไปสามารถซื้อโฆษณาผ่าน LINE ได้เองเลย 
 
ลักษณะการซื้อโฆษณาผ่าน LINE จะคล้าย ๆ กับ Facebook ก็คือเมื่อเราอยากลงโฆษณาไปหาใคร เราสามารถเลือกเซกเมนต์ได้เลยว่าต้องการกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มไหน เพศไหน อายุเท่าไหร่ อยู่ภาคไหน เป็นใคร เมื่อสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ก็สามารถเอาโฆษณาของเราโพสต์ลงไปใน LINE Timeline  สามารถเลือกกลุ่มคนที่จะเข้าไปอ่านได้ รวมถึงสามารถทำโฆษณาไปยังกลุ่มคนที่กดติดตามแอคเคานท์ของเราได้ด้วย การเปิดแพลตฟอร์มนี้จะทำให้เจ้าของธุรกิจโฆษณาได้แม่นยำมากขึ้น


ภาพจาก bit.ly/3aMWlyU
 
สำหรับ Twitter ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงมากทีเดียว คาดการณ์ว่ามีผู้ใช้เกือบ 20 กว่าล้านคนแล้ว Twitter จากเดิมคนที่ใช้กันมากคือกลุ่มวัยรุ่น แต่จากข้อมูลตอนนี้พบว่ากลุ่มคนที่ทำธุรกิจก็หันไปใช้ Twitter กันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับต่าง ๆ เช่น พวกติ่งเกาหลีหรือพวกนุชที่เป็นกลุ่มแฟนคลับของเป๊ก ผลิตโชค ฯลฯ ในปีที่แล้วมีคนพูดถึงกลุ่มนุช 133 ล้านข้อความ ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากเลยทีเดียว 
 
ในขณะเดียวกันจะเห็นว่ากลุ่มแฟนคลับเหล่านี้ใช้โซเชียลมีเดียอย่าง Twitter เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างกัน และออกไปสร้างสิ่งดี ๆ เช่น รวมตัวออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม นี่เป็นสิ่งที่ Twitter ออกมากล่าวว่า Twitter เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดสิ่งสร้างสรรค์ขึ้นในสังคม


ภาพจาก bit.ly/2UPUYtD
 
ส่วน Pantip เป็นแพลตฟอร์มของไทยหนึ่งเดียวที่ผมเชียร์และอยากให้อยู่ต่อ โดยส่วนตัวเท่าที่เห็นต้องบอกว่า Pantip ได้รับผลกระทบเพราะโซเชียลมีเดียจากต่างประเทศเข้ามากินเวลาของคนไทยมากขึ้น สิ่งที่น่าสนใจของ Pantip คือเริ่มมีบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้น มีบริการโฆษณา บริการเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยนักการตลาดให้สามารถใช้ Pantip เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น เช่น บริการ comment ads คือเราสามารถลงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ในหน้านั้น ๆ ได้ 
 
และตอนนี้ Pantip มีความห่วงใยผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดย Pantip จะแจกโฆษณาในห้องบลูแพลนเน็ตฟรีให้กับคนเหล่านี้ สามารถติดต่อไปที่ Pantip ได้เลย มีโควตาให้ 120 โรงแรมเท่านั้น


ภาพจาก bit.ly/2UNLq2l
 
สำหรับทาง Google พูดในเชิงของ YouTube ได้น่าสนใจว่า Google จะเริ่มพยายามหล่อหลอมบริการทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา ยูทูป หรือจะเป็นในโทรศัพท์แอนดรอยด์ที่จะมี Google Map ฯลฯ สังเกตได้ว่าชีวิตของเราในแต่ละวันจะอยู่บน Google เยอะมาก จากเดิมโฆษณาจะพยายามไปหาลูกค้าโดยไม่รู้ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน แต่สิ่งที่ Google กำลังจะเปลี่ยนคือจะใช้วิธีการเฝ้าสังเกตและคาดการณ์ว่าการลงโฆษณานั้นลูกค้าน่าจะอยู่ที่ไหนแล้วไปดักรอลูกค้า
 
แพลตฟอร์มที่ Google จะเริ่มเอามาใช้จะเอา AI และ Machine learning เข้ามาช่วย จะทำให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้นในทุก ๆ แพลตฟอร์ม เช่นเดียวกันเมื่อลงโฆษณากับ Google ที่เดียว โฆษณาของคุณจะเข้าไปถึงทุก ๆ บริการของ Google ได้หมด เช่น ไปอยู่ใน YouTube ใน Google Map ใน Gmail ฯลฯ ฉะนั้นโฆษณาของ Google จะตามไปในทุก ๆ ที่ นี่เองจุดแข็งของ Google 
 
จะเห็นว่าแต่ละคนพยายามจะเอาจุดแข็งของตัวเองมาดึงคนให้อยู่ในแพลตฟอร์มของตนให้มากขึ้น โดยพยายามจะแย่งเวลาของคน ใครก็ตามที่สามารถทำให้ผู้ใช้อยู่กับแพลตฟอร์มของตนได้มากที่สุดคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ เพราะยิ่งใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มได้มากเท่าไหร่โอกาสที่เขาจะเห็นโฆษณา จะเห็นสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์มนั้นมากขึ้นด้วยเช่นกัน 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด