บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
3 นาที
26 กุมภาพันธ์ 2562
แก้ความจนแบบจีน ที่ไทยทำไม่ได้?


ภาพจาก goo.gl/images/sko7B1

เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวว่าทางราชการไทยจะพยายามแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทยโดยศึกษาแบบอย่างจากจีน จีนนั้นทำได้สำเร็จจริง แต่ประเทศไทยทำไม่ได้แน่นอน อย่างน้อยก็ทำไม่ได้ในรัฐบาลชุดนี้ ทำไมเป็นเช่นนั้น
 
ผมพบคนจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 2529 โดยเพื่อนๆ คนจีนของผมในสมัยนั้นที่เป็นข้าราชการปริญญาตรีได้เงินเดือนๆ ละ 800 บาท (ในขณะที่ไทยประมาณ 3,000 บาท) แต่ตอนนี้ต่างพวกเขารับเงินเดือนละ 22,242 บาท bit.ly/2CBZ4va) ในขณะที่ไทยอยู่ที่ 15,000 บาท นี่แสดงถึงการพัฒนาอย่างยิ่งยวดของจีน ในสมัยที่ตายายของผมหอบครอบครัวมาประเทศไทยเมื่อ 80 ปีก่อน ยิ่งยากจนกระทั่งกินเนื้อสุนัข กินรากไม้ก็มี และเมื่อ 40 ปีก่อน คนไทยไปเยี่ยมญาติที่ประเทศจีนยังแบกจักรยานไปให้คนจีน นับว่าคนจีนสมัยนั้นยากจนข้นแค้นเป็นอย่างมาก แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว


ภาพจาก goo.gl/images/9wCDQ1
 
ธนาคารโลกเคยประเมินไว้ว่า จีนมีคนยากจนอยู่ราว 500 ล้านคนหรือราว 88% ของคนจีนในปี 2524  แต่ ณ ปี 2555 คนจีนที่มีชีวิตด้วยรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนเหลือเพียง 6.5% เท่านั้น  การแก้ไขปัญหาความยากจนเริ่มในราวช่วงปี 2520 และในช่วงปี 2533-2543 ในระยะ 10 ปีนี้รายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มจาก 6,600 บาทต่อปี เป็น 33,000 บาท  ในช่วงปี 2543-2553 เพิ่มขึ้นเป็น 165,000 บาท อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นปีละมากกว่า 10% จีนมุ่งหวังที่จะขจัดความยากจนลงให้ได้ในปี 2573  ส่วนของไทยก็ยังไม่มีแนวโน้มใดๆ bit.ly/2RH0Fdt)
 
นโยบายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยประการหนึ่งของจีนก็คือ มีการเวนคืนกันขนานใหญ่ ทำให้ประชาชนต้องโยกย้ายที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก คนจนเมืองที่เคยอยู่อาศัยในที่อยู่อาศัยแนวราบ ก็ย้ายขึ้นแฟลตที่มีสภาพการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพสูงกว่า รัฐบาลสร้างให้ (แทบ) ฟรีไปเลย แต่มีระยะเวลาการอยู่อาศัยที่จำกัดเช่น 50 หรือ 70 ปี ไม่ใช่ให้อยู่ชั่วกัลปาวสาน ทั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ตั้งเดิมที่อยู่ในใจกลางเมือง เพื่อนำมาพัฒนาใหม่ในเชิงพาณิชย์เป็นต้น


ภาพจาก goo.gl/images/6Pi9DC 
 
สำหรับในชนบทอันไพศาลของจีนนั้น ได้รับการแปลงให้เป็นเมืองมากยิ่งขึ้นผ่านการเชื่อมต่อด้วยรถไฟความเร็วสูง ประชากรในชนบทของจีนเคยมีสูงถึง 84% ในปี 2503 หรือแสดงว่ามีประชากรเมืองเพียง 16% เท่านั้น ปรากฏว่าในปี 2560 ประชากรในชนบทมีสัดส่วนเพียง 42% หรือแสดงว่าประชากรเมืองของประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ถึง 58% นั่นเอง bit.ly/2W9oaun) ; การดูดคนที่อยู่ในชนบทอันไพศาลมาอยู่ในเมือง มีข้อดีตรงที่:
  1. ทำให้สามารถบริหารจัดการสาธารณูปโภค และสาธารณูปการต่าง ๆ ได้ดี ต่างจากประเทศไทยที่ส่งเสริมการกระจายออกสู่ชนบท จนทำให้เรามีโรงเรียนทุกหมู่บ้าน จนปัจจุบันมีแต่โรงเรียน ต้องยุบรวม เพราะนักเรียนไม่มีหรือร่อยหรอลงมาก
  2. ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผ่านการจัดหางานและโอกาสทางการค้าและธุรกิจ SMEs อื่นๆ

ภาพจาก goo.gl/images/6YXGo2

สำหรับที่ดินในเขตชนบทห่างไกลแสนกันดารนั้น การย้ายที่อยู่อาศัยเพื่อขจัดความยากจนเป็นหนทางหนึ่ง  โดยในปี 2561 มีประชาชนประมาณ 2.8 ล้านคนได้รับการโยกย้ายที่อยู่อาศัยให้เข้าไปอยู่ในเขตเมืองแทนที่จะเป็นในถิ่นชนบทห่างไกล  ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560) ประชาชนถึงประมาณ 10 ล้านคนในถิ่นทุรกันดารไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย ได้รับการโยกย้าย  โดยเฉพาะในปี 2560 มีการโยกย้ายถึงถึง 3.4 ล้านคนในปีเดียว bit.ly/2RGxXcO)
 
ในกรณีคนจนเมือง จีนก็สามารถเอาชนะความยากจนได้เป็นอย่างมาก คนจนเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากการอพยพมาทำงานในเมือง อีกส่วนหนึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจที่แปลงเป็นภาคเอกชนแล้ว พวกนี้จึงอาจตกงาน อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนก็สามารถทำให้รายได้ของคนจนเมืองยกระดับสูงขึ้น โดยให้มีรายได้อย่างน้อย 23,100 บาทต่อคน bit.ly/2dJ5F8Z) ซึ่งก็ยังสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนจบมหาวิทยาลัยในประเทศไทย


ภาพจาก goo.gl/images/19rkpF
 
จะสังเกตได้ว่าในกรุงปักกิ่งและในนครอื่นๆ มีที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมที่ดูสภาพคล้ายสลัมหรือชุมชนแออัดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในระยะ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีการรื้อถอนเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ๆ ขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในนครเซี่ยงไฮ้ ถึงกับมีการพูดเล่นกันว่า หากจากบ้านไปเกิน 3 เดือน อาจจำทางเข้าบ้านตนเองไม่ได้ เพราะโดยรอบบ้านเปลี่ยนแปลงไปหมด การพัฒนาขนานใหญ่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
เรื่องดีๆ ของประเทศจีนดูเป็นเรื่องน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับประเทศไทยคงทำได้ยาก หรือแทบจะทำไม่ได้ เพราะมีมารผจญมากมาย อย่างกรณีการย้ายชุมชนแออัดออกไปเพื่อพัฒนาเมืองนั้น คงได้รับการขัดขวางจากพวก NGOs มากมาย พวกนี้มีจำนวนน้อย แต่เสียงดัง และทางราชการมักฟังเสียงผู้ถ่วงความเจริญของชาติเหล่านี้เสียด้วย อันที่จริงเราควรที่จะเอาชุมชนแออัดที่อยู่ในกลางเมือง ซึ่งถือเป็น Prime Location มาพัฒนาใหม่ เอาพื้นที่ส่วนหนึ่งมาสร้างบ้านแนวสูงให้ประชาชนผู้อยู่ในพื้นที่ได้อยู่ จะได้ไม่เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพวกเขามากนัก 


ภาพจาก goo.gl/images/JVpiMo
 
ทางราชการควรนำพื้นที่ส่วนที่เหลือจากการจัดเป็นที่อยู่อาศัยแนวสูงในเมืองให้ชาวชุมชนแออัด มาพัฒนา เช่น สร้างสวนสาธารณะ พัฒนาในเชิงพาณิชย์ เพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาประเทศต่ออีกทีหนึ่ง เราจะสามารถจัดหาที่อยู่อาศัยให้คนจนได้ฟรีๆ แถมยังอาจได้ทุนพัฒนาวิสาหกิจ SMEs ของตนเองอีกต่างหาก เป็นการเพิ่มโอกาสการหารายได้ด้วยซ้ำไป แต่การคิดอย่างมีบูรณาการและทำเพื่อประชาชนจริงๆ มักทำได้ยาก หรือทำไม่ได้ เพราะผู้บริหารในแทบทุกระดับชั้นอาจไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชน แต่สมคบกับเจ้าหน้าที่ เป็นต้น
 
ยิ่งในกรณีชนบท จะเห็นได้ว่า ในบางพื้นที่ของชาวเขา ก็ควรได้รับการโยกย้าย เพื่อไม่ให้เกิดการทำลายป่าต้นน้ำ อย่ามาอ้างส่งเดชว่า ให้ชาวบ้านอยู่คู่กับป่า ซึ่งเป็นการคิดผิดเสมือนการ "ฝากปลาย่างไว้กับแมว" และทำให้เกิดกรณี "มือใครยาว สาวได้สาวเอา" เอาผลประโยชน์ของส่วนรวมไปใช้สอยส่วนตัวอย่างน่าละอาย อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาจให้ทำ Home Stay ก็เป็นไปได้เช่นกัน  แต่ในพื้นที่ทุรกันดาร ไม่ควรให้ชาวบ้านฝืนอยู่ตามความเคยชิน เพราะยังจะทำให้การจัดหารบริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ มีราคาแพงเกินไปอีกด้วย
 
ถ้าทางราชการทำงานอย่างมีบูรณาการ และทำเพื่อประชาชนจริงๆ คงสามารถทำได้ในสักวันหนึ่ง
 

ผู้แถลง

ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th)

ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

อ้างอิงจาก
goo.gl/iwpmFK
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด