“ข้าวกล่อง” จัดอยู่ในสินค้าประเภท “Grab & Go” และเป็นสินค้ายอดนิยมสำหรับผู้บริโภคหนึ่งในช่องทางที่ผู้บริโภคซื้อสินค้ากลุ่มนี้เป็นหลัก คือ “ร้านสะดวกซื้อ” แน่นอนว่า 7-Eleven คือตัวเลือกแรกของเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยสาขาที่มากกว่า 10,000 แห่งและพร้อมจะขยายถึง 13,000 แห่งในปี 2564  โดยมีสินค้ากลุ่มอาหารอยู่ถึง 70-80%

 

ข้าวกล่อง 7-Eleven จึงเป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญของธุรกิจและเพื่อให้สาวกของ7 - Eleven ได้เข้าใจถึงความเป็นมา “ข้าวกล่อง 7 –Eleven” มากขึ้น www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาไปล้วงลึกข้อมูลที่น่าสนใจที่เชื่อว่าอีกหลายคนยังไม่เคยรู้กันมาก่อน

 

ภาพจาก goo.gl/images/q7yWmC

 

“ซีพีแรม” (cpram) เป็นบริษัทในเครือซีพี และเป็นผู้ผลิตเบเกอรี่เลอแปง และอาหารพร้อมรับประทานป้อนให้กับเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2531

ภาพจาก goo.gl/images/hwx5sv

 

โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เริ่มต้นด้วยการ ก่อตั้งโครงการเบเกอรี่ เปิดร้านเบเกอริช 2 สาขาและต่อมาได้รวม 2 ธุรกิจเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เข้าสู่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven

 

ภาพจาก goo.gl/images/pNU8q5

 

ซีพีแรมให้ความสนใจพฤติกรรมผู้บริโภคมาก มีขั้นตอนมากมายก่อนจะสรุปผลิตข้าวกล่องเริ่มตั้งแต่  Basic Requirement คือการสำรวจว่าอะไรคือความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภค มาถึง Voice of Customer คือการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่อสินค้า และล้วงลึกในพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ Customer Insight

 

รวมถึงศึกษาไปถึงความต้องการแฝงที่อยู่ภายใน (Latent Need) ทำให้เมนูข้าวกล่องของ 7-Eleven ค่อนข้างเข้าถึงและถูกใจผู้บริโภคอย่างมาก

 

ภาพจาก goo.gl/images/3TX6A2

 

ในทุกปี “ซีพีแรม” จัดสรรงบ R&D อยู่ที่ 1% ของรายได้บริษัท ซึ่งบริษัทก็มีรายได้ต่อปีดีต่อเนื่องตลอดมาเช่นในปี 2560 มีรายได้อยู่ที่ 16,307.63 ล้านบาท และในปี 2561 รายได้อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ทำให้ในปี 2561 ทางบริษัทมีการจัดสรรงบในการวิจัยสินค้าอยู่ที่ประมาณ 180 ล้านบาท

 

เดิมที ซีพีแรม มี R&D Center ที่ชลบุรี ต่อมาเมื่อรัฐบาลประกาศทำโครงการ “Food Innopolis” หรือ “เมืองนวัตกรรมอาหาร” ทางซีพีแรมจึงได้จัดตั้งบริษัทใหม่ ชื่อ “CP Food Lab” เพื่อขยายเพิ่มเติมจากฐานวิจัยและพัฒนาที่ชลบุรี

 

ภาพจาก goo.gl/VxmUxB

 

โรงงานของซีพีแรมทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ลาดหลุมแก้ว (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน), บ่อเงิน (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน), ลาดกระบัง (ผลิตสินค้าเบเกอรี่), ชลบุรี (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน), ขอนแก่น (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน และเบเกอรี่), ลำพูน (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน), สุราษฎร์ธานี (ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน)

 

ภาพจาก goo.gl/images/EGeqBL

 

ข้าวกระเพราหมูสับเป็นเมนูขายดีที่สุด โดยปัจจุบันมีปริมาณการใช้กระเพรามากกว่า 1 ตันต่อวัน เฉพาะที่โรงงานในขอนแก่นใช้ใบกระเพราอยู่ที่ 80 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนเมนูขายดีอันดับ 2 คือ ข้าวผัดปู  ตามมาด้วย ผัดซีอิ๊ว และข้าวไข่เจียวกุ้ง ตามลำดับ

 

ภาพจาก goo.gl/RWqL9M

 

เป็นการแยกแหล่งผลิตให้เห็นชัดเจน โดยถาดสีแดงนั้นผลิตที่ ซีพีแรม ส่วนสินค้าถาดสีดำ มีซีพีเอฟ เป็นผู้ผลิต ซึ่งจะไม่ผลิตสินค้าทับซ้อนกันและแตกต่างในเทคโนโลยีการผลิตโดยซีพีแรมใช้กระบวนการผลิตอาหารสดแล้วแพ็คในสภาวะปลอดเชื้อ

 

ขณะที่ซีพีเอฟผลิตอาหารสดจากนั้นจึงแพ็คและนำไปนึ่งอีกรอบเพื่อฆ่าเชื้อ ส่วนข้าวกล่องสีขาวเช่นเมนูกระเพราหมูสับ เป็นกลยุทธ์ของ 7-Eleven ที่เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการเพิ่มปริมาณเนื้อสัตว์ เพิ่มปริมาณบรรจุ เพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้น ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/khct5Z

 

จากการเปิดตัวในยุคแรกเป็นแนวพรีเมี่ยม ราคาจึงสูงประมาณ 70-100 บาท ซึ่งถือว่าประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ทางซีพีจึงได้หันมาเน้นราคาแบบ Mass มากขึ้นให้เหมาะสมกับรายได้ของคนไทยและใกล้เคียงกับราคาอาหารริมทางทั่วไป 

 

เฉลี่ยต่อเมนูตอนนี้ประมาณ 29-50  บาท ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ผลักดันให้ข้าวกล่อง 7-Eleven ขายดีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตเมืองที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมประกอบอาหารทานเอง

 

ภาพจาก goo.gl/images/sdzREJ
 

โดยเป็นรางวัลองค์กรดีเด่นด้านสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้านการ ช่วยสนับสนุนลดโซเดียม จากเครือข่ายลดบริโภคเค็ม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย มี 4 เมนูที่ได้รับรางวัลนี้คือ ข้าวกระเพราไก่, ข้าวไก่กระเทียม+ไข่เจียว, ข้าวปลาผัดพริกสด และ ข้าวหมูคั่วกลิ้ง 

 

ภาพจาก goo.gl/images/pDw6Am

 

บางคนอาจจะซื้อทานเฉพาะเมนูโปรดของตัวเอง หรือบางสาขาก็อาจจะมีบางเมนูที่ขายบ้างไม่ขายบ้าง แต่เมื่อลองรวมๆเมนูข้าวกล่องของเซเว่นจะพบว่ามีอย่างน้อยๆ ถึง 23 เมนู

 

เช่น มักกะโรนีไก่, ข้าวผัดหมู, ข้าวผัดผักรวมมิตรไข่เจียว, ข้าวผัดกุ้ง, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า, สปาเก็ตตี้ขี้เมาหมู, ข้าวผัดญี่ปุ่นแซลมอน, ข้าวผัดไส้กรอก, ข้าวกระเพราะกุ้ง,ข้าวพะแนงหมู, ข้าวกระเพราหมู, ข้าวผัดปู  เป็นต้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/Gekv4h

 

เป็นเรื่องที่คนสงสัยว่าข้าวกล่อง 7-Eleven นั้นอยู่ได้นานเพราะอะไร คำตอบคือ “อุณหภูมิในการจัดเก็บ” ซึ่งอุณหภูมิแช่เย็นหรือแช่แข็ง (อุณหภูมิต่ำ) จะช่วยในการชะลอ/ยับยั้งการเจริญของเชี้อจุลินทรีย์ ซึ่งอุณหภูมิแต่ละช่วงจะสามารถยังยั้งจุลินทรีย์ได้แตกต่างกัน โดยอุณหภูมิยิ่งต่ำจะยิ่งช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อได้ดี

 

ถ้าเราสังเกตให้ดีข้าวกล่องในเซเว่นจะมีทั้งแบบในตู้แช่ปกติ กับแบบแช่แข็ง ซึ่งสินค้าแช่เย็นธรรมดาอุณหภูมิ 2-6 องศาเซลเซียส ส่วนแบบแช่แข็งอุณหภูมิประมาณ -18 องศาเซลเซียส และการกำหนดวันอายุสินค้าจะมีการคำนวณอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่วัตถุดิบเริ่มต้น-การผลิต-การขนส่ง-จัดเก็บที่ร้าน และนำมาทดสอบเชื้อจุลินทรีย์เพื่อวางอายุสินค้าที่เหมาะสม ถึงจะมาระบุอายุสินค้าได้

 

ไม่ว่าจะมีคนเห็นด้วยหรือเห็นต่างแต่ข้าวกล่อง7-Elevenก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเมนูประจำของคนเมืองที่หลายคนไม่มีเวลาทำกับข้าว หลายคนฝากท้องไว้กับ 7-Eleven จนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว และนี่คือคีร์เวิร์ดที่ทำให้ซีพีประสบความสำเร็จด้วยการวางสินค้าเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทย กลยุทธ์นี้พูดง่ายแต่ทำยากแต่ซีพีทำได้และใครก็ยากจะเลียนแบบด้วย

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/yf7bWT

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)