บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    การพัฒนาและการออกแบบ
3.4K
2 นาที
23 มีนาคม 2560
6 เหตุผลชี้ชัดที่ Startup เมืองไทยนิยมไปตั้งฐานในสิงคโปร์

ภาพจาก goo.gl/cLWsGb

การทำธุรกิจบางครั้งก็ต้องมีการพลิกแพลงและหาช่องทางที่จะส่งเสริมให้เติบโตได้ได้มากขึ้น เราไม่พูดถึงวิธีคิด วิธีทำการตลาด แต่ในปัจจัยสนับสนุนรอบด้านทั้งเรื่องภาษี การสนับสนุนจากภาครัฐ การส่งเสริมในเทคโนโลยีต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างเต็มตัวมากขึ้น
 
และหนึ่งในวิถีการทำธุรกิจที่แวดวงคนลงทุนรู้กันดีนั้นคือการตั้งบริษัทในประเทศสิงคโปร์เอาไว้เป็นฐานในการเติบโตเพื่ออนาคตคำถามที่ตามมาก็คือทำไมจะต้องเป็นสิงคโปร์ เรื่องนี้ก็ต้องยกข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือ SGX มานำเสนอให้ทราบโดยกว่า 40% ของหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ใน ไม่มีฐานธุรกิจอยู่ในสิงคโปร์เลยด้วยซ้ำ

แต่เป็นบริษัทระดับภูมิภาคหรือระดับโลก ที่เลือกจะเข้ามาระดมทุนที่สิงคโปร์ ธุรกิจในอาเซียนก็เข้ามาจดทะเบียนที่นี้มากพอสมควร แม้แต่ เมียนมา, ลาว, เวียดนาม ส่วนบริษัทสัญชาติไทยก็เข้ามาจดทะเบียนถึง 13 บริษัท

www.ThaiFranchiseCenter.com จึงมองว่าช่องทางนี้อาจเป็นทางลัดสำคัญสำหรับเหล่า Startup ที่จะใช้ประโยชน์นานาประการจากการสนับสนุนของสิงคโปร์ในการเติบโตซึ่งปัจจัยสำคัญก็มีด้วยกัน 6 ประการคือ
 
1.บุคลากรพร้อม เหมาะสำหรับบริษัทเทคโนโลยี

ภาพจาก goo.gl/9vfcN8
 
สิ่งที่ทำให้สิงคโปร์เป็นเป้าหมายอันดับแรกๆ ของนักลงทุนทั่วโลก นอกเหนือการเปิดเสรีด้านการเงินและความง่ายในการดำเนินธุรกิจ ก็คือการมุ่งเน้นพัฒนาในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรในด้านไอซีที โดยสิงคโปร์ใช้ศัพท์ว่า Infocomm นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่บริษัทด้านเทคโนโลยีหรือ Startup อยากจะเข้ามาตั้งฐานธุรกิจที่นี้

แม้แต่ Startup จากประเทศไทยก็ไปจดทะเบียนบริษัทที่สิงคโปร์ไม่น้อยเช่นกัน โดยข้อมูลจาก SGX ระบุว่า สิงคโปร์มีบุคลากรมืออาชีพทางด้าน Infocomm กว่า 146,000 คน ติดอันดับสามประเทศที่เป็นได้รับความสนใจจากบุคลากรทางด้านไอซีทีมืออาชีพที่จะเข้ามาทำงานมากที่สุด

รวมถึงได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีการนำนวัตรกรรมมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจมากที่สุดและมีการประเมินด้วยว่า มูลค่าตลาดเทคโนโลยีในการพัฒนา Smart City ในภูมิภาคเอเชียจะแตะระดับ 100,000 ล้านเหรียญภายในปี 2025
 
2.รัฐบาลสิงคโปร์ สนับสนุนเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจากไหน

ภาพจาก goo.gl/UoJiVP

ภาครัฐสิงคโปร์ได้เข้ามาสนับสนุนการสร้างบุคลากรทางด้าน Infocomm กว่า 80,000 ตำแหน่ง มีการใช้เงินลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์กว่า 335 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือ 8,400 ล้านบาท ปัจจุบัน SGX มีบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เข้ามาจดทะเบียนทั้งหมด 78 บริษัท ใหญ่ที่สุดก็คือสิงคโปร์เทเลคอมหรือ Singtel 
 
3.มีแผนการสร้างธุรกิจ Startup แบบชัดเจน

ภาพจาก goo.gl/JNNsGh

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้การสนับสนุนเงินทุน (Funding) กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 144 ราย ในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมาด้วยเม็ดเงิน 41.3 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือราวๆ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้หน่วยงานกำกับดูแลทางด้านการเงินหรือ MAS ยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนให้สิงคโปร์เป็น Smart Financial Centre ของโลก ด้วยเงินลงทุน 225 ล้านเหรียญสิงคโปร์
 
4.ความได้เปรียบจากจุดที่ตั้งห่างจากประเทศจีนมากกว่าฮ่องกง

ภาพจาก goo.gl/UoJiVP

สิงคโปร์ ยังถูกจัดอันดับโดย เอิร์นส์แอนด์ยัง ว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนด้านฟินเทคอันดับ 4 ของโลกและอันดับหนึ่งในเอเชีย ขณะที่ฮ่องกงยังอยู่ที่ระดับ 7 โดยสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี การสนับสนุนจากรัฐบาล สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ การใช้ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ส่วนหนึ่งที่สิงคโปร์ได้เปรียบฮ่องกงเพราะฮ่องกงนั่นอยู่ใกล้กับประเทศจีนมากเกินไปซึ่งมีผู้เล่นรายใหญ่อย่างอาลีบาบาอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการ Startup ยังกล้าๆ กลัวๆ ในการเปิดตลาด

5.เปิดช่องทางให้โกอินเตอร์ได้ง่ายขึ้น

จากประสบการณ์ของนักธุรกิจที่เปิดบริษัทที่สิงคโปร์ต่างพูดกันว่าสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างง่าย แม้จะมีกฎระเบียบต่างๆ อย่างเช่น สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ ที่ต้องมีชาวสิงคโปร์ร่วมหุ้นด้วย แต่จริงแล้วก็ยังมีช่องทางให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100% เช่นกัน เพียงแค่ระบุวัตถุประสงค์การจัดตั้งไปว่าเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีหรืออยู่ในธุรกิจที่รัฐบาลสนับสนุนหรือก็คือ Startup นั่นเอง
 
6.โดดเด่นด้วยทีมงานที่ปรึกษาแบบมืออาชีพ

ภาพจาก goo.gl/IT1yfv

คนที่อยากทำธุรกิจในสิงคโปร์แนะนำว่าให้จ้างบริษัทที่ปรึกษาจะได้ผลดีกว่าการคลำทางไปเองทั้งนี้  ยังมีบริการที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจครบวงจร เช่น จัดหาบุคลากรที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสายอาชีพที่เฉพาะทาง เช่น นักกฎหมาย ผู้จัดการกองทุน โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ

เรียกได้ว่าสิงคโปร์มีบุคลากรที่เพียบพร้อมในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับนักลงทุนต่างชาติ หรือจะช่วยหา Angle Investor หรือ VC ให้ก็ยังได้ ขณะที่ประเทศไทยยังประสบปัญหาเรื่องของบุคลากรทางด้านไอทีที่ไม่เพียงพอ
 
ด้วยเหตุนี้เมื่อประมวลความคิดและสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว Startup  ที่อยากจะ “โกอินเตอร์” แบบจริงๆ จังๆ จึงมักไปเปิดบริษัทไว้ในประเทศสิงคโปร์ซึ่งถือว่าใช้ต้นทุนไม่สูงมากแต่มีปัจจัยสนับสนุนมากมาย

ซึ่งหลังจากเปิดบริษัททิ้งไว้ก็สามารถเข้ามาเน้นทำการตลาดในเมืองไทยได้เหมือนเดิม ซึ่งก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อยคือการรักษาบัญชีธนาคาร และเมื่อต้องการจะเปิดตลาดต่างประเทศเต็มตัวก็ค่อยใช้บริษัทที่เปิดไว้ในสิงคโปร์เป็นตัวเดินหน้าจะสร้างให้วิถีทางธุรกิจเติบโตได้ในช่องทางลัดที่ว่านี้
 
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตามติดสถานการณ์ในแวดวงการลงทุนหรือข้อมูลอัพเดทต่างๆในแวดวงการทำธุรกิจSMEs เรามีบทความทางธุรกิจนำเสนออย่างต่อเนื่อง สามารถติดตามข่าวสารได้ตลอดเวลา

ดูรายละเอียด goo.gl/y9UNkT
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
434
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
421
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด