บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การโฆษณา ประชาสัมพันธ์
2.4K
2 นาที
1 กุมภาพันธ์ 2560
5 วิธีโฆษณาสินค้า ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสได้ดีเว่อร์

ในยุคสมัยของธุรกิจการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสดูจะเป็นเรื่องที่สินค้าหลายชนิดใช้กลยุทธ์เรื่องนี้กันเป็นอย่างดี แตกต่างกันที่ว่าใครจะทำเรื่องเหล่านี้ได้เนียนกว่ากัน

เพราะอย่าลืมว่าในช่วงเวลาวิกฤติหากคิดจะโฆษณาขายแต่สินค้าย่อมทำให้คนไม่สนใจและมองว่าเป็นการหากำไรที่ไม่สนใจสังคมผลลบจะมากกว่าด้านบวกทั้งนี้ก็ต้องเลือกวิธีที่กลมกลืนและทำให้คนทั่วไปสนใจในสินค้าไปพร้อมๆกันด้วย
 
ยกตัวอย่างสำคัญในช่วงที่ไม่นานมานี้กับศึกเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็ขยันขันแข็งจับเอาสถานการณ์นี้มาเป็นประโยชน์ทางการค้า

ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่านี่คือหนึ่งในกระแสที่สินค้าต่างพากันเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์นี้สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างซึ่งก็พอจะรวบรวมแนวทางของการทำโฆษณาในแนวนี้มาให้ดูเป็นตัวอย่างได้สัก 5 แนวทางเพื่อเจ้าของสินค้าท่านใดที่ชื่นชอบการตลาดแบบนี้จะได้มีไกด์ไลน์ไว้ใช้ต่อไป
 
1.สินค้าต้องใจกล้าที่จะนำเสนอเนื้อหาให้ชัดเจน

เรียกว่าอย่าไปทำกล้าๆกลัวๆ ถ้าเลือกจะเล่นกับกระแสสังคมแล้วก็กระโดดเกาะให้ติดแต่ก็ดูทิศทางให้ดีว่าจะเลือกจับกระแสด้านไหน อย่างในการเลือกตั้งที่ผ่านมาของสหรัฐในช่วงเริ่มต้นของการออกหาเสียง ไม่ค่อยมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่แสดงความกระตือรือร้นที่จะปรากฏภาพของตัวเองอยู่บนเวทีในฝั่งของทรัมป์สักเท่าไหร่ด้วยเกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์สินค้าตัวเองเสียหายไปด้วย
 
แต่บนโลกออนไลน์ แบรนด์อย่าง Johnnie Walker, Snapple, Excedrin (ซึ่งเป็นยาแก้ปวด) กลับเลือกที่จะคว้าโอกาสนี้ไปกับทรัมป์ และพบว่าสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ดีเยี่ยม

โดยสินค้าเหล่านี้มองว่าโอกาสที่คนจะสนใจในตัวทรัมป์นั้นยิ่งคนระแวงเท่าไหร่ความสนใจก็ยิ่งมากการทำโฆษณาโดยเอาทรัมป์มาเป็นจุดขายอย่าง Excedrin ที่บอกใช้รูปภาพของทรัมป์มาพร้อมกับบรรยายใต้ภาพว่า “ถ้ารู้สึกปวดหัว Excedrin คือทางออก” ก็ทำให้คนรู้จักสินค้าได้มากขึ้น
 
2.การสร้างไอเดียการค้าอย่ายึดติดกับข้อมูลจาก Facebook และ Twitter มากเกินไป
 
ในสถานการณ์ที่ก้ำกึ่งหรือเป็นช่วงที่ปัญหายังคุกรุ่นนั้น การหยิบจับประเด็นใดมาเล่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไม่ใช่น้อย และทางที่ดีก็อย่าหวังใช้ข้อมูลจาก Facebook และ Twitter มากเกินไปนัก เพราะระบบของ Facebook เองที่มีการใช้ AI เข้ามาหยิบจับข่าวในการเผยแพร่ก็อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ ทางที่ดีเจ้าของสินค้าต้องวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับตัวสินค้าจะช่วยทำให้การโฆษณามีประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุดมากกว่า
 
3.สร้างแคมเปญให้เด่นชัดที่สุด
 
ภาพจาก goo.gl/6uIQjW

เราจะเห็นตัวอย่างเรื่องนี้ได้ชัดเจนจากสินค้าประเภทยาแก้ปวดยี่ห้อ Excedrin ที่ใช้กระแสเลือกตั้งออกมาสร้างแคมเปญ #DebateHeadache โดยให้คนในโลกโซเชี่ยล ได้มีส่วนร่วมในการโหวตว่าศึกการเลือกตั้งนั้นทำให้รู้สึกปวดหัวได้มากน้อยแค่ไหน

แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากร่วมโหวตว่าเป็นเรื่องที่ปวดหัว และของขวัญจากกติกานี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากยาแก้ปวดของ Excedrin ที่ทั้งมอบเป็นของขวัญและติดแบรนเนอร์โฆษณาทำให้คนรู้จักมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
 
4.ชิงพื้นที่โฆษณาก่อนได้เปรียบกว่า

ภาพจาก goo.gl/th6spR

อย่าลืมว่าธุรกิจยุคนี้แข่งกันที่ความไว ในสถานการณ์บางอย่างหรือกระแสสังคมที่คนสนใจหากเราปล่อยเวลาให้ผ่านเนิ่นนานไปสินค้าเราจะไม่ใช่เจ้าแรกที่พูดถึงเรื่องนี้ซึ่งทางจิตวิทยาแล้วใครก็ตามที่อิงกระแสได้ก่อนจะเรียกว่าผู้นำและใครก็ตามที่ทำโฆษณาตามหลังจะถูกมองว่าเลียนแบบไปโดยปริยาย

ด้วยเหตุนี้การช่วงชิงพื้นที่ก่อนจึงมีความได้เปรียบเสียเปรียบมาก เห็นจากสินค้าจำนวนไม่น้อยที่หลังจากกระแสสังคมไม่นานก็ปล่อยภาพโฆษณาออกมาล้อเลียนบ้าง ตามแต่สถานการณ์ซึ่งก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่เจ้าของสินค้าต้องศึกษาแนวทางไว้ให้ดี
 
5.ต้องรู้จักการตอบโต้โฆษณาของคู่แข่งที่ทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ด้วย

ภาพจาก goo.gl/G6XIID

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางกรณีที่การทำโฆษณาอิงกับกระแสต่างๆ จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากปัจจัยรอบด้านแม้กระทั่งสินค้าคู่แข่งเองที่อาจกระโดดเข้าร่วมในการคอมเมนต์นี้ หรือแม้แต่การออกแบบโฆษณามาหักล้างกันก็เป็นการแข่งขันที่ดูจะดุเดือดมากทางที่ดีสินค้านั้นต้องรู้จักการตอบโต้ในแบบที่ตัวเองได้ประโยชน์ด้วย
 
เช่น กรณีของขนม Skittle ที่ถูก Eric Trump เผยแพร่ภาพของชามใส่ขนม Skittle และแคปชั่นว่า “If I had a bowl of skittles and I told you just three would kill you.

Would you take a handful? That’s our Syrian refugee problem.”โดยบริษัทผู้ผลิตขนม Skittle อย่าง Wrigley ได้ออกมาตอบโต้ทันควันว่า “Skittles are candy; refugees are people.” ถือเป็นการตอบโต้กันแทบจะในทันที และผู้บริโภคก็ได้รับอรรถรสในครั้งนี้ส่วนสินค้าจะขายได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับความพอใจของลูกค้าต่อเหตุการณ์นั้นๆด้วย
 
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามหากคิดจะเอากระแสสังคมมาเป็นตัวแปรในการทำโฆษณาเราก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงความเหมาะสมเพราะกระแสบางครั้งก็อิงกับความรู้สึกของคนหมู่มากหากจับเรื่องผิดพลาดแทนที่จะได้ผลบวกจะกลายเป็นผลลบที่นอกจากยอดขายไม่เพิ่มยังอาจจะเสี่ยงลดลงได้อย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย
 
ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/JQQMvv
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด