บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.5K
2 นาที
6 ธันวาคม 2559
5 วิธีเปลี่ยนจากธุรกิจขาดทุนให้เป็นกำไร

 
การทำธุรกิจสิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้อยู่รอด ปัจจัยที่มีผลต่อการคงอยู่หรือจากไปนั้น เรื่องขาดทุน กำไร

เป็นคำตอบสุดท้ายที่สำคัญมาก บางกิจการสินค้าขายดี แต่เมื่อมองดูอีกทีกลับไม่มีผลกำไรเหลือ เรื่องการบริหารระบบการจัดการนี้เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนควรเรียนรู้ลำพังแค่ความคิดดีๆที่ออกมาเป็นสินค้าไม่อาจการันตีได้ว่านั้นคือความสำเร็จที่จะได้รับ
 
เพื่อไม่ให้ธุรกิจทั้งหลายต้องล้มไม่เป็นท่าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ www.ThaiFranchiseCenter.com   มี 5 วิธีน่าสนใจสำหรับการทำให้ผู้ลงทุนอยู่ห่างจากคำว่าขาดทุนมากขึ้น เรื่องบางเรื่องดูจะเป็นสิ่งไม่สำคัญแต่เชื่อเถอะว่าเรื่องง่ายๆที่ว่าในทางธุรกิจแล้วมีความสำคัญอย่างมาก
 
กลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ
 
สิ่งที่เถ้าแก่ใหม่ทุกคนต้องการคือ กำไร แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายทั้งหมด คำว่ากำไรดูว่าสำคัญแล้วแต่ขอบอกว่าการบริหารจัดการ ต้นทุน และค่าใช้จ่าย นั้นสำคัญกว่ามาก หลายธุรกิจได้ชื่อว่า ขายดีจนเจ๊ง

เนื่องจากไม่สามารถแยกแยะเงินของธุรกิจออกจากเงินส่วนตัวได้ วิธีการที่ควรใช้คือการตั้งเงินเดือนให้ตัวเองแม้เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นก็ตามที

นอกจากนี้เมื่อได้รับเงินเดือนตัวเองแล้วก็ต้องใช้จ่ายในวงเงินแค่นั้นถ้าไม่พอใช้ต้องไปหาจากที่อื่นไม่ใช่หยิบออกจากระบบของตัวเอง และถ้ามียอดขายที่ดีมีผลกำไรที่มากขึ้น สามารถขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองได้แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูให้เหมาะสมด้วย 
 
ที่สำคัญผู้ลงทุนนั้นไม่ควรใช้เงินให้ผิดประเภท การแบ่งแยกเงินของธุรกิจออกเป็นสัดส่วนถือเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนไหนไว้สำหรับธุรกิจ ส่วนไหนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไป ส่วนไหนไว้สำหรับลูกค้า ฯลฯ ต้องแบ่งสรรปันส่วนให้เหมาะสมและบริหารเงินเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
 
และสำหรับใครที่ยังมองภาพไม่ออกว่าที่จริงแล้วจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้การบริหารการเงินนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและนี่คือ 5 วิธีที่จะเปลี่ยนให้ธุรกิจที่ลุ่มๆดอนได้มีโอกาสมองเห็นกำไรของตัวเองมากขึ้น
 
1.ทำบัญชีรายรับ รายจ่ายให้ชัดเจน
 
นี่คือเรื่องสำคัญครับมากคนทำธุรกิจต้องรู้ก่อนว่า ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แท้จริงเป็นเท่าไหร่ดังนั้นจึงต้องมีการจดบันทึกให้ละเอียดที่สุด จะทำในรูปแบบสมุดรายรับ-รายจ่าย หรือบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็แล้วแต่

โดยบัญชีเบื้องต้นของการทำธุรกิจใหม่จะมีหลักการคิดง่ายๆคือ เมื่อมีการจ่ายเงินออกจากบริษัทเมื่อใดให้จดบันทึกเมื่อนั้น โดยรายจ่ายในธุรกิจมี 2 ส่วนคือ ค่าใช้จ่ายในการขาย(ค่าใช้จ่ายที่ซื้อสินค้ามา) กับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน(ค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น)โดยในปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จรูปมากมายด้านบัญชีที่สามารถเป็นตัวช่วยให้การทำธุรกิจนั้นง่ายมากขึ้นด้วย
 
2.แยก “ความต้องการ” ออกจาก “ความจำเป็น”
 
เมื่อเราจดบันทึกละเอียด ทำบัญชีที่รัดกุมจะทำให้เรามองเห็นถึง “รอยรั่ว” สิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือราคาส่วนไหนที่สูงจนเกินไป สามารถนำมาคัดแยกประเภทของรายจ่ายได้อย่างชัดเจนต้นทุนบางอย่างเป็นเรื่องของ “ความต้องการ”

แต่ไม่มีความ “จำเป็น” ที่จะต้องใช้ในการดำเนินการธุรกิจ ก็กำจัด ปรับ ลด ให้มันเหมาะสมกับธุรกิจ ไม่อย่างนั้นแล้วตรงจุดนี้จะกลายเป็น “ต้นทุนพอกหางหมู” ที่จะทำให้ “ขาดทุน” ได้ในอนาคต
 
การที่จะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนต่ำได้เราต้องหา ส่วนเกินของธุรกิจ หรือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต้องให้เจอ เทคนิคง่ายๆ เจอแล้วป้องกันได้ไวธุรกิจก็สดใสเดินหน้าได้อีกยาวไกลแน่นอน 
 
3.ต้องโฟกัสที่ลูกค้าเราเท่านั้น
 
การทำให้ธุรกิจมีต้นทุนที่ต่ำได้อีกทางหนึ่งคือการที่เราโฟกัสเฉพาะกลุ่มลูกค้าตัวเองเท่านั้นโดยทุกวันนี้ถือเป็นยุคของ Niche Market หรือตลาดจำเพาะ ยกตัวอย่างธุรกิจการแพทย์ ที่ปัจจุบันมีโรงพยาบาล จำเพาะเจาะจงว่าเป็นโรงพยาบาลที่เน้นการรักษาเรื่องใดเป็นหลัก

หรือแม้แต่กระทั่งสินค้าก็สามารถโฟกัสลูกค้าได้อย่างเช่นการผลิตเครื่องสำอางแต่ตั้งConcept ว่า “ทุกคนสวยใส เป็นดาวมหาลัยได้” นั้นเท่ากับเป็นการโฟกัสลูกค้าที่เน้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเมื่อทราบทิศทางลูกค้าการประชาสัมพันธ์ต่างๆก็จำเพาะเจาะจงได้ง่ายขึ้นด้วย
 
4.ใช้สื่อให้ตรงประเภท ตรงเป้าหมาย
 
การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต้องยิงให้ตรงจุด เล็งให้ตรงกับกลุ่มผู้ “รับสาร” การที่ธุรกิจพยายามหว่านแห พยายามใช้ทุกสื่อโฆษณาไม่ว่าจะเป็นทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แน่นอนว่าต้องมีบางสื่อที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับต้นทุนที่เราจะเสียแบบเปล่าประโยชน์มาก ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องเลือกให้ดีว่ากลุ่มลูกค้าเหมาะกับสื่อแบบไหน ถ้าเราเลือกกลุ่มวัยรุ่น Digital Media ก็เป็นทางเลือกน่าสนใจ

แต่ถ้ากลุ่มลูกค้าอยู่ตามโรงเรียน บ้านพัก การเลือกใช้แผ่นพับ โบร์ชัวร์ ก็เป็นทางออกที่ดี ทั้งนี้การรู้แนวทางการประชาสัมพันธ์เป็นการเซฟต้นทุนและทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจได้มากที่สุดด้วย
 
5.ใช้ทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่าที่สุด
 
โปรดอย่ามองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาดการทำธุรกิจที่ดีไม่จำเป็นว่าอุปกรณ์ทุกอย่างต้องเลอเลิศเพอเฟคไปด้วย ยกตัวอย่างการซื้อโทรศัพท์ให้กับพนักงานเราไม่จำเป็นต้องใช้ Smart phone ราคาสูงเพราะหลักๆก็แค่ไว้ใช้โทรหาลูกค้า หรือแม้แต่อุปกรณ์สำนักงานไม่จำเป็นต้องมือใหม่ทุกชิ้น

สินค้ามือสองปัจจุบันคุณภาพใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่ามาก ทั้งนี้การใช้ทรัพยากรที่มีให้เต็มที่คือการบริหารต้นทุนที่ดีที่บอกเป้าหมายระยะยาวว่าธุรกิจเราจะมีกำไรหรือขาดทุนได้เลยทีเดียว
 
การทำธุรกิจก็ไม่ต่างจากการเรียนหนังสือนั้นคือควรมีวินัยในตัวเองยิ่งธุรกิจมีการลงทุนสูงวินัยด้านการเงินยิ่งต้องมาก คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะไอเดียดี

แต่มีการบริหารจัดการที่สุดยอด โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจยอดขายไม่ได้ดั่งใจหวังการบริหารการเงินยิ่งมีประโยชน์มากขึ้น ไอเดียดี บริหารดี ธุรกิจมีกำไร ไม่พังครืนแน่นอน
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด