บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    AEC
5.4K
3 นาที
7 เมษายน 2559
อยากขายแฟรนไชส์ใปต่างประเทศ ต้องอ่าน!


ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์หลายคนอาจพอรู้อยู่บ้างว่า หากต้องการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศ จะเลือกใช้รูปแบบการให้สิทธิแฟรนไชส์แก่แฟรนไชส์ซีในต่างประเทศอย่างไรบ้าง เพราะในแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป


ธุรกิจแฟรนไชส์หลายประเภทอาจเหมาะสำหรับการผสมผสานกันของทั้ง 3 รูปแบบการให้สิทธิ หรือไม่ก็ 1 รูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายและเงื่อนไขทางธุรกิจ รวมถึงสภาวะการแข่งขันในแต่ละประเทศด้วย

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรูปแบบการให้สิทธิแฟรนไชส์ในต่างประเทศมีอะไรบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร มาฝากท่านผู้ประกอบการเพื่อเป็นทางเลือก ก่อนที่จะตัดสินใจขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ

1. Single or Multi-Unit Franchise


ภาพจาก bit.ly/2tKdklc

เป็นรูปแบบการขยายสาขาที่แฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่บุคคลหรือองค์กรธุรกิจ ในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ 1 แห่ง (Single-Unit) ภายในพื้นที่ตามที่กำหนด โดยแฟรนไชส์ซอร์อาจจะให้สิทธิเพิ่มเติมในการเปิดสาขาแฟรนไชส์อีกหลายแห่งได้ในภายหลัง เมื่อแฟรนไชส์แห่งแรกประสบความสำเร็จ (Multi-Unit)
 
ข้อดี
  • หาแฟรนไชส์ซีที่สนใจลงทุนแฟรนไชส์ได้ง่าย เพราะขนาดการลงทุนสาขา 1 แห่งจะต่ำกว่าการลงทุนหลายๆ แห่ง ซึ่งจะเหมาะสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีการลงทุนต่อหน่วยสูง เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ดจากต่างประเทศ
  • เป็นรูปแบบที่ง่ายในการเริ่มต้นของแฟรนไชส์ซอร์หลายประเภท โดยเฉพาะในช่วงเริ่มขยายธุรกิจด้วยแฟรนไชส์ อีกทั้งยังช่วยให้แฟรนไชส์ซอร์สามารถให้การสนับสนุนและเรียนรู้ข้อผิดพลาดของการทำแฟรนไชส์ได้โดยตรงจากสาขาต้นๆ 
  • สามารถประเมินและวัดผลประกอบการของสาขาแรก ก่อนที่จะทำการขยายสาขาต่อไป เมื่อแฟรนไชส์ซอร์ขายสิทธิให้แฟรนไชส์ซีในทำเลที่ตั้งดำเนินการเปิดสาขา 1 แห่ง ซึ่งสาขาแห่งนี้จะเป็นสาขาต้นแบบในการบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จต้องทำใหม่ แต่ถ้าประสบความสำเร็จก็สามารถขยายสาขาต่อไปได้  
  • แฟรนไชส์ซอร์สามารถพัฒนาธุรกิจให้ดีแบบค่อยเป็นค่อยไป สาขาแรกประสบความสำเร็จจึงค่อยมีสาขาที่สอง  หรือไม่ก็ทำการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีไปเรื่อยๆ เพราะการหาแฟรนไชส์ซีที่จะเข้ามารับสิทธิในการเปิดสาขา 1 แห่งในแต่ละพื้นที่กำหนด จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารค่อนข้างสูง

ภาพจาก bit.ly/2RWd8qO
 
ข้อเสีย
  • ใช้เวลานานในการขยายสาขา เพราะต้องบริหารสาขาแรกให้ประสบความสำเร็จก่อน เพราะการที่แฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่บุคคลหรือองค์กรธุรกิจดำเนินธุรกิจได้ 1 สาขาในพื้นที่กำหนด กว่าที่สาขาแห่งนี้จะประสบความสำเร็จ อาจต้องใช้เวลายาวนาน เพราะจะต้องมีเวลาในการทำตลาด ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการวางระบบการบริหารจัดการเพื่อให้สาขาสำเร็จ
  • การบริหารสาขาที่อยู่ไกล ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง แน่นอนว่าถ้าแฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในต่างประเทศ ย่อมมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางและการขนส่ง ยิ่งถ้าในต่างประเทศเปิดได้เพียงแค่ 1-2 สาขา แต่อยู่ในพื้นที่ห่างกัน รับรองว่าต้องเสียค่าใช้ไม่คุ้มค่าแน่นอน
  • เมื่อมีแฟรนไชส์ซีเพิ่มขึ้น ทำให้แต่ละสาขามีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงทำให้การสนับสนุนและบริการของแฟรนไชส์ซอร์ต่อแฟรนไชส์ซี ที่มีจำนวนมากๆ จะกระทำได้ลำบาก
2. Area Development Franchise


ภาพจาก facebook.com/CafeAmazonCambodia

รูปแบบการขยายสาขาที่แฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิผู้ใดผู้หนึ่งในการพัฒนา และดำเนินการได้หลายสาขาในพื้นที่ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งต้องกำหนดเป้าหมายการขยายสาขาในช่วงเวลาที่ตกลงไว้ก่อนตั้งแต่เริ่มต้น เพราะหากแฟรนไชส์ซีระดับพัฒนาพื้นที่ไม่สามารถขยายสาขาได้ตามเวลาที่กำหนด ก็อาจถูกตัดสิทธิในระดับพื้นที่ได้
 
ข้อดี
  • อัตราการขยายแฟรนไชส์สูงขึ้น เพราะด้วยความชำนาญตลาดในพื้นที่ของแฟรนไชส์ซี อีกทั้งยังมีข้อตกลงในการกำหนดเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มในช่วงเวลาที่ตกลงกัน จึงทำให้แฟรนไชส์ซีมีความกระตือรือร้นและมุ่งมั่นขยายสาขาให้สำเร็จ
  • แฟรนไชส์ซีระดับพื้นที่มีความสามารถบริหารธุรกิจสาขามากกว่า รวมถึงรู้จักและมีความใกล้ชิดผู้บริโภคจึงสามารถทำการตลาดและใช้กลยุทธ์โดนใจคนในพื้นที่ได้ ดังนั้นความต้องการช่วยเหลือจากแฟรนไชส์ซอร์จึงลดน้อยลง
  • ปัญหาด้านการดำเนินธุรกิจในเชิงปฏิบัติน้อยลง เพราะระบบการบริหารจัดการสาขาในประเทศนั้นๆ รวมถึงการขยายสาขาเพิ่ม ได้ให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีระดับพื้นที่ไปแล้ว แฟรนไชส์ซอร์เพียงแค่เฝ้าดูและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ เท่านั้น

ภาพจาก facebook.com/CafeAmazonCambodia

ข้อเสีย
  • ต้องใช้สัญญาแยกต่างหาก และมีหลายฉบับ (การให้สิทธิแฟรนไชส์พัฒนาพื้นที่นั้น ต้องเซ็นสัญญา 2 ฉบับ คือ สัญญาการให้สิทธิพัฒนาพื้นที่ (Area Development Agreement) และสัญญาแฟรนไชส์ (Individual Franchise Agreement) ซึ่งใช้สำหรับแต่ละสาขาที่เปิดภายใต้สัญญาการให้สิทธิพัฒนาพื้นที่
  • ถ้าแฟรนไชส์ซีสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางด้านการตลาดได้มากกว่า จะส่งผลเสียต่อแฟรนไชส์ซอร์ เพราะแฟรนไชส์ซีจะสามารถผลิตสินค้าและบริการที่คล้ายคลึงกันออกมาแข่งขันกับแฟรนไชส์ซอร์ได้
  • แฟรนไชส์ซอร์มีความเสี่ยงมากขึ้น หากแฟรนไชส์ซีรายใดมีผลการดำเนินงานไม่ดี อาจจะต้องสูญเสียตลาดในพื้นที่นั้นๆ ไปเลยก็ได้ ซึ่งถ้าแฟรนไชส์ซอร์จะให้สิทธิแก่คนอื่นมาทำแทนคนแรก อาจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อแบรนด์สินค้าและบริการของคุณไปก่อนหน้านี้แล้ว
3. Master Franchise


ภาพจาก N&B Pancake LAO

รูปแบบการขยายสาขาที่แฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ในการขยายและสนับสนุนแฟรนไชส์เสมือนเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์เอง โดยรับผิดชอบตามเขตพื้นที่ที่กำหนด Master Franchise จะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ และค่าสิทธิในการขยายสาขาแฟรนไชส์ในพื้นที่ เพื่อตอบแทนการสร้างระบบสนับสนุนและการส่งเสริมการตลาด ค่าธรรมเนียมต่างๆ ขึ้นอยู่กับปริมาณงานในการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีในพื้นที่

ข้อดี
  • สามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแฟรนไชส์ซีมีความชำนาญในตลาดในพื้นที่ ทำให้รู้ว่าจะคัดเลือกแฟรนไชส์ซีเพิ่มอย่างไร อีกทั้งยังได้ส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ด้วย ทำให้มีความกระตือรือร้นบริหารธุรกิจ
  • ลดภาระการขยายแฟรนไชส์ โดย Master Franchise จะเป็นผู้รับผิดชอบการขยายสาขาแฟรนไชส์เอง เพราะเมื่อแฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในประเทศนั้นๆ ไปแล้ว จะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการขยายสาขาและคัดเลือกแฟรนไชส์ซีเข้ามารับสิทธิเพิ่ม คือจะไม่ปวดหัวเพิ่ม ซึ่งแฟรนไชส์ซีจะทำหน้าที่ขยายสาขาแทนแฟรนไชส์ซอร์เองตามข้อตกลง 
  • สามารถเจาะตลาดได้กว้างขึ้น เพราะผู้รับสิทธิในพื้นที่จะรู้จักตลาดดีกว่าแฟรนไชส์ซอร์ ซึ่งถือเป็นข้อดีของการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในรูปแบบ Master Franchise เพราะโดยส่วนใหญ่เจ้าของแฟรนไชส์หลายคนจะใช้รูปแบบนี้ เพราะตัวเองไม่มีความชำนาญในการทำตลาดในแต่ละพื้นที่ของต่างประเทศ จึงต้องให้สิทธิแฟรนไชส์ซีซึ่งเป็นคนในพื้นที่ทำแทน

ภาพจาก N&B Pancake LAO
 
ข้อเสีย
  • ต้องใช้สัญญาแฟรนไชส์ที่แตกต่างไปจากสัญญาแฟรนไชส์ปกติทั่วไป เพราะ Master Franchise เป็นรูปแบบขยายธุรกิจแฟรนไชส์ ที่นอกจากจะให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในพื้นที่แล้ว ยังแบ่งค่าธรรมเนียมและค่าสิทธิในการขยายสาขาให้กับแฟรนไชส์ซีเมื่อเขาสามารถขยายสาขาหรือให้สิทธิแก่ผู้อื่นได้ จึงทำให้ต้องใช้สัญญาแตกต่างจากทั่วไป 
  • แฟรนไชส์ซอร์ต้องแบ่งรายได้ให้แก่ Master Franchise ทำให้รายได้จากค่าสิทธิลดลง ถือเป็นการให้ประโยชน์แก่แฟรนไชส์ซีในประเทศนั้นๆ แลกกับการบริหารจัดการสาขาและทำหน้าที่ในการขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น เสมือนว่าเขาเป็นตัวแทนของแฟรนไชส์ซอร์ในประเทศนั้นๆ
  • มีความเป็นไปได้ที่แฟรนไชส์ซอร์จะเสียการควบคุมระบบ และทำให้ระบบแฟรนไชส์เสียมาตรฐาน เพราะเมื่อแฟรนไชส์ซอร์ขายสิทธิให้แก่แฟรนไชส์ซีในพื้นที่ไปแล้ว หน้าที่บริหารจัดการสาขาในประเทศนั้นๆ จะเป็นของแฟรนไชส์ซี รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มในแต่ละพื้นที่ด้วย เป็นธรรมดาที่อาจทำให้เสียระบบการควบคุมอยู่บ้าง

เห็นได้ว่ารูปแบบการให้สิทธิแฟรนไชส์ทั้ง 3 แบบนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวเอง การตัดสินใจของคุณว่าจะใช้รูปแบบใด จึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะธุรกิจของคุณเป็นเกณฑ์

แต่แฟรนไชส์ซอร์หลายท่านก็มีการใช้รูปแบบทั้ง 3 ผสมผสานกันในกลยุทธ์ของแฟรนไชส์ ตามแต่เงื่อนไขของธุรกิจและการตลาด รวมถึงการแข่งขันในแต่ละประเทศ

บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
848
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
591
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
510
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
484
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
472
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
447
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด