บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
6.6K
2 นาที
9 มีนาคม 2559
โมเดลกระดาษ กลยุทธ์การตลาดแบบใช้ไอเดียสร้างสรรค์

เรื่องของกลยุทธ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตลาดในยุคใหม่ บางครั้งการที่จะเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแบบตรงๆเสมอไป หลายวิธีที่เรียกว่า “น้ำซึมบ่อทราย” คือทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ขายสินค้าแต่ก็สามารถจดจำแบรนด์นั้นๆได้อย่างไม่มีวันลืมเลือน

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ว่านี้ใครจะเชื่อว่ามีเรื่องของ “โมเดลกระดาษ” รวมอยู่ด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่า โมเดลกระดาษเกี่ยวอะไรกับการตลาด


www.ThaiFranchiseCenter.com มีคำตอบให้ทุกท่าน ถือเป็นการเปิดกลยุทธ์การตลาดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่ผลลัพธ์ที่ได้ขอบอกว่าดีเกินคาด ที่สำคัญกลยุทธ์นี้เอาไปต่อยอดเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่ดีได้อีกทางหนึ่งด้วย

โมเดลกระดาษ แบบจำลองที่ไม่ควรมองข้าม

ในยุคโลกเสมือนจริงที่คนเรานิยมจำลองสิ่งต่างๆ ผ่านโปรแกรม 3 มิติ 4 มิติ ไม่น่าเชื่อเลยว่า โมเดลกระดาษยังคงมีที่ทางของตัวเองอย่างชัดเจนคำว่า “โมเดลกระดาษ” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Paper Model” , “Paper-Card Modeling” , “Paper craft”หมายถึงการประดิษฐ์และประกอบกระดาษขึ้นเป็นผลงานที่มีมิติ ถือเป็นญาติใกล้ชิดกับออริกามิ (Origami) ซึ่งเป็นผลงานศิลปะจากกระดาษเช่นกัน แต่จะใช้วิธีการ "พับ" มากกว่าวิธี "ประกอบเข้าด้วยกัน" แบบโมเดลกระดาษ

โมเดลกระดาษเริ่มบูมตั้งแต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากกระดาษกลายเป็นวัสดุที่เหลืออยู่ไม่กี่อย่าง ที่จะนำมาทำของเล่นได้ โมเดลกระดาษที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีการบันทึกไว้เห็นจะเป็นโมเดล "เรือรบ 70 ปืนใหญ่" ที่ชื่อ "Nordstjernan" ของประเทศสวีเดน ในช่วงปีค.ศ. 1703


สังเกตได้ในช่วงแรกผลงานโมเดลกระดาษมักเป็นพวกยุทโธปกรณ์ต่างๆ สำหรับการสงคราม เช่น รถถัง เครื่องบินเรือรบและอาวุธต่างๆแต่พอพ้นช่วงขาดแคลนไปแล้ว โมเดลของเล่นต่างๆ จึงย้ายที่ไปตั้งหลักอยู่กับพลาสติกและวัสดุต่างๆที่คิดค้นขึ้นใหม่ เรื่อยไปจนถึงโมเดลที่จำลองกันด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์

โมเดลกระดาษที่กลับมาฮิตอีกครั้งและกลายเป็นกลยุทธ์ของสินค้าหลายอย่าง

ปัจจุบันโมเดลกระดาษไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่แค่เอากระดาษมาตัดตามแบบแล้วขึ้นรูปตามใจชอบเดี๋ยวนี้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำโมเดลกระดาษที่แค่ปริ้นท์แล้วพับตามแบบก็เอามาประกอบเป็นรูปต่างๆได้อย่างสวยงาม

ด้วยแพทเทิร์นที่ว่านี้สินค้าหลายตัวจึงจับเอามาเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ตัวเองเป็นศูนย์กลางเพิ่มลูกเล่นเรื่องโมเดลกระดาษเข้าไปให้ผู้ที่สนใจเข้ามาดาวน์โหลด เพื่อจะได้ต้นแบบของโมเดลเอาไปพับเล่นกันอย่างฟรีๆ นี่คือกลยุทธ์ที่เรียกว่าน้ำซึมบ่อทราย หลายคนอาจจะไม่ได้สนใจสินค้าแต่การเข้าเว็บไซด์ ดาวน์โหลดโมเดลที่มีโลโก้สินค้านั้นๆก็ทำให้เกิดการจดจำได้อย่างไม่รู้ตัวเหมือนกัน


มาดูกันบ้างว่าสินค้าตัวไหนที่ใช้กลยุทธ์สร้างสรรค์แบบนี้บ้าง

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์อย่างยามาฮ่า (Yamaha) ที่จัดแพทเทิร์นโมเดลรถรุ่นต่างๆ ให้ผู้สนใจลองดาวน์โหลดไปประกอบกันเล่นๆ ในสโลแกน “สร้างความผูกพันกับสินค้ากันสักนิดก่อนตัดสินใจ” โดยรายละเอียดที่ยามาฮ่าใส่ไว้ในโมเดลกระดาษนั้นมีความสมจริงมาก ทั้งตัวถัง ล้อ เพลาอะไหล่ต่างๆ แยกชิ้นกันมาเป็นส่วนๆ แถมบางรุ่นยังไม่มีวิธีประกอบแบบสำเร็จแต่ต้องโหลดรูปรถรุ่นที่หมายตาไว้แล้วลอง ไปประกอบเอาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายนักประกอบโมเดลเป็นอย่างมาก (ดาวน์โหลด คลิ๊ก http://goo.gl/z0saU7 )

ส่วนทางแคนนอน (Cannon) ทำหัวใสเช่นกันเอาโมเดลกระดาษเข้าช่วยขายพรินเตอร์ไปแบบเนียนๆ โดยเปิดเว็บไซต์ให้คนดาวน์โหลดแพทเทิร์นโมเดลกระดาษไปพับเล่นกันฟรีๆได้เช่นกัน (ดาวน์โหลดคลิ๊ก http://cp.c-ij.com/en/contents/1006/)

 ในขณะที่ไนกี้ (Nike) ก็จับกระแสโมเดลกระดาษด้วยการให้ศิลปินชาวญี่ปุ่นมาออกแบบรองเท้ารุ่น Air Force One ในรูปของโมเดลกระดาษขนาดเท่าจริง ภายใต้แนวคิดของการผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความดั้งเดิมของออริกามิ ซึ่งนอกจากNike และมีการนำผลงานออกแสดงในนิทรรศการที่ชื่อว่า “ROCK PAPER SNEAKERS” พร้อมกับเปิดให้แฟนๆ ดาวน์โหลดไปพับเก็บเป็นของสะสมกันด้วย


นอกจากนี้สินค้าตัวอื่นๆก็ให้ความสนใจในกลยุทธ์นี้ไม่แพ้กันมีการปล่อยโมเดลกระดาษเป็นรูปหุ่น โลโก้สินค้า หรือมาสคอตสินค้าตัวเองเพื่อให้คนเข้ามาดาวน์โหลดกันฟรีๆ  เรียกว่านี่คือการตลาดแบบเงียบๆที่หลายคนไม่รู้แต่มาแรงมากที่สำคัญสร้างการจดจำสินค้าได้ดีเป็นอย่างยิ่งทีเดียว
ตลาดโมเดลกระดาษในประเทศไทย

ขณะที่แบรนด์ต่างประเทศพาเหรดกันจับเอาจุดเด่นของโมเดลกระดาษมาใช้เพิ่มมูลค่าสินค้า แต่ตลาดนี้ในเมืองไทยยังเป็นลักษณะของ “การเล่น” ซะมากกว่า แม้ไม่ได้มีการสร้างมูลค่าเพื่อโฆษณาสินค้าแต่ก็มีการพัฒนาเอา “โมเดลกระดาษ” เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้น่าสนใจ

โดยมีทั้งที่สร้างโมเดลกระดาษมาเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดีต่างๆ หรือสัตว์ในป่าหิมพานต์ หรือแม้แต่การ์ตูนน่ารักๆที่ส่วนมากจะเน้นความเป็นไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง เทคนิคของอาชีพนี้ต้องอาศัยความรู้ด้านกราฟฟิกดีไซน์และคอมพิวเตอร์เพื่อออกแบบให้เป็น 3 มิติที่ให้ความเสมือนจริงเมื่อนำมาพับตามรอยที่ระบุไว้


ราคาในการจำหน่ายก็ถือว่าคุ้มค่าชุดละประมาณ 170 บาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่รักและชอบในการต่อเลโก้ จิ๊กซอว์ คนที่ชอบการประดิษฐ์คือฐานลูกค้าที่สำคัญของธุรกิจนี้รายได้เฉลี่ยของธุรกิจนี้อาจจะไม่มายแค่เดือนละ 4,000-5,000 บาท แต่นี่ก็คือธุรกิจที่มีอนาคตสดใส ก็ขึ้นอยู่กับการตลาดเป็นสำคัญด้วย ยิ่งถ้าต่อๆไปสินค้าหลายรายการในประเทศไทยหันมามองกลยุทธ์การใช้โมเดลกระดาษเพื่อสร้างแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ตอนนั้นคงเรียกได้ว่า นี่คือเวทีทองของคนที่ทำธุรกิจนี้อย่างแท้จริง

    และนี่ก็คือเรื่องของกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ก็มีสีสันแทรกในไอเดียการค้าถือว่าเป็นแนวทางตลาดยุคใหม่ที่ไม่มุ่งการค้าจนเกินงามแต่สร้างความประทับใจควบคู่กันไป และอนาคตคงมีการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นไว้ถึงตอนนั้นเราค่อยมาเล่าสู่กันฟังกันอีกทีครับ

เรียบเรียงโดย ThaiFranchiseCenter.com
ขอบคุณรูปภาพจาก: http://goo.gl/AjvlxO, https://goo.gl/HdvWE8

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด