บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    AEC
5.6K
4 นาที
14 สิงหาคม 2558
กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ของประเทศสิงคโปร์
 

กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์


ประเทศสิงคโปร์เป็นอีกประเทศหนึ่งในอาเซียนที่ไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์บังคับใช้โดยตรง ทั้งยังไม่มีข้อกำหนด ระเบียบกฎเกณฑ์เฉพาะเจาะจงสำหรับการจัดตั้งธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสิงคโปร์ แต่มิได้หมายความว่าการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสิงคโปร์จะไม่มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์อื่นมาควบคุม

แฟรนไชส์ซอร์ที่ประสงค์จะดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์จะต้องระมัดระวังในการทำสัญญาแฟรนไชส์ในประเด็นเรื่องการแข่งขันทางการค้า (กล่าวคือ สัญญาแฟรนไชส์ต้องไม่ก่อให้เกิดการจำกัดหรือบิดเบือนการแข่งขันทางการค้า) ข้อกำหนดอันไม่เป็นธรรม (อาทิ การจำกัดความรับผิดหรือข้อยกเว้นความรับผิดในกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่)

กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายเครื่องหมายทางการค้าและกฎหมายความลับทางการค้า) และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์บังคับใช้โดยตรงแต่ยังมีกฎหมายภายในอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถบังคับใช้ได้โดยมิจำต้องมีกฎหมายเฉพาะเจาะจงโดยตรง สำหรับประเด็นเรื่องกฎหมายที่ใช้บังคับกับสัญญาแฟรนไชส์นั้น


ภาพจาก bit.ly/2upt4tE

ศาลของประเทศสิงคโปร์เปิดช่องให้อิสระแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย (แฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี) ในการเจรจาตกลงที่จะกำหนดว่าจะใช้กฎหมายของประเทศใดบังคับแก่สัญญาของตน 1) รูปแบบธุรกิจที่สามารถจัดตั้งเพื่อประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ แฟรนไชส์ซอร์สามารถเลือกที่จะจัดตั้งธุรกิจของตนในรูปแบบต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์ได้ ดังนี้
  • ห้างที่มีหุ้นส่วนเพียงรายเดียว (Sole Proprietorship)
  • ห้างหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด (Partnership) ค. ห้างหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด (Limited Liability Partnership) ง. บริษัทจำกัด (Company)
ชาวต่างชาติที่มิได้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศสิงคโปร์แต่ประสงค์ที่จะประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสิงคโปร์จะต้องยื่นขอใบอนุญาตการจ้างงาน (Employment Pass) ตามข้อกำหนดการเข้าเมืองของประเทศสิงคโปร์ก่อนอันดับแรก เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะสามารถนำไปจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจต่อ Accounting & Corporate Regulatory Authority หรือ ACRA45 ได้


ภาพจาก bit.ly/2tINmhQ
 
กฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์

กฎหมายภายในสำคัญที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์ สามารถกล่าวโดยสังเขปได้ดังนี้
  • Business Registration Act, Chapter 32
  • Companies Act, Chapter 50
  • Limited Liability Partnership Act, Chapter 163A
  • Trade Marks Act, Chapter 332
  • Labour/Employment Law
  • Real Estate Law
  • Competition Act, Chapter 50B
กฎหมายภายในที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแฟรนไชส์
1) กฎหมายนิติกรรมสัญญา


ในกรณีที่คู่สัญญาตกลงให้กฎหมายประเทศสิงคโปร์บังคับใช้กับสัญญา หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายศาลจะพิจารณาประเด็นแห่งคดีตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ใช้กฎหมายระบบ Common Law ซึ่งแนวคำพิพากษาของศาลสิงคโปร์จะมีผลต่อการพิจารณาคดีในคดีถัดมา หลักสำคัญประการหนึ่งตามแนวคำพิพากษาของศาลสิงคโปร์คือ หากแฟรนไชส์ซอร์ผิดสัญญาในการจัดเตรียมรายละเอียดสำคัญที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์นั้น

แฟรนไชส์ซีมีสิทธิบอกเลิกสัญญา เช่น คดี The Best Source Restaurant v. Wan Chai Capital Holdings Pte Ltd.6 แฟรนไชส์ซอร์ผิดสัญญาไม่จัดเตรียมสูตรปรุงอาหารสำหรับรายการอาหารหลายประเภทที่มีอยู่ในรายการอาหารของร้าน ศาลตัดสินว่า รายละเอียดต่างๆ ของระบบธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทนั้นและวิธีการดำเนินธุรกิจที่สมบูรณ์

ภาพจาก bit.ly/2RIIwJl

เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นวัตถุประสงค์ร่วมกันของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายในการเข้าทำความตกลงสัญญาแฟรนไชส์ เช่นนี้ การบอกเลิกสัญญาจึงชอบด้วยกฎหมายและแฟรนไชส์ซอร์ยังต้องชดใช้เยียวยาความเสียหายให้แก่แฟรนไชส์ซี นอกจากนี้ ตาม Contracts (Rights of Third Parties) Act (Cap 53B) ได้กำหนดให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกในการบังคับสัญญาได้โดยตรง หากเข้าองค์ประกอบของพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งส่งผลให้บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่สัญญาสามารถเข้ามามีสิทธิในสัญญาได้

ในทางปฏิบัติของสัญญาธุรกิจที่กำหนดให้ใช้กฎหมายสิงคโปร์เป็นกฎหมายใช้บังคับแห่งสัญญามักจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าให้ยกเว้นการบังคับใช้ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องจากการเข้ามามีสิทธิตามสัญญาของบุคคลภายนอกอาจก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมแก่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายของสัญญาแฟรนไชส์

2) กฎหมายแข่งขันทางการค้า Competition Act (Cap 50B)

มีเนื้อหาที่เคร่งครัดและส่งผลต่อการกระทำต่างๆ อันเป็นการต่อต้านการแข่งขันทางการค้า การปกป้องการแข่งขันทางการค้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย การจำกัดหรือการบิดเบือนการแข่งขันทางการค้า พระราชบัญญัติฉบับนี้ห้ามการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายหลักๆ อยู่สามประการ ได้แก่

ก. ข้อตกลง การตัดสินใจ และการปฏิบัติที่เป็นการต่อต้านการแข่งขันทางการค้า (มาตรา 34) อันก่อให้เกิดการปกป้อง การจำกัด หรือการบิดเบือนการแข่งขันทางการค้าภายในประเทศสิงคโปร์ หากการกระทำดังกล่าวมีลักษณะประการใดประการหนึ่ง ดังต่อไปนี้
  1. การกระทำดังกล่าวเป็นการกำหนดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมซึ่งราคาขายหรือราคาซื้อ หรือเงื่อนไขทางการค้าอื่นใด
  2. จำกัดหรือควบคุมการผลิต ตลาด การพัฒนาทางเทคนิค หรือการลงทุน
  3. เข้ามามีส่วนแบ่งในตลาด หรือแหล่งวัตถุดิบ
  4. กำหนดเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันสำหรับธุรกรรมที่มีลักษณะอย่างเดียวกันกับคู่สัญญาทางการค้าอื่นๆ ซึ่งทำให้คู่สัญญาอื่นเหล่านั้นได้รับผลกระทบในการแข่งขันในตลาด หรือ
  5. เข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับข้อผูกพันเพิ่มเติมของคู่สัญญารายอื่นๆ ซึ่งโดยลักษณะหรือตามประโยชน์ทางการค้านั้นมิได้เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของสัญญาดังกล่าวแต่ประการใด
ภาพจาก bit.ly/2NPxyk0

ข. การใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบ (มาตรา 47) อันมีลักษณะประการใดประการหนึ่ง ดังต่อไปนี้
  1. การกระทำที่มีลักษณะขจัดคู่แข่งขันทางการค้ารายอื่น
  2. การจำกัดการผลิต ตลาด หรือการพัฒนาทางเทคนิค ซึ่งกระทบต่อผู้บริโภค
  3. กำหนดเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันสำหรับธุรกรรมที่มีลักษณะอย่างเดียวกันกับคู่สัญญาทางการค้าอื่นๆ ซึ่งทำให้คู่สัญญาอื่นเหล่านั้นได้รับผลกระทบในการแข่งขันในตลาด หรือ
  4. เข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับข้อผูกพันเพิ่มเติมของคู่สัญญารายอื่นๆ ซึ่งโดยลักษณะหรือตามประโยชน์ทางการค้านั้นมิได้เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของสัญญาดังกล่าวแต่ประการใด
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ามาตรา 34 และ 47 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 แต่มีผลบังคับย้อนหลัง ค. การควบและรวมกิจการซึ่งส่งผลให้มีการลดการแข่งขันทางการค้าอย่างมาก (มาตรา 54)

3) กฎหมายเครื่องหมายการค้า

กฎหมายที่ให้ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าของประเทศสิงคโปร์ ได้แก่
  • Trade Marks Act (Chapter 332)
  • Trade Marks (International Registration) Rules
  • Trade Marks (Border Enforcement Measures) Rules
  • Trade Marks Rules (Chapter 332, Section 108)
  • Application of Section 75 of Trade Marks Act to Commonwealth Countries -
  • Trade Marks (Application of Section 75 to Foreign States) Notification
ระบบการให้ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการของประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นระบบจดทะเบียน เมื่อจดทะเบียนแล้วจึงจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเหมือนดังเช่นประเทศอื่นๆ ที่เป็นภาคีสมาชิก World Trade Organization

โดยมีอายุการคุ้มครองเป็นเวลา 10 ปี นับจากวันยื่นคำขอและสามารถต่ออายุได้ทุกๆ 10 ปี การยื่นคำขอจดทะเบียนจะต้องยื่นต่อสำนักทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องหมาย (เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายร่วม และเครื่องหมายรับรอง) ที่จะได้รับจดทะเบียนนั้นจะต้องมีลักษณะบ่งเฉพาะและไม่เป็นการต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหลักเกณฑ์นี้ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับหลักเกณฑ์ของประเทศอื่นๆ

อาทิ ต้องไม่เป็นเครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ไม่เป็นรูปร่างรูปทรงของวัตถุต้องห้าม ไม่ประกอบด้วยเครื่องหมายหรือสิ่งบ่งชี้ที่กลายเป็นสิ่งสามัญในภาษาปัจจุบัน เป็นต้น ในกรณีที่มีการกระทำละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า เจ้าของสิทธิหรือผู้ทรงสิทธิสามารถดำเนินคดีได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา

หน่วยงานที่รับผิดชอบ Intellectual Property Office of Singapore (IPOS) 51 Bras Basah Road #04-01 Plaza by the Park, Singapore 189554 Tel: (65) 63.30.27.20 Fax: (65) 63.39.02.52

ภาพจาก bit.ly/2NPCQvS

Website: http://www.ipos.gov.sg

4) กฎหมายความลับทางการค้า

ความลับทางการค้าเป็นข้อมูลอันมีมูลค่าทางการค้าที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจและมิได้แพร่หลายเป็นที่รู้จัดของสาธารณชน ในประเทศสิงคโปร์ ความลับทางการค้าได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์

ซึ่งไม่มีระบบการจดทะเบียนและไม่มีกำหนดระยะเวลาในการให้ความคุ้มครอง หากมีการกระทำละเมิดต่อข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้า คู่ความที่ได้รับความเสียหายสามารถฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกข้อมูลที่จะถูกพิจารณาว่าเป็นความลับทางการค้า แนวทางของศาลสิงคโปร์ในการพิจารณาว่าข้อมูลใดเป็นความลับทางการค้าคือ
  • ต้องเป็นข้อมูลที่เป็นความลับของธุรกิจหรือบริษัท
  • หากมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการทำผิดข้อสัญญาในเรื่องของความลับ และ/หรือ (ค) มีการใช้ข้อมูลนั้นในลักษณะที่ไม่เหมาะสมอันก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินแก่ธุรกิจหรือบริษัท
ในคดี Swiss Butchery Pte Ltd v Huber Ernst7 วางหลักไว้ว่า การที่จะคุ้มครองธุรกิจจากการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นความลับโดยลูกจ้างเก่า นายจ้างควรระบุข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องไว้ในสัญญาจ้างแรงงานด้วย นอกจากนี้ ศาลสิงคโปร์ในคดี Tang Siew Choy and others v Certact Pte Ltd8

7 Swiss Butchery Pte Ltd v Huber Ernst [2010] SGHC (April 27, 2010) 8 Tang Siew Choy and others v Certact Pte Ltd [1993] SGCA 35, [1993] 1 SLR 835 ตัดสินว่ารายชื่อลูกค้าได้รับความคุ้มครองในฐานะเป็นความลับทางการค้า

5) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์ Franchising and Licensing Authority หรือ FLA

เป็นหน่วยงานด้านแฟรนไชส์ของประเทศสิงคโปร์แต่มิได้เป็นหน่วยงานราชการ โดยมีวัตถุประสงค์จัดตั้งเพื่อจัดการดูแลและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ของประเทศ บริษัทต่างๆ สามารถเลือกที่จะเข้าเป็นสมาชิกของ FLA ได้ หากบริษัทใดประสงค์ที่จะเข้าเป็นสมาชิก บริษัทนั้นจะต้องปฏิบัติตามกฎจริยธรรมขององค์กร (Code of Ethics)

ภาพจาก bit.ly/2TQp7sA

โดยมีคณะกรรมการบริหารของ FLA คอยกำกับดูแล เนื้อหาของกฎจริยธรรมประกอบด้วยบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาดในเชิงหลอกลวง ข้อบังคับการลงทุน การเปิดเผยข้อมูล คำแนะนำทางกฎหมาย สัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ซี ข้อจำกัดการใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น การเลือกแฟรนไชส์ซีอย่างเหมาะสม การฝึกอบรม แนวทางการประกอบธุรกิจ ความสามารถในการเข้าถึงของแฟรนไชส์ซอร์ การโอนธุรกิจแฟรนไชส์ มาตรฐานการประพฤติปฏิบัติ หนังสือแจ้งการผิดสัญญาและระยะเวลาการเยียวยาความเสียหาย การบอกเลิกสัญญาและการระงับข้อพิพาท

ทั้งนี้ หลักสำคัญประการหนึ่งของกฎจริยธรรมคือเอกสารการเปิดเผยข้อมูลที่ควรจะประกอบด้วยรายละเอียดของการดำเนินการปัจจุบัน การลงทุน บันทึกการปฏิบัติตามสัญญา และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ของแฟรนไชส์ซี เช่น บัญชีงบดุล และรายละเอียดกำไรขาดทุน เป็นต้น

6) วิธีพิจารณาการระงับข้อพิพาท

โดยปกติแล้วการระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ในประเทศสิงคโปร์สามารถยื่นได้ต่อศาลแพ่ง ทั้งนี้ การพิจารณาว่าจะยื่นคดีต่อศาลใดจะดูจากจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท หากจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินกว่า 60,000 เหรียญสิงคโปร์ จะต้องยื่นต่อศาลแขวง (Magistrate Courts) จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทระหว่าง 60,000-250,000 เหรียญสิงคโปร์ จะต้องยื่นต่อศาลจังหวัด (District Courts) และจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินกว่า 250,000 เหรียญสิงคโปร์ จะต้องยื่นต่อศาลสูง (High Court)

อ้างอิงจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ประเทศลาวก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์บังคับใช้โดยตรง ทั้งยังไม่มีข้อกำหนด ระเบียบกฎเกณฑ์เฉพาะเจาะจงสำหรับการจัดตั้งธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเหมือนดังเช่นประเทศสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ที่มิได้หมายความว่าการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศลาวจะไม่มีข้อกำหนด กฎเกณฑ์อื่นมาควบคุม กฎหมายท..
126months ago   5,118  4 นาที
ประเทศมาเลเซียมีการตรากฎหมายเพื่อควบคุมการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการ เฉพาะ คือ พระราชบัญญัติแฟรนไชส์ ค.ศ.1998..
130months ago   6,300  13 นาที
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
844
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
588
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
506
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
481
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
472
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
447
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด