บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    AEC
6.3K
5 นาที
8 มกราคม 2558
กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศมาเลเซีย



กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์
  • ความหมายของแฟรนไชส์ประเทศมาเลเซียมีการตรากฎหมายเพื่อควบคุมการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติแฟรนไชส์ ค.ศ. 1998 (Franchise Act 1998) ซึ่งต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแฟรนไชส์ ค.ศ. 2012 (Franchise (Amendment) Act 2012) โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติแฟรนไชส์ของประเทศมาเลเซียมีดังนี้ Franchise Act 1998 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย Franchise (Amendment) Act 2012 ได้ให้คำนิยามของแฟรนไชส์ไว้ในมาตรา 4 ดังนี้ “แฟรนไชส์ หมายถึง สัญญาหรือข้อตกลงไม่ว่าจะแสดงโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยไม่ว่าจะกระทำโดยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรระหว่างบุคคลสองคนหรือมากกว่านั้น โดย
    • แฟรนไชส์ซอร์ให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในการดำเนินธุรกิจภายใต้ระบบแฟรนไชส์ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยแฟรนไชส์ซอร์
    • แฟรนไชส์ซอร์ให้แฟรนไชส์ซีมีสิทธิใช้เครื่องหมายหรือเครื่องหมายทางการค้าหรือข้อมูลที่เป็นความลับหรือทรัพย์สินทางปัญญาที่แฟรนไชส์ซอร์เป็นเจ้าของหรือเกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ซอร์ และรวมถึงกรณีที่แฟรนไชส์ซอร์มีสิทธิในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นโดยอนุญาตให้แฟรนไชส์ซีใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญานั้นได้
    • แฟรนไชส์ซอร์ครอบครองสิทธิในการควบคุมการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่องตลอดอายุสัญญา และ
    • เพื่อเป็นการตอบแทนการให้สิทธิ แฟรนไชส์ซีจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นให้แก่แฟรนไชส์ซอร์”

ภาพจาก bit.ly/2sPbxuq
  • การเปิดเผยข้อมูลมาตรา 15 แห่ง Franchise Act 1998 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย Franchise (Amendment) Act 2012 กำหนดให้แฟรนไชส์ซอร์ต้องส่งสำเนาสัญญาแฟรนไชส์และเอกสารเปิดเผยข้อมูลรวมทั้งเอกสารเปิดเผยข้อมูลที่มีการแก้ไขซึ่งนายทะเบียนอนุมัติแล้วตามมาตรา 11 ให้แก่แฟรนไชส์ซีล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน ก่อนที่แฟรนไชส์จะลงนามในสัญญา หรือหลังจากเอกสารเปิดเผยข้อมูลได้รับอนุมัติโดยนายทะเบียนตามมาตรา 11 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวจะต้องมีรายละเอียดเหมือนกันกับที่นำมาจดทะเบียนกับนายทะเบียนตามมาตรา 7 หากว่าแฟรนไชส์ซอร์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้ถือว่ากระทำความผิด นอกจากนี้ มาตรา 21 ยังได้กำหนดให้เอกสารเปิดเผยข้อมูลจะต้องประกอบด้วยข้อกำหนดในเรื่องอัตราค่าธรรมเนียม แฟรนไชส์หรือค่าแห่งสิทธิด้วย
     
  • การจดทะเบียน แฟรนไชส์ซอร์ต้องจดทะเบียนแฟรนไชส์ของตนกับนายทะเบียนก่อนที่จะทำการเสนอขายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด เว้นแต่จะได้รับยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ นายทะเบียนอาจกำหนดเงื่อนไขในการรับจดทะเบียนได้ คำร้องขอจดทะเบียนแฟรนไชส์ ต้องเป็นไปตามแบบฟอร์มซึ่งประกอบด้วย
    1. เอกสารการเปิดเผยข้อมูลที่สมบูรณ์
    2. ตัวอย่างสัญญาแฟรนไชส์
    3. คู่มือการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์
    4. คู่มือการฝึกอบรมแฟรนไชส์
    5. สำเนารายงานการตรวจสอบบัญชีครั้งล่าสุด รายงานงบการเงิน งบดุลที่ผู้ตรวจสอบบัญชีและผู้อำนวยการเป็นผู้แจ้ง
    6. เอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ตามที่นายทะเบียนกำหนด เช่น หนังสือรับรองบริษัท บัญชีงบดุลครั้งล่าสุด และผลกำไรขาดทุนของบริษัท เอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัท รายชื่อของกรรมการหรือบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญในบริษัท เป็นต้น
เมื่อนายทะเบียนได้รับคำร้องขอจดทะเบียนพร้อมด้วยเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 17 แล้ว นายทะเบียนจะอนุญาตหรืออนุญาตโดยมีเงื่อนไขตามที่นายทะเบียนกำหนด หรือไม่อนุญาตตามคำร้องขอก็ได้โดยทำมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาแก่ผู้ร้องขอ ในกรณีที่นายทะเบียนไม่อนุญาตนั้น นายทะเบียนจะต้องให้เหตุผลประกอบด้วย ถ้านายทะเบียนอนุญาตตามคำร้องขอ การจดทะเบียนจะมีผลในวันที่นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ร้องขอ และจะมีผลเรื่อยไป

ภาพจาก bit.ly/2RHibeK

จนกระทั่งนายทะเบียนจะมีคำสั่งเป็นหนังสือแจ้งไปยังผู้ร้องขอหรือแฟรนไชส์ซอร์ว่า ยกเลิก ระงับ ห้าม หรือปฏิเสธการขายแฟรนไชส์หรือการจดทะเบียนแฟรนไชส์ภายใต้พระราชบัญญัตินี้ การจดทะเบียนแฟรนไชส์มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ
  1. การจดทะเบียนของนายหน้าแฟรนไชส์ (Franchise broker)
  2. กรณีแฟรนไชส์ซอร์ประสงค์จะขายแฟรนไชส์ให้คนต่างด้าว (บุคคลซึ่งมิใช่พลเมืองมาเลเซีย)
  3. กรณีแฟรนไชส์ซอร์ซึ่งเป็นต่างด้าวประสงค์จะขายแฟรนไซส์ในมาเลเซีย
  • แบบของสัญญาแฟรนไชส์ มาตรา 18 แห่ง Franchise Act 1998 กำหนดให้สัญญาแฟรนไซส์ต้องทำเป็นหนังสือ และอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ มิฉะนั้นจะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะและไม่มีผลใช้บังคับ
    • ชื่อและรายละเอียดของผลิตภัณฑ์และรูปแบบของการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์
    • สิทธิในขอบเขตพื้นที่ซึ่งแฟรนไชส์ซีได้รับอนุญาต
    • ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าธรรมเนียมการโฆษณา ค่าแห่งสิทธิ หรือค่าตอบแทนอื่นใดที่เกี่ยวกับข้อกำหนดของแฟรนไชส์ซี (ถ้ามี)
    • หนี้ของแฟรนไชส์ซอร์
    • หนี้ของแฟรนไชส์ซี
    • สิทธิของแฟรนไชส์ซีในการใช้เครื่องหมายการค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่นใดที่ยังมิได้จดทะเบียนหรือได้จดทะเบียนแฟรนไชส์แล้ว
    • เงื่อนไขที่แฟรนไชส์มีหน้าที่ภายใต้การประกอบธุรกิจแฟรนไชส์
    • ข้อกำหนดในเรื่อง cooling of period กล่าวคือ เงื่อนไขที่กำหนดโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายในการให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในการบอกเลิกสัญญา โดยจะต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และหากมีค่าเสียหายอันเกิดจากการเลิกสัญญา แฟรนไชส์ซอร์อาจหักลบกับค่าธรรมเนียมแรกเข้าได้ (ถ้ามี) และหากเหลือต้องคืนให้แก่แฟรนไชส์ซี
    • รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่นใดที่แฟรนไชส์ซอร์เป็นเจ้าของหรือเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์
    • กรณีที่เป็นสัญญาเกี่ยวกับมาสเตอร์แฟรนไชส์จะต้องระบุสิทธิที่มาสเตอร์แฟรนไชส์ได้รับจากแฟรนไชส์ด้วย
    • ชนิดและรายละเอียดของความช่วยเหลือที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนด
    • ระยะเวลาของสัญญาแฟรนไชส์ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญา และผลของการเลิกสัญญา
       
  • สิทธิหน้าที่ของคู่สัญญา สัญญาแฟรนไชส์ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างกัน เช่น แฟรนไชส์ซอร์ต้องให้ความช่วยเหลือแก่แฟรนไชส์ซีในการประกอบธุรกิจ กรณีที่แฟรนไชส์ซีผิดสัญญา แฟรนไชส์ซอร์ต้องมีหนังสือบอกกล่าวการผิดสัญญาไปยังแฟรนไชส์ซีเพื่อให้แฟรนไชส์ซีแก้ไขความผิดพลาดนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด ห้ามมิให้แฟรนไชส์ซอร์เลิกสัญญาก่อนครบเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น แฟรนไชส์ซีจะต้องรับรองเป็นหนังสือว่าแฟรนไชส์ซีและลูกจ้างจะไม่ประกอบธุรกิจซึ่งคล้ายกับธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์และภายใน 2 ปี หลังจากสัญญาสิ้นสุดหรือเลิกสัญญา และแฟรนไชส์ซีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์หรือจ่ายค่าตอบแทนอื่นใดตามที่กำหนดในสัญญา เป็นต้น
     
  • คณะกรรมการที่ปรึกษาแฟรนไชส์ Franchise Act 1998 กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า Franchise Advisory Board มีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีและนายทะเบียนในเรื่องเกี่ยวกับแฟรนไชส์และการบังคับใช้แฟรนไชส์ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการมาจากการแต่งตั้งจากบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ในสาขาที่เกี่ยวกับแฟรนไชส์ จำนวน 15 คน
     
  • บทกำหนดโทษ Franchise Act 1998 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย Franchise (Amendment) Act 2012 มีบทกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติหรือกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดโดยแยกเป็นสองกรณี กรณีที่ผู้ที่กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล หากเป็นการกระทำความผิดเป็นครั้งแรกจะมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 10,000 ริงกิต แต่ไม่เกิน 50,000 ริงกิต หากเป็นการกระทำความผิดครั้งที่สองหรือครั้งถัดไปจะมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 20,000 ริงกิต แต่ไม่เกิน 100,000 ริงกิต ส่วนกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลธรรมดาไม่ใช่นิติบุคคล หากเป็นการกระทำความผิดเป็นครั้งแรกจะมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 5,000 ริงกิต แต่ไม่เกิน 25,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

    หากเป็นการกระทำความผิดครั้งที่สองหรือครั้งถัดไปจะมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 10,000 ริงกิต แต่ไม่เกิน 50,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี

    นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษในกรณีอื่นอีก อย่างไรก็ดี กรณีที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแต่ก่อนที่จะมีการนำคดีขึ้นสู่ศาล นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของพนักงานอัยการอาจมีการประนีประนอมยอมความตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ โดยมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดให้จ่ายเงินค่าปรับให้แก่นายทะเบียนเป็นจำนวนไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนค่าปรับสูงสุดของการกระทำความผิดภายในเวลาที่กำหนด

    โดยเงินดังกล่าวจะถูกส่งเข้า Federal Consolidated Fund โดยจะไม่มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด แต่หากไม่มีการจ่ายเงินภายในกำหนดเวลานายทะเบียนอาจอนุญาตให้มีการดำเนินคดีสำหรับความผิดนั้นได้

ภาพจาก bit.ly/36mPHfF
 
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์

กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศมาเลเซีย มีดังนี้

กฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้า

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2519 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2537 โดยมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2540 เครื่องหมายการค้าที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศมาเลยเซียจะต้องเป็นเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนภายในประเทศมาเลเซีย สำหรับการคุ้มครองเครื่องหมายการค้านั้น

ประเทศมาเลเซียใช้หลักการผู้ใช้ก่อนมีสิทธิดีกว่า (First to Use Principle) กล่าวคือ ผู้ใดใช้เครื่องหมายการค้านั้นก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่าบุคคลอื่นและมีสิทธิที่จะยื่นเพิกถอนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น นอกจากนี้ เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าที่ได้รับการจดทะเบียนนั้นในประเทศมาเลเซีย ซึ่งอายุของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนจะมีอายุ 10 ปีนับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และสามารถต่ออายุได้อีกคราวละ 10 ปี

กรณีที่ยื่นต่ออายุล่าช้าสามารถกระทำได้โดยต้องเสียค่าปรับการต่ออายุล่าช้าในส่วนของการอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นสามารถทำได้โดยจะต้องบันทึกการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังกล่าวต่อสำนักเครื่องหมายการค้า ทั้งนี้ การใช้โดยผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิถือเป็นการใช้ของเจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนด้วย การกระทำที่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า ได้แก่ การใช้เครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น

โดยเป็นการใช้ในลักษณะที่เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเป็นการใช้กับสินค้า หรือสื่อสิ่งพิมพ์หรือโฆษณา ที่สามารถสื่อถึงหรือทำให้เข้าใจได้ว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของเจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนนั้น หรือเป็นการใช้กับสถานที่หรือใกล้กับสถานที่ที่มีการให้บริการ หรือใช้กับสื่อสิ่งพิมพ์หรือโฆษณา ที่สามารถสื่อถึงหรือทำให้เข้าใจได้ว่าบริการดังกล่าวเป็นของเจ้าของเครื่องหมายบริการจดทะเบียนนั้นกรณีที่มีการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า เจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนสามารถใช้มาตรการเยียวยาทางแพ่งและทางอาญาได้

ภาพจาก bit.ly/2NUqLpq

โดยในการดำเนินคดีแพ่งกับผู้กระทำละเมิดเจ้าของเครื่องหมายการค้าจะต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องต่อศาลสูง (High Court) ภายในระยะเวลา 6 ปีนับแต่วันที่ทราบถึงการละเมิดนั้น ซึ่งศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้ละเมิดระงับการกระทำที่ถือเป็นการละเมิด หรือมีคำสั่งให้ผู้ละเมิดส่งมอบ ทำลาย หรือแก้ไขดัดแปลงสินค้าละเมิด หรือมีคำสั่งให้ผู้ละเมิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของเครื่องหมายการค้า

นอกจากการเยียวยาในทางแพ่ง เจ้าของเครื่องหมายการค้าสามารถดำเนินคดีอาญากับผู้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า ซึ่งมีทั้งโทษปรับและจำคุกหรือทั้งปรับทั้งจำ ขึ้นอยู่กับประเภทของความผิด โดยผ่านทางกองบังคับใช้สิทธิ (Enforcement Division) กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Trade and Industry)

ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการป้องปรามการละเมิด ยึดสินค้าละเมิด ตลอดจนถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำละเมิด ทั้งนี้ การดำเนินคดีโดยผ่านทางกองบังคับใช้สิทธิจะมีความรวดเร็ว และเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อยสำหรับโทษของละเมิดเครื่องหมายการค้าโดยทั่วไปคือ ปรับไม่เกิน 100,000 เหรียญมาเลเซีย หรือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ในกรณีของบุคคลธรรมดา และปรับไม่เกิน 250,000 เหรียญมาเลเซีย ในกรณีของนิติบุคคล โทษปรับดังกล่าวเหล่านี้อาจเพิ่มเป็นสองเท่าได้หากมีการละเมิดหรือฝ่าฝืนเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่รับผิดชอบ

หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศมาเลเซียคือ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงการค้าภายในและกิจการผู้บริโภค (Intellectual Property Division, Ministry of Domestic Trade & Consumer Affairs) Intellectual Property Division Ministry of Domestic Trade and Consumer Affairs 32nd Floor, Menara Dayabumi Jalan Sultan Hishamuddin 50623 Kuala Lumpur Tel.: (603) 22.74.21.00, 22.74.35.81 Fax: (603) 22.74.13.32, 22.74.52.60
E-mail: wzismail@kpdnhq.gov.my

ภาพจาก bit.ly/37nl6Qz

กฎหมายว่าด้วยความลับทางการค้า กฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง ได้แก่ กฎหมายคอมมอนลอว์ (Common Law) และพระราชบัญญัติแฟรนไชส์ พ.ศ. 2531 (Franchise Act) ความลับทางการค้านั้นย่อมได้รับความคุ้มครองโดยไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียน และจะได้รับความคุ้มครองตราบที่ยังไม่สูญเสียความเป็นความลับ

ความลับทางการค้า ได้แก่ ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นความลับอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลที่เป็นความลับและเปิดเผยต่อผู้รับข้อมูลภายใต้พันธกรณีว่าต้องเก็บไว้เป็นความลับ กรณีที่มีการละเมิดเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการนำความลับทางการค้าไปเปิดเผยอันเป็นละเมิดหน้าที่ในการเก็บรักษาความลับ หรือการนำความลับทางการค้าไปใช้ประโยชน์หรือใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการใช้ความลับโดยผิดกฎหมาย เจ้าของความลับทางการค้าย่อมมีสิทธิที่จะเรียกค่าชดเชยทางแพ่ง กล่าวคือ ค่าชดเชยต่อการละเมิดสัญญาหรือได้รับการเยียวยาทางศาล โดยเจ้าของความลับทางการค้ามีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายและเรียกให้ผู้เปิดเผยหรือนำความลับทางการค้านั้นไปใช้ประโยชน์ชำระราคาได้

สำหรับมาตรการในทางอาญานั้นไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ ผู้ถูกละเมิดสามารถดำเนินคดีทางแพ่งได้เท่านั้น สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของความลับทางการค้า คือ การรักษาให้ความลับทางการค้านั้นยังคงเป็นความลับอยู่ โดยวิธีการรักษาสิทธิของเจ้าของความลับทางการค้าสามารถทำได้โดยการทำข้อตกลงความลับทางการค้า (Confidentiality Agreements) การจำกัดจำนวนผู้ที่จะเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะผู้ที่จำเป็น

หรือการควบคุมการกระจายข้อมูลและการใช้ข้อมูลที่เป็นความลับของผู้รับข้อมูล ลูกจ้างของผู้รับข้อมูลหรือบุคคลภายนอก แม้เจ้าของความลับทางการค้าจะสามารถโอนสิทธิในความลับทางการค้าให้แก่บุคคลอื่นหรืออนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิได้ภายใต้กฎหมาย Common Law แต่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ กรณีของความลับทางการค้าที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติแฟรนไชส์นั้น พระราชบัญญัติแฟรนไชส์ฯ ได้กำหนดว่าในกรณีที่ผู้ได้รับอนุญาตสัญญาเฟรนไชน์ได้ให้หลักประกันเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Guarantee) แก่ผู้ให้อนุญาตว่าตนเองและลูกจ้างของตนจะไม่เปิดเผยความลับทางการค้าต่อบุคคลใดในระหว่างที่สัญญาเฟรนไชน์มีผลบังคับอยู่หรือภายใน 2 ปีหลังจากสัญญาสิ้นสุดลง

หากมีการฝ่าฝืนหลักประกันดังกล่าวจะต้องได้รับโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 ริงกิตสำหรับการกระทำความผิดครั้งแรก สำหรับการกระทำความผิดครั้งที่สอง จะได้รับโทษปรับไม่น้อยกว่า 10,000 ริงกิต หรือจำคุกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภาพจากbit.ly/2RJMsJY

อ้างอิงจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ประเทศลาวก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์บังคับใช้โดยตรง ทั้งยังไม่มีข้อกำหนด ระเบียบกฎเกณฑ์เฉพาะเจาะจงสำหรับการจัดตั้งธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเหมือนดังเช่นประเทศสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ที่มิได้หมายความว่าการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศลาวจะไม่มีข้อกำหนด กฎเกณฑ์อื่นมาควบคุม กฎหมายท..
126months ago   5,137  4 นาที
สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าก็เป็นอีกประเทศหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่ ไม่มีการตรากฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการเฉพาะเช่นเดียวกัน กับอีกหลายประเทศ..
124months ago   6,011  7 นาที
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
898
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
629
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
565
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
517
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
502
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
481
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด