บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
270
3 นาที
9 ธันวาคม 2568
กับดักตั้งราคา "ขายดี" แต่ "ขาดทุน" ขายเยอะแค่ไหนกำไรก็หายหมด


 
ในยุคที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวแต่ยังคงกดดันค่าครองชีพ ราคาอาหารและเครื่องดื่มกลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดพฤติกรรมการบริโภคของผู้คน โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 657,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 4.6% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่ชะลอตัวนี้สะท้อนถึงความท้าทายจากต้นทุนที่สูงขึ้นและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
 
เมนู “ราคาแพง” คนจ่ายไม่ไหว “กำไรหด”
 

ราคาอาหารกลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลางและต่ำที่ความรู้สึกไวต่อราคา จากข้อมูล พบว่าผู้บริโภคไทยกว่า 70% ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น เช่น 
ลดการกินนอกบ้านและหันไปหาตัวเลือกที่ "คุ้มค่า" มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดร้านอาหารโตเพียง 2.8-3.0% ต่ำกว่าปีก่อน ๆ เนื่องจากกำลังซื้อซบเซาและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มเฉลี่ย 1.5-2.5% ต่อปี
 
ผลกระทบนี้ไม่ใช่แค่การลดปริมาณซื้อ แต่ยังเปลี่ยนรูปแบบการตัดสินใจ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” ที่ต้องจ่าย ซึ่งไม่ใช่แค่ในมุมของร้านอาหารเท่านั้น ในมุมของร้านเครื่องดื่มก็เช่นกัน

แม้จะดูว่าพวกกาแฟคือสินค้าที่ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด ก็ยังขายได้ซึ่งก็ดูจะเป็นจริงตามนั้นเนื่องจากอัตราการบริโภคกาแฟต่อหัวของคนไทยประมาณ 1-2 แก้ว/วันเท่านั้นซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก คาดว่าธุรกิจนี้มีโอกาสขยายตัว 7-10% ต่อปี มีกำลังซื้อสำคัญจากกลุ่มวัยทำงานและคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ รสชาติ และประสบการณ์
 
ร้านกาแฟต้องคำนวณ “ต้นทุน” ก่อน “ตั้งราคา”
 

อย่างไรก็ดีถ้าไปดูข้อมูลร้านกาแฟในปัจจุบันแม้จะไม่มีตัวเลขรวมทั้งประเทศที่แน่นอน 100% เนื่องจากร้านขนาดเล็กและรถเข็นกระจายตัวมาก แต่จากข้อมูลที่มีคาดว่ามีประมาณ 20,000-25,000 ร้านค้า เฉพาะในกรุงเทพฯเองมีร้านคาเฟ่ประมาณ 5,000 แห่ง ซึ่งถ้าไปไล่ดูว่าแม้เป็นธุรกิจที่มีความต้องการสูง ลูกค้ามีต่อเนื่อง แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีปัจจัยเสี่ยงในหลายด้านได้แก่
  • ต้นทุนวัตถุดิบผันผวนสูง ยกตัวอย่างเช่นเมล็ดกาแฟอาราบิก้าที่ต้นทุนเพิ่มกว่า 60% หรือนม UHT ที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 15% 
  • การแข่งขันสูง อย่างในกรุงเทพฯมีตัวเลขว่าเกิดร้านใหม่ 415 แห่งภายใน 6 เดือนแรกของปี 2025 และร้านอิสระส่วนใหญ่กว่า 60% ขายได้ไม่ถึง 50 แก้ว/วัน
  • พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนเร็ว ข้อมูลระบุว่า 70% ลูกค้าร้านใหม่ กลับมาใช้บริการไม่ถึง 3 ครั้ง
  • ค่าเช่าพุ่ง + ทำเลไม่คุ้ม บางพื้นที่ค่าเช่า 1,500–3,000 บ./ตร.ม. กลายเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับ กำไรที่ควรได้ก็ลดลง
  • พนักงานลาออกบ่อย โดยมีอัตราการลาออกของพนักงาน 45% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก มีผลกระทบในเรื่องการใช้บริการลูกค้าที่ไม่ต่อเนื่อง
“ตั้งราคา” ให้ “คุ้มทุนไว” ต้องรู้จัก “ต้นทุนคงที่ และต้นทุนผันแปร”
 
เมื่อปัจจัยเสี่ยงมีเยอะ การลงทุนธุรกิจร้านอาหาร - เครื่องดื่ม จำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการและหนึ่งในวิธีที่ควรทำคือการ “ตั้งราคา” เพื่อให้คุ้มทุนเร็วที่สุด โดยต้องคำนึงถึงทั้งต้นทุน รายได้ และพฤติกรรมลูกค้า ขอยกตัวอย่างเอาธุรกิจร้านกาแฟมาเป็นต้นแบบในการอธิบาย
 
1.ต้นทุนร้านกาแฟ


ก่อนตั้งราคา ต้องรู้ต้นทุนทั้งหมดของร้าน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าร้านจะขายได้หรือไม่ เช่น ค่าเช่าที่ ค่าพนักงาน ค่าผ่อนเครื่องชงกาแฟ ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น
  • ค่าเช่า: 20,000 บาท/เดือน
  • ค่าพนักงาน (2 คน): 30,000 บาท/เดือน
  • ค่าเครื่องชงกาแฟ (ผ่อน): 5,000 บาท/เดือน
  • ค่าน้ำ/ไฟ/อินเทอร์เน็ต: 5,000 บาท/เดือน
  • รวมต้นทุนคงที่: 60,000 บาท/เดือน
ต้นทุนผันแปร (Variable Costs) ค่าใช้จ่ายที่ขึ้นอยู่กับปริมาณการขาย เช่น เมล็ดกาแฟ นม น้ำตาล แก้วกระดาษ ฯลฯ
 
ตัวอย่าง (ต่อแก้ว)
  • เมล็ดกาแฟ (10 กรัม): 5 บาท
  • นม: 5 บาท
  • แก้ว/ฝา/หลอด: 3 บาท
  • น้ำตาล/ไซรัป: 2 บาท
  • รวมต้นทุนผันแปรต่อแก้ว: 15 บาท
2. คำนวณจุดคุ้มทุน (Break-Even Point)


คือจำนวนแก้วที่ต้องขายเพื่อให้รายได้ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมด โดยใช้สูตร:
 
จำนวนแก้วที่ต้องขาย = ต้นทุนคงที่ ÷ (ราคาขายต่อแก้ว - ต้นทุนผันแปรต่อแก้ว)
 
สมมติตั้งราคาขายกาแฟแก้วละ 50 บาท:
  • ราคาขายต่อแก้ว = 50 บาท
  • ต้นทุนผันแปรต่อแก้ว = 15 บาท
  • กำไรต่อแก้ว = 50 - 15 = 35 บาท
  • ต้นทุนคงที่ = 60,000 บาท
  • จำนวนแก้วที่ต้องขาย = 60,000 ÷ 35 = 1,714.29 แก้ว/เดือน
  • หรือประมาณ 57 แก้ว/วัน (สมมติร้านเปิด 30 วัน/เดือน)
กลยุทธ์การตั้งราคาให้คุ้มทุนเร็ว
 

การตั้งราคาไม่ใช่แค่บวกราคาจากต้นทุน แต่ต้องคำนึงถึง “คุณค่า” ที่ลูกค้าเห็นและ “ราคาตลาด” ด้วยซึ่งควรเริ่มจาก
 
วิเคราะห์ราคาตลาด
 
สำรวจว่าร้านกาแฟคู่แข่งในพื้นที่ตั้งราคาเท่าไหร่ เช่น ถ้าคู่แข่งขายกาแฟลาเต้แก้วละ 60-80 บาท เราอาจตั้งราคาที่ 65 บาท เพื่อแข่งขันได้ แต่ยังมีกำไรดี
 
ลดต้นทุนผันแปร
 
ด้วยการเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อซื้อเมล็ดกาแฟหรือแก้วในราคาที่ถูกลงเมื่อซื้อจำนวนมาก เช่น ลดต้นทุนผันแปรจาก 15 บาท/แก้ว เป็น 12 บาท/แก้ว เมื่อต้นทุนผันแปรลดลงก็มีผลต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วย
 
เพิ่มยอดขายด้วยเมนูหลากหลาย

เพิ่มเมนูที่มีต้นทุนต่ำแต่ตั้งราคาสูงได้ เช่น ชาไทย (ต้นทุน 10 บาท ขาย 50 บาท) หรือขนมที่ทำเอง (ต้นทุน 5 บาท ขาย 30 บาท) เพื่อเพิ่มกำไรโดยรวมเป็นต้น
 
โปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า
 

ใช้โปรโมชั่น เช่น “ซื้อ 10 แก้ว ฟรี 1 แก้ว” เพื่อเพิ่มความถี่ในการซื้อ หรือตั้งราคาเริ่มต้นต่ำ (เช่น 45 บาท) ในช่วงแรกเพื่อดึงลูกค้าใหม่ แล้วค่อยปรับราคาขึ้นเมื่อมีฐานลูกค้าประจำ
 
หรือบางครั้งหากเป็นแบรนด์ใหญ่อาจมีวิธีเพิ่มกำไรให้ธุรกิจคุ้มทุนเร็วได้ดีกว่าการใช้เทคนิคตั้งราคา ยกตัวอย่าง Starbucks แบรนด์กาแฟที่วางคอนเซปต์ ว่า ไม่ได้ต้องการขายกาแฟ แต่ต้องการเป็นสังคมย่อมๆให้คนได้เข้ามานั่งเล่น พบปะ พูดคุย และขายประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้า ดังนั้น Starbucks จึงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทุกอย่าง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Starbucks ทำได้คือ พื้นที่ร้านกว้าง รองรับลูกค้าได้มาก และต้นทุนต่ำกว่า

เนื่องจากมีหลายสาขาทำให้อำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์สูง ที่สำคัญราคาเครื่องดื่มสูงกว่าร้านกาแฟทั่วไป 2 – 3 เท่า นั่นแปลว่าการที่ Starbucks รับลูกค้าคนเดียว กลับมียอดขายเทียบเท่ากับร้านกาแฟเล็กๆ รับลูกค้า 2 – 3 คน Starbucks จึงสามารถปล่อยให้ลูกค้านั่งนานๆ ได้โดยไม่เดือดร้อน นี่คือข้อได้เปรียบของแบรนด์ใหญ่ สำหรับร้านกาแฟแบบทั่วไปคงยากที่จะทำตามแนวทางนี้ของ Starbucks ได้
 
อย่างไรก็ดีถ้ามองภาพรวมที่แท้จริงของธุรกิจร้านเครื่องดื่ม - อาหารในปัจจุบันการตั้งราคาให้ “คุ้มทุน” เร็วที่สุดต้องเริ่มจากการเข้าใจต้นทุนทั้งหมด คำนวณจุดคุ้มทุน และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาด การใช้เทคนิคเพิ่มราคา , ลดต้นทุนผันแปร , เพิ่มเมนูกำไรสูง แม้จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจแต่สุดท้ายต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างราคาที่ลูกค้ายอมจ่ายและกำไรที่ร้านต้องการ เพื่อให้ธุรกิจของเราไม่เพียงแค่คุ้มทุน แต่ยังเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
580
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
474
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
419
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
385
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
381
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
367
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด