บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
273
2 นาที
10 กันยายน 2568
แพงเกินจริง เทรนด์ OverPrice พาไทยติดหล่ม!
 

ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นปรากฏการณ์ OverPrice ของสินค้าหลายชนิดไล่ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการต่างๆ ยกตัวอย่าง คาเฟ่บางแห่งตั้งราคาเครื่องดื่ม 120 – 200 บาท , อาหารบางเมนูราคา 1,000 – 4,000 บาท  , หรือกาแฟแก้วละ 150-300 บาท เป็นต้น ซึ่งราคาสินค้าที่สูงในบางประเภทนี้สวนทางกับความจริงของสังคมไทยในหลายด้านได้แก่
  • 54% ของคนไทยเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
  • 42% ของคนไทย มีความกังวลใจสูงสุดในเรื่องของราคาสินค้าและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
  • 54% ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มักมีความกังวลที่ค่าครองชีพสูง
  • 51.59% กังวลสถานการณ์เศรษฐกิจไทยตอนนี้ ของแพง-ค่าครองชีพสูง
  • 42.68% กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากบัตรเครดิตและเงินกู้ต่างๆ
ถ้าดูจากตัวเลขค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 18,207 บาท และรายได้เฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 25,000 บาท 

 
จะเห็นว่าเมื่อรายได้ไม่สูงแต่สินค้าบางอย่างกลับเลือกใช้วิธีตั้งราคาแบบ OverPrice ในมุมของการตลาดสินค้าที่แพงเหล่านี้ก็ไม่ได้บังคับหรือเจาะจงให้เราไปเลือกซื้อ แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้มีผลทางจิตวิทยามากกว่าที่คิด ถึงขนาดที่อาจทำให้สังคมไทยติดหล่มเรื่องนี้ได้ไม่รู้ตัว
 
มีเหตุผลน่าสนใจที่ระบุว่าการตั้งราคาสูงเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยา ไว้ใช้ "หลอกคนซื้อได้ดีมาก
 
ซึ่งมีการวิจัยอย่างจริงจังและสรุปว่าร้านที่ขายของราคาสูงแบบเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่ได้สะท้อนต้นทุนอะไรเลย
 
เป็นเพียงจิตวิทยาสินค้าราคาสูง (High-level Pricing Strategy)
 
และการที่คนไปซื้ออาจแค่ตามกระแสหรือบางทีก็แค่อยากลองสินค้าแพงๆ ตรงตามวิธีคิด Fear of Missing Out หรือ FOMO คือการกลัวที่จะพลาดอะไรบางสิ่ง

ข้อดีของการตั้งราคาสินค้าแบบ OverPrice

  1. สร้างความคิดความเชื่อให้กับลูกค้าว่า ราคาสูง = ของดี มีคุณภาพ
  2. ได้ลูกค้าที่พร้อมซื้อพร้อมจ่ายเนื่องจากคนที่เงินไม่พอก็จะไม่กล้ามาใช้สินค้าหรือบริการ
  3. จับกลุ่มลูกค้าที่ชอบสินค้าเพื่อ “เสริมภาพลักษ์” ให้กับตัวเอง
  4. เป็นจิตวิทยาเชิงลึกให้คนธรรมดาได้รู้สึกถึง “อรรถรสคนรวย” (Vertical Social Mobility)
ซึ่งสิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ความจริงเป็นปัญหาทางเศรษฐศาสตร์ที่น่าสนใจเพราะการตั้งราคาสูง (OverPrice) อาจทำให้เกิดสภาวะ “อุปสงค์หักงอ” หรือการที่ทุกร้านพยายามไปตั้งราคาแพงแข่งกัน เพื่อทำให้มันได้กระแสแบบคู่แข่ง (Competitive-Based Pricing) 
 
และจะยกระดับปัญหาให้หนักขึ้นเพราะทุกคนที่ไม่ได้อยากซื้อของแพง แต่ก็ต้องจำใจยอมซื้อเพราะการตั้งราคาแพงๆ แข่งกัน
 
แน่นอนว่าปรากฏการณ์ OverPrice ที่ว่านี้ย่อมมีผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้านเช่นกันได้แก่
 
1.ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
 

คนรายได้สูงมองว่าเป็น “ของปกติ” แต่คนรายได้น้อยถูกกันออกจากโอกาส
 
2.ค่านิยม “อวดรวย” แทนคุณค่าแท้จริง
 
ผู้บริโภคบางกลุ่มยอมซื้อเพื่อภาพลักษณ์ มากกว่าคุณภาพจริง
 
3.ภาระหนี้ครัวเรือนพุ่ง
 

หนี้ครัวเรือนของไทยแตะ 90% ของ GDP (สูงติดอันดับโลก) ส่วนหนึ่งเพราะการจับจ่ายเกินตัว
 
4.ธุรกิจเล็กเสียเปรียบ
 
ร้านอาหารท้องถิ่นที่ขายราคาสมเหตุสมผลมักถูกมองว่า “ไม่หรู ไม่อินเทรนด์ เป็นต้น
 
แต่หากมองในเชิงบวก เทรนด์ OverPrice บางส่วนก็ช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจเชิงประสบการณ์ (Experience Economy) เช่น คาเฟ่สวย ๆ ที่ขาย “บรรยากาศ” ไม่ใช่แค่กาแฟ ดังนั้นเรื่อง OverPrice อาจไม่ใช่สิ่งที่ผิดในด้านการตลาดเพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคตัดสินใจเองว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ 
 
เพียงแต่ในยุคนี้ที่กระแสโซเชี่ยลมีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจ สินค้า OverPrice ไม่ต่างจากกระแสที่ดึงลูกค้ามาเพื่อสร้างยอดขาย แต่ในมุมมองของการทำธุรกิจที่แท้จริง ควรโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าของตัวเองและตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าจะเป็นการสร้างยอดขายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
522
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
439
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
433
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
408
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
401
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
390
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด