บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
398
2 นาที
23 กรกฎาคม 2568
กลยุทธ์บุฟเฟต์ ใช้กับทุกธุรกิจได้ จริงหรือ?
 

พูดถึง “บุฟเฟต์” ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงร้านอาหาร พวกปิ้งย่างหรือร้านหมูกระทะ แต่ความจริง “บุฟเฟต์” เอาไปใช้ได้หลายธุรกิจ เคล็ดลับของการใช้กลยุทธ์บุฟเฟต์ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็ตามต้องควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ยกตัวอย่างร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีต้นทุนเฉลี่ย 30% แต่ถ้าจะทำบุฟเฟต์ต้นทุนอาจสูงถึง 35% หมายความว่าหากร้านมีต้นทุน 10,000 บาท จะต้องทำยอดขายถึง 30,000 บาทจึงจะคุ้มทุน
 
มีหลายเหตุผลน่าสนใจ ทำไมบุฟเฟต์ถึงใช้เป็นวิธีกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจได้
  1. ดึงดูดลูกค้าได้ง่ายมากลูกค้ารู้สึกว่าคุ้ม ได้เยอะ ในราคาจ่ายครั้งเดียวลูกค้ากล้าลอง เพราะ “กิน/ใช้ไม่อั้น”
  2. เพิ่มยอดขายต่อหัว ราคาบุฟเฟต์มักจะสูงกว่าขายปกติ ลูกค้าจ่ายมากขึ้นเพื่อความคุ้มค่า
  3. กระตุ้นลูกค้ากลุ่มใหญ่ ลูกค้าชอบมาด้วยกันเป็นกลุ่ม ชวนเพื่อน ครอบครัว ทำให้ร้านคึกคัก ยอดขายโตเร็ว
  4. โปรโมทง่าย ขายง่าย มีโปรบุฟเฟต์โพสต์ คนสนใจเยอะ
  5. สร้างลูกค้าประจำได้ ลูกค้าได้ประสบการณ์สนุก อยากกลับมาอีกถ้าเสริมบริการดี ๆ จะได้ลูกค้าขาประจำและบางร้านแถมคูปอง หรือบัตรสมาชิกต่อยอดรายได้เพิ่มอีกในอนาคต
และอย่างที่บอกว่าบุฟเฟต์ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นธุรกิจอาหารเท่านั้น มีอีกหลายธุรกิจที่นำกลยุทธ์บุฟเฟต์ไปใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย ได้แก่
 
1.สปา / ร้านเสริมความงาม
 

บุฟเฟต์ทำเล็บ ตัดผม หรือทรีตเมนต์หน้าแบบเหมา ๆ ทำกี่บริการก็ได้ในเวลาที่กำหนด
 
2.ฟิตเนส / ยิม
 
บุฟเฟต์คลาสออกกำลังกาย เช่น โยคะ, Zumba, มวยไทย เข้าคลาสไม่อั้นรายเดือน
 
3.คอร์สเรียน / เวิร์กช็อป
 

 
เรียนได้ทุกคอร์สในแพ็กเกจ เช่น เรียนทำอาหาร ศิลปะ ภาษา ฯลฯ
 
4.เกม / สวนสนุก
 
บุฟเฟต์เล่นเกม เครื่องเล่น เล่นได้ไม่จำกัดเวลาในวันนั้น
 
 
5.Co-working Space
 
บุฟเฟต์นั่งทำงาน นั่งกี่ชั่วโมงก็ได้ในราคาหนึ่งวัน
 
6.สตูดิโอถ่ายภาพ
 
บุฟเฟต์ถ่ายรูป ถ่ายได้ไม่จำกัดชั่วโมงหรือมุม
 
7. บริการ Subscription Box
 
บุฟเฟต์เลือกสินค้าเองในกล่อง เช่น เครื่องสำอาง ขนม ของเล่น ฯลฯ
 
8.ร้านเสื้อผ้ามือสอง
 

บุฟเฟต์จ่ายราคาต่อหัว เช่น 999 บาท เลือกหยิบเสื้อผ้ากี่ตัวก็ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด (เช่นใช้ถุงที่ร้านจัดมาให้)
 
คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้าเราใช้กลยุทธ์บุฟเฟต์แล้วรายได้จะเพิ่มขึ้นแค่ไหน เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและการบริหารจัดการ เราจะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น บุฟเฟต์ร้านสปา
 
สามารถดึงดูดลูกค้าที่อยากลองหลายบริการในครั้งเดียว สามารถเพิ่มยอดขายต่อรอบ เพราะลูกค้าจะเลือกบริการเยอะขึ้นลูกค้ารู้สึก "คุ้มค่า" เกิดโอกาสกลับมาใช้บริการอีก
 
ตัวอย่างโปรโมชั่นบุฟเฟต์สปา
  • “Spa Buffet 2 ชั่วโมง 999 บาท”
  • “เลือกได้ไม่อั้น! นวดไทย นวดเท้า สครับผิว อบไอน้ำ”
  • “มา 2 คน ลดเพิ่มอีก 10%”
วิเคราะห์ต้นทุนโดยประมาณจะพบว่า ค่าจ้างพนักงานนวดประมาณ 300 – 600 บาท ( 2 ชั่วโมง) , ต้นทุนวัตถุดิบเช่นน้ำมันนวด , น้ำมันหอม , ครีม ฯลฯ เฉลี่ย 100 -200 บาท/คน , ต้นทุนค่าน้ำ ค่าไฟประมาณ 30 บาท/คน , อุปกรณ์อื่นๆ (ผ้าเช็ดตัว , ผ้าปูเตียง) 20 -30 บาท (เพราะของบางอย่างนำมาซักแล้วใช้ซ้ำได้) , ต้นทุนด้านการตลาด
 
ถ้าคิดราคาโปรบุฟเฟต์ 999 บาท หักต้นทุนต่างๆ ประมาณ 650 บาท เหลือกำไรต่อคนประมาณ 349 บาท ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโปรบุฟเฟต์ที่จัดขึ้น และก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเป็นสำคัญด้วย ข้อมูลระบุว่าการทำโปรบุฟเฟต์มีโอกาสเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจได้มากกว่า 2 เท่า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบแบบเหมาจ่าย ที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่า
 
อย่างไรก็ดีโปรบุฟเฟต์แม้จะมีข้อดีและนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้หลากหลาย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของแต่ละธุรกิจ การควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากบริหารผิดพลาดแทนที่จะได้กำไรมากขึ้นอาจกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
517
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
437
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
430
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
405
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
389
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
386
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด