บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การบริหารธุรกิจ    การทำการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์
276
4 นาที
8 พฤษภาคม 2568
แฟรนไชส์จะไม่ปัง ถ้ายังไม่รู้ 5 เทคนิคปั้นเพจให้โตบนโซเชียล!


ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์อาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการ หากอยากให้แบรนด์เติบโต สร้างรายได้ และมีคนสนใจลงทุน การทำเพจให้ปังบนโซเชียลคือสิ่งที่มองข้ามไม่ได้อีกต่อไป เพราะยุคนี้ “เพจดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” หลายคนมีแฟรนไชส์น่าสนใจ ลงทุนไม่สูง กำไรดี แต่กลับไม่มีคนรู้จัก เพราะเพจไม่ดึงดูด ไม่สร้างความเชื่อมั่น และไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่

เทคนิคปั้นเพจให้โตบนโซเชียล ที่จะเปลี่ยนจากเพจเงียบ ๆ ให้กลายเป็นเพจสุดปัง ที่ทั้งคนซื้อ คนแชร์ และคนลงทุนอยากทักหาเพจโซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่พื้นที่โพสต์สินค้า แต่มันคือ “หน้าร้านออนไลน์” ที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจว่าคุณน่าลงทุนด้วยหรือไม่ การวางกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์คุณภาพ และเข้าใจผู้ติดตาม

จะช่วยให้เพจของคุณเติบโต พร้อมผลักดันแฟรนไชส์ให้ดัง ปัง และยั่งยืนในระยะยาว และหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า เว็บปั้มไลค์ แต่วันนี้รูปแบบธุรกิจนี้พัฒนาไปไกลกว่านั้น กลายเป็นระบบบริการโซเชียลมีเดียครบวงจรที่สามารถต่อยอดเป็นแฟรนไชส์ได้ สร้างรายได้แม้ไม่มีหน้าร้าน และใช้ต้นทุนต่ำมาก ต้องรู้เทคนิค “ปั้นเพจให้โต” ด้วย และนี่คือ 5 เทคนิคสำคัญที่เจ้าของแฟรนไชส์ควรรู้ก่อนใครค่ะ

ถ้าอยากให้แฟรนไชส์โตไวบนโลกออนไลน์ ต้องปรับวิธีคิดและวิธีโพสต์



ในโลกของโซเชียลมีเดียวันนี้ “ใครไวกว่า คนนั้นได้เปรียบ”แต่ไม่ใช่แค่ไวอย่างเดียวที่พอ ต้อง ไว เข้าใจคน สร้างคุณค่า ด้วยหลายเจ้าของแฟรนไชส์พลาดโอกาสโตไวเพราะยังใช้โซเชียลเหมือน “ป้ายโฆษณา”โพสต์แต่โปรโมชัน ขายอย่างเดียว ไม่สร้างเรื่องราว ไม่เข้าใจผู้ติดตามผลคือ...คนไม่สนใจ ไม่แชร์ ไม่อิน และยอดขายก็ไม่เกิดถ้าคุณอยากให้แฟรนไชส์ โตเร็ว-โตจริงบนออนไลน์ คุณต้องเริ่มต้นด้วยการ “เปลี่ยนวิธีคิด” และ “ปรับวิธีโพสต์” อย่างมีกลยุทธ์

1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมายก่อนโพสต์ทุกครั้ง

เพจจะโต โพสต์จะปัง ต้องเริ่มจาก “เข้าใจว่าเรากำลังพูดกับใคร” เพราะไม่ว่าคุณจะขายแฟรนไชส์ อาหารเสริม หรือคอร์สเรียนออนไลน์ การรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณเลือก “เนื้อหา” และ “วิธีเล่า” ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่เสียเวลา ไม่เสียต้นทุน และส่งผลตรงต่อยอดขายและการมีส่วนร่วม (engagement)หลายคนพลาดเพราะโพสต์ตามใจตัวเอง โพสต์ตามเทรนด์แต่ไม่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย สุดท้ายเพจไม่โต ยอดขายไม่มาวิธีเริ่มต้นที่ถูกต้อง คือเริ่มจากการทำ “Persona” และใช้เครื่องมืออย่าง “Facebook Insights” หรือ “Instagram Analytics” มาวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • สร้าง Persona ให้ชัด Persona คือ “ภาพจำลองของลูกค้าเป้าหมาย” ที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าเขาคือใคร ต้องการอะไร และมีพฤติกรรมอย่างไร การมี Persona ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณ เลือกสไตล์การเขียนที่เหมาะกับเขา,สร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ มีการใช้รูปภาพ สี และคำที่เขารู้สึก “ใช่”และวางโปรโมชันได้ตรงจุด
  • วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ติดตามด้วย Insights ไม่ใช่แค่รู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังต้องรู้ว่า “เขาโต้ตอบกับเพจของคุณยังไง” ด้วยเครื่องมืออย่าง Facebook Page Insights, Instagram Analytics, หรือแม้แต่ TikTok Analytics ซึ่งสามารถบอกได้ว่า คนที่ติดตามเพจเป็นเพศไหน อายุเท่าไร อย่างเช่น กลุ่มเป้าหมายหลักคือหญิงวัย 30–45 ปี เข้ามาดูเพจช่วง 19:00–21:00 น คอนเทนต์ประเภทใดที่ได้ยอดไลก์/แชร์/คอมเมนต์เยอะที่สุด แหล่งที่มาของผู้ชมมาจากไหน (เช่น จากการค้นหา, การแชร์, หรือจากเพจอื่น) ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการโพสต์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น ตั้งเวลาโพสต์ช่วงค่ำ, เพิ่มเนื้อหาแบบรีวิว, หลีกเลี่ยงข้อความโฆษณาตรง ๆ แล้วหันมาใช้การเล่าเรื่องแทนได้ค่ะ
2. คอนเทนต์ต้องโดน ไม่ใช่แค่ขายของ


ถ้าคุณใช้เพจเพื่อโพสต์ขายแฟรนไชส์อย่างเดียวทุกวัน แล้วสงสัยว่าทำไมยอดไลก์ไม่ขึ้น ยอดแชร์ไม่มา ก็อาจถึงเวลาต้องย้อนกลับมามองใหม่ เพราะยุคนี้ "คนซื้อไม่ชอบถูกขายของตรง ๆ" แต่ชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ เคล็ดลับ และความจริงใจมากกว่า 
  • สลับคอนเทนต์ 70:30 (ให้ความรู้ : โปรโมต) หลักการง่าย ๆ ที่เจ้าของเพจควรยึดไว้เสมอคือ “70:30”คือโพสต์คอนเทนต์ ให้คุณค่าและความรู้ 70% และ ขายของ/โปรโมชันอีก 30%เพราะคอนเทนต์ให้ความรู้จะช่วยให้เพจดูน่าเชื่อถือ และทำให้คนอยากติดตามต่อเนื่อง ส่วนคอนเทนต์โปรโมตจะใช้ปิดการขายในจังหวะที่ใช่
  • ตัวอย่างโพสต์ที่คนแชร์เยอะในวงการแฟรนไชส์ คอนเทนต์ที่โดน ไม่ได้เกิดจากการเขียนขายเก่งอย่างเดียว แต่ต้อง โดนใจกลุ่มเป้าหมายในเรื่องที่เขา “อิน” หรือ “ฝันถึง” ตัวอย่างเช่น "10 อาชีพเสริมยุคนี้ที่เริ่มง่าย คืนทุนไว ไม่ต้องลาออกจากงาน"จะเน้นเนื้อหาแบบนี้ทำให้คนสนใจแชร์ไปให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่อยากมีรายได้เสริม หรือ "แชร์ประสบการณ์จริง: จากเงินเก็บก้อนสุดท้าย 30,000 บาท สู่ร้านขายดีประจำตลาด" ที่เล่าเป็นเรื่องราว มีรูปประกอบ คนอ่านรู้สึกอินและอยากให้กำลังใจ
การทำเพจให้โตในสายแฟรนไชส์ ไม่ใช่เรื่องของการโพสต์ขายทุกวัน แต่คือการทำให้คนรู้จัก เข้าใจ และ “อยากเชื่อมโยงกับแบรนด์ของคุณ” ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจจำไว้ว่า “โพสต์ดี = มีคนอ่านจนจบ แชร์จนไกล และอยากกลับมาอ่านอีก”และถ้าคุณใช้สูตร 70:30 อย่างถูกต้อง เพจของคุณจะทั้ง “โต” และ “ปิดการขาย” ได้ในตัวค่ะ

3. โพสต์ให้ถูกเวลา ปั้นเพจให้โตไว

คุณอาจมีคอนเทนต์ดี กราฟิกปัง แต่ถ้าโพสต์ผิดเวลา... โอกาสที่คนจะเห็นก็น้อยลงทันที ยิ่งโซเชียลมีเดียมีอัลกอริธึมที่แข่งขันสูง การ “โพสต์ให้ตรงจังหวะที่คนออนไลน์” จึงกลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของการทำเพจให้เติบโตไวโพสต์ถูกเวลา = เข้าถึงคนได้มากขึ้นเข้าถึงคนได้มากขึ้นนั้นคือการเพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วมและปิดการขายดังนั้นมาดูกันว่าแต่ละแพลตฟอร์มมีช่วงเวลาทองช่วงไหน และจะวิเคราะห์เวลาโพสต์อย่างไรให้ตรงเป้า
  • ช่วงเวลาทองของแต่ละแพลตฟอร์มการเลือกช่วงเวลาโพสต์ให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้ใช้งานของแต่ละแพลตฟอร์มช่วยให้เพจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้ Facebook ช่วงเช้า: 07:00–09:00 น. (คนเริ่มวันใหม่ เช็คมือถือ) ช่วงเย็น–ค่ำ: 18:00–21:00 น. (เลิกงาน/เลิกเรียน พักผ่อน เล่นมือถือ) วันอาทิตย์: คนเล่นมากที่สุด เหมาะกับโพสต์ที่ต้องการ Reach สูง ส่วน TikTok ช่วงเย็น–ดึก: 18:00–22:00 น. (กลุ่มวัยรุ่น – วัยทำงานแอคทีฟสูง) ช่วงเช้า: 06:30–08:30 น. (วัยรุ่นเปิดดูระหว่างเดินทางหรือก่อนเรียน) ควรเน้นวิดีโอสั้น อินเทรนด์ และมีฮุกใน 3 วินาทีแรกค่ะ
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์โพสต์ยอดนิยม ถ้าคุณไม่อยากเดาเวลาโพสต์ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลจะช่วยให้คุณรู้ว่า เวลาไหนคนเห็นโพสต์คุณมากที่สุด คอนเทนต์แบบไหนที่คนมีส่วนร่วมเยอะ วันไหนโพสต์แล้วปังที่สุด มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ควรรู้คือ Meta Business Suite (สำหรับ Facebook/IG) ดูช่วงเวลาที่ผู้ติดตามแอคทีฟดู Engagement ของโพสต์ย้อนหลัง ตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ตามเวลาที่ดีที่สุด , Instagram Insights (ในแอป)แสดงช่วงเวลาที่ Follower ออนไลน์ วิเคราะห์ Reel / Story / Post แบบแยกรายการได้ , TikTok Analytics ดูว่าโพสต์เวลาไหนคนดูมาก แสดง Top Video ที่ได้รับ Engagement สูงสุด, LINE OA Insight แสดงเวลาที่ข้อความ Broadcast ถูกเปิดมากที่สุด ดูยอดคลิก / ปฏิสัมพันธ์กับคูปองหรือริชเมสเสจและเครื่องมือเสริม เช่น Buffer, Hootsuite, Laterใช้จัดการคอนเทนต์หลายแพลตฟอร์มมี AI ช่วยแนะนำเวลาโพสต์ที่ดีที่สุดอิงจากพฤติกรรมของผู้ติดตาม นั้นเองค่ะ
4. ใช้แรงกระตุ้นจากลูกค้าเก่าและรีวิวจริง


ในยุคที่ใครก็สามารถสร้างเพจหรือโปรโมตสินค้าได้ง่าย สิ่งที่ทำให้ “เพจคุณน่าเชื่อถือ” กว่าคู่แข่งคือ เสียงจากลูกค้าจริง นั่นคือ รีวิว, ข้อความขอบคุณ, รูปถ่ายขณะใช้งาน หรือแม้แต่คลิปวิดีโอจากลูกค้าเก่า รีวิวจากลูกค้าเท่ากับหลักฐานสังคม (Social Proof)และหลักฐานสังคมนี้เองคือพลังที่ทำให้ “คนที่ยังลังเล” ตัดสินใจเร็วขึ้น รีวิวดี ๆ ที่มาจากใจลูกค้า ไม่ได้แค่ช่วยปิดการขาย แต่ยังสามารถกลายเป็นคอนเทนต์ที่แชร์ต่อได้อีกยาว
  • วิธีขอรีวิวจากลูกค้าแบบไม่ขายตรง หลายคนไม่กล้าขอรีวิวเพราะกลัวดูขายของหรือรบกวนลูกค้า แต่จริง ๆ แล้ว หากคุณ “ตั้งใจฟัง” และ “เลือกเวลาถูก” การขอรีวิวเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและได้ผล เทคนิคขอรีวิวอย่างแนบเนียน นั้นคือ ขอบคุณ + ขอความเห็นเล็กน้อย เช่น “ขอบคุณมากเลยนะคะที่เลือกแฟรนไชส์ของเรา พอมีเวลาว่าง รบกวนฝากความเห็นสั้น ๆ ได้ไหมคะ? อยากนำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นค่ะ” หรือ ใช้คำถามเจาะจง แทนการขอรีวิวทั่วไป แทนที่จะพูดว่า “ช่วยรีวิวหน่อย” ให้เปลี่ยนเป็น “ตอนเริ่มต้นธุรกิจ มีอะไรที่รู้สึกว่าง่ายกว่าที่คิดไหมคะ?” ให้สิ่งตอบแทนเล็ก ๆ อย่างจริงใจ (ไม่ต้องถึงขั้นแจกของ) เช่น แชร์รีวิวเขาแล้ว Tag เขากลับ พร้อมคำขอบคุณ หรือให้คูปองส่วนลด, แนะนำลูกค้าใหม่รับของขวัญพิเศษค่ะ
  • เทคนิคการทำ UGC (User-Generated Content) UGC คอนเทนต์ที่ลูกค้าสร้างให้เราโดยสมัครใจ เช่น รีวิววิดีโอ รูปภาพการใช้งานจริง คลิปเปิดร้านวันแรก ข้อความในแชทหรือคอมเมนต์ วิธีสร้าง UGC อย่างได้ผล เปิดแคมเปญง่าย ๆ ให้ลูกค้าอยากมีส่วนร่วม เช่น “โพสต์ภาพวันแรกที่เปิดร้าน พร้อมติด Hashtag #แฟรนไชส์เปลี่ยนชีวิต” หรือ “รีวิวแฟรนไชส์ของคุณแบบไหนก็ได้ แชร์แล้วลุ้นรับของขวัญทุกเดือน” ไฮไลต์ UGC บนเพจอย่างจริงใจและให้เกียรติลูกค้า แชร์โพสต์ลูกค้า พร้อมข้อความขอบคุณ เช่น “ขอบคุณคุณมุกมากค่ะ ที่เลือกแฟรนไชส์ของเราเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจแรก ”และ อย่าลืมขออนุญาตก่อนแชร์เสมอ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาว ค่ะ
5. อย่ามองข้ามการยิงแอดแบบแม่นยำ
 

แม้เพจจะเติบโตด้วยคอนเทนต์คุณภาพ แต่ในโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง การ “ยิงแอด” โฆษณาออนไลน์ ยังคงเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจแฟรนไชส์ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการปิดการขายแต่การยิงแอดแบบหว่านแห ไม่รู้กลุ่มเป้าหมาย ไม่วางแผน อาจกลายเป็น “เผางบฟรี”ในขณะที่ การยิงแอดแบบแม่นยำ จะทำให้คุณใช้เงินน้อย แต่ได้ผลลัพธ์คุ้มค่า
  • เทคนิคเริ่มต้นยิงแอดด้วยงบจำกัด ถ้าคุณมีงบประมาณไม่มาก แต่อยากเริ่มต้นยิงแอดให้เห็นผล นี่คือแนวทางแบบมืออาชีพ เริ่มจาก “กลุ่มเป้าหมายแคบ” แทนการหว่าน เจาะจงให้มาก เช่น เพศหญิง อายุ 25–40 ปี ทำงานประจำ สนใจเรื่องรายได้เสริม อยู่ในจังหวัดที่คุณพร้อมเปิดแฟรนไชส์ เคยสนใจธุรกิจแฟรนไชส์, เจ้าของกิจการ ใช้ความเข้าใจ Persona ที่เคยสร้างไว้ในการกำหนด Target ใน Ads Manager และใช้ Objective ให้เหมาะกับเป้าหมาย เช่น ถ้าอยากให้คนทักแชท ให้ใช้ Traffic to Messenger / Click to Message ถ้าอยากให้กรอกแบบฟอร์ม ให้ใช้ Leads / Lead Generation ถ้าอยากให้คนดูวิดีโอมาก ให้ใช้ Video Views เพื่อปูทาง Retargetค่ะ
  • วิธี Retarget ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ซื้อทันทีเมื่อเห็นโฆษณาครั้งแรก แต่พวกเขา “คุ้น” กับแบรนด์เมื่อเห็นซ้ำหลายครั้ง นี่คือเหตุผลว่าทำไม “การยิงแอดแบบ Retargeting” จึงสำคัญมาก เทคนิค Retargeting ที่ใช้ได้จริง คือ ยิงแอดรีวิวจากลูกค้าเก่า ทำให้คนที่เคยลังเล รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ส่งโปรโมชันพิเศษสำหรับคนที่เคยดูแต่ยังไม่ซื้อ เช่น “ยังสนใจแฟรนไชส์อยู่ไหม? สมัครภายใน 3 วัน รับฟรีเซ็ตเปิดร้าน” รวมถึงการ ใช้ Custom Audience ใน Facebook Ads Manager สร้างกลุ่มเป้าหมายจาก “ผู้ที่เคยมีส่วนร่วมกับเพจ” หรือ “ผู้ที่เคยดูวิดีโอ”, “ผู้เคยทักแชท”, “ผู้เข้าเว็บไซต์” ค่ะ การยิงแอดแบบมีกลยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องของ “เงินเยอะ” แต่เป็นเรื่องของ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และวางแผนโฆษณาอย่างรอบคอบ นั้นเองค่ะ

บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ตู้น้ำด่างRO SAFE ธุรกิจน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ! ติดต..
2,832
ปัญหาระดับชาติ! #แฟรนไชส์จีนบุกไทย พร้อมซัพพลายเ..
612
10 แฟรนไชส์ขายดี สงกรานต์ 2568
572
ไม่แก่เกิน! 60+ ลงทุนแฟรนไชส์อะไรดี?
477
จัดให้! รวม 10 แฟรนไชส์สายเครื่องดื่ม หน้าร้อนนี..
474
บุกไทยแล้ว! แฟรนไชส์ Fish With You ร้านอาหารจีนต..
470
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด