บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
406
2 นาที
7 พฤษภาคม 2568
เคล็ดลับสร้างเมนูใหม่ให้ปัง! คู่แข่งเยอะก็ไม่กลัว
 

คาดว่าตลาดเบเกอรี่ทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 208.93 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.07 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการที่ยังสร้างยอดขายได้อีกมาก แต่ธุรกิจเบเกอรี่เอง 
 
ก็ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นที่ต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญคือ “ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูง” อันเป็นตัวแปรหลักที่สัมพันธ์กับการ “ตั้งราคาขาย” แพงไปคนก็ซื้อไม่ไหว ตั้งราคาถูกไปผู้ประกอบการก็ไปไม่รอด
 
ถ้าไปดูอัตราเงินเฟ้อในช่วงนี้อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 1.1-1.2% แสดงให้เห็นว่า สินค้าที่แพงขึ้นมีผลกระทบทั้งประชาชนและคนทำธุรกิจ เราจะเห็นร้านค้าแทบทุกแห่งอั้นราคาสินค้าไม่ไหว จำเป็นต้องเพิ่มราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่มากขึ้น
 
คำถามก็คือ “เพิ่มราคาแล้วจะทำยังไงให้คนยังอยากซื้อ” และรู้สึกว่าราคาที่แพงขึ้นมันสมเหตุสมผลกับความเป็นจริง
 
อย่าง “ชิโอะปัง” เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ มาจากภาษาญี่ปุ่น “Shio” แปลว่า เกลือ และ “Pan” แปลว่า ขนมปัง เมนูนี้ขายแพงแต่คนก็อยากซื้อ ก็เพราะการสื่อสารถึงผู้บริโภคชัดเจนว่าเน้นวัตถุดิบพรีเมี่ยม ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่พิเศษกว่าขนมปังธรรมดาทั่วไป


อย่างชิโอะปังแม้มีวัตถุดิบไม่กี่อย่างแต่ทุกอย่างคือพิเศษไม่ว่าจะเป็น เนย AOP ต้นทุนประมาณ 10 บาท / ขนมปัง 1 ชิ้น ทีนี้ชิโอะปังของแต่ละร้านจะขายราคาแค่ไหนก็อยู่การบริหารจัดการต้นทุนทั้งการเลือกแป้งที่มีหลายเกรดทั้งแป้งไทย แป้งฝรั่งเศส แป้งญี่ปุ่น แป้งเกาหลี แม้แต่เกลือ ก็ยังมีทั้งเกลือแกง เกลือชมพู ดอกเกลือไทย ดอกเกลือฝรั่งเศส เกลือเพรสเซล แต่ละแบบมีราคาแตกต่างกัน ตามแต่ที่ร้านนั้นจะเลือกใช้
 
ใดๆก็ตามเชื่อว่าทุกร้านก็มีฐานลูกค้าตัวเอง และมีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจนว่าจะเน้นที่ปริมาณ หรือว่าคุณภาพ เราจะเห็นแบรนด์อาหารหลายอย่างที่เน้นความพรีเมี่ยมแต่ก็ขายได้ดี อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียม “ทองสมิทธ์” หรือ “เจริญแกง” ร้านข้าวแกงขึ้นห้างจากอาณาจักร iberry Group รวมถึงน้ำปั่นเพื่อสุขภาพสุดพรีเมียม Oh Juice จากร้านอาหารเพื่อสุขภาพ โอ้ กระจู๋ เป็นต้น
 
แนวคิดหลักของการทำเมนูให้ดัง ให้ปัง ให้ขายดี ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ราคาเท่านั้น แต่ต้องไปดูกลุ่มลูกค้าว่าเราต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบไหนอย่างไร ปัญหาใหญ่สุดที่เจอในการทำธุรกิจยุคนี้คือบางร้านรู้ตัวดีว่าต้นทุนสูง แต่ไม่กล้าขึ้นราคาเพราะกลัวลูกค้าหนี แต่ถ้าให้เลือกทางที่มีผลกระทบน้อยที่สุด ต้องเลือก การขึ้นราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อคงระดับคุณภาพสินค้าเอาไว้ เพราะคุณภาพของสินค้า เป็นเหมือนตราประทับที่ลูกค้าจะจดจำแบรนด์เราได้ 
 
ถ้าเลือกลดคุณภาพสินค้าลง เพื่อลดต้นทุน อาจจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ไม่เหมือนเดิม มีความรู้สึกเชิงลบต่อแบรนด์และตัวสินค้าสุดท้ายยอดขายก็ไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน แถมมีผลต่อธุรกิจในระยะยาวที่อาจทำให้ลูกค้าหันไปใช้บริการสินค้า
 
 
แบรนด์อื่นที่คุณภาพดีกว่า
 
ในเมื่อเรื่องต้นทุนสินค้าคือสิ่งที่เกินควบคุม ดังนั้นกระบวนการทำตลาดจึงต้องนำมาใช้ทดแทน ในปัจจุบันก็มีหลายวิธีที่น่าสนใจ สำหรับสร้างเมนูใหม่ให้ขายดีเช่น
 
สร้าง Social Proof ด้วยการบอกต่อ
 
 
อย่างชิโอะปังคือขนมปังเกลือที่อร่อยในความคิดของหลายคนเวลาเจอเมนูนี้ที่ร้านไหนแล้วอร่อยถูกใจก็จะบอกต่อให้กับเพื่อนหรือคนรุ้จัก หรืออย่างแบรนด์ Oh Juice เมื่อจุดกระแสให้คนหันมาสนใจสินค้าได้แล้ว ก็ทำคลิปสั้นโปรโมทบนโซเชียลมีเดียให้เห็นStory ของสินค้าว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เกิดกระแส Social Proof คือดีแล้วบอกต่อ ยิ่งทำให้ในโลกออนไลน์มีคอนเทนต์รีวิวได้มากเท่าไหร่ การ Social Proof ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
 
พูดถึง “คุณค่า” ก่อน “ราคา”
 
สำคัญคือการสร้างจุดขายและสร้างความเข้าใจว่าทำไมสินค้านี้ถึงต้องมีราคาเท่านี้ และจะแตกต่างจากสินค้าอื่นที่มีอย่างไร ซื้อไปแล้วลูกค้าจะได้อะไรที่พิเศษกว่าการซื้อจากแบรนด์อื่น สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ไอเดียในการสื่อสารให้ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่านี่คือสินค้าที่สมเหตุสมผลกับราคาที่ขาย
 
สร้างประสบการณ์สุดพิเศษ (Exceptional Experience)
 

บางครั้งสิ่งที่ลูกค้าต้องการไม่ใช่แค่สินค้าแต่คือความประทับใจหรือความพอใจ สินค้าใหม่ๆ ในร้านค้าถ้าทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าของชิ้นนี้พิเศษ แตกต่างจากแบรนด์อื่น อย่างชิโอะปังก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน บางร้านไม่ได้เน้นแค่สินค้าแต่เน้นความประทับใจให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่นการจัดร้าน แต่งร้าน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือส่วนประกอบที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นเมนูแต่มีผลต่อาการตัดสินใจของลูกค้าได้
 
อย่างไรก็ดีต้นทุนสินค้าควรอยู่ประมาณ 30-50% ของราคาขาย หรือถ้าจำเป็นต้องอัพราคาเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ก็จำเป็นต้องสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจถึงความจำเป็น และสำคัญสุดคือไม่ควรลดคุณภาพสินค้าหรือบริการของตัวเองให้น้อยลง เพราะยุคนี้คู่แข่งมีเยอะมาก คนทำธุรกิจจึงต้องมีแผนสำรองในกรณีฉุกเฉินและควรมีไอเดียการทำตลาดที่เหมาะสมเพื่อให้สร้างยอดขายได้อย่างสูงสุดแม้ภาวะเศรษฐกิจจะผันผวนแค่ไหนก็ตาม
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
529
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
452
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
448
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
413
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
404
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
393
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด