บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
436
2 นาที
18 ตุลาคม 2567
ถูกละเมิด “เครื่องหมายการค้า” ฟ้องร้องอะไรได้บ้าง?
 

พรบ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ได้กำหนดว่าผู้ที่ถูกละเมิดเครื่องหมายการค้าสามารถฟ้องร้องและเรียกค่าสินไหมทดแทนต่อผู้ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ ซึ่งโดยปกติพรบ.เครื่องหมายการค้าจะให้สิทธิผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนก่อน ตามหลัก First to file เมื่อเครื่องหมายนั้นรับจดทะเบียนแล้วจะได้รับการคุ้มครองตั้งแต่วันแรกที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียน เมื่อมีเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกันมาขอยื่นจดทะเบียน นายทะเบียนจะสั่งปฏิเสธรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่มาเหมือนหรือคล้ายเครื่องหมายที่ได้รับจดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว
 
กรณีที่เราพบว่าโดนละเมิดเครื่องหมายการค้าสามารถฟ้องละเมิดและเรียกค่าสินไหมทดแทนต่อผู้ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ รวมถึงกรณีลวงขาย (Passing off) กล่าวคือ การที่บุคคลภายนอกทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกว่าสินค้าของตนมีความเกี่ยวข้องหรือเข้าใจว่าเป็นสินค้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้แล้ว โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายทางการค้า เจ้าของเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสามารถฟ้องการลวงขายดังกล่าวภายใต้ มาตรา 46 พรบ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ได้

นอกจากนี้สามารเพิกถอน หรือ คัดค้าน ต่อเครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้าย ที่ทำให้กระทบสิทธิของตน โดยสามารถแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น และดำเนินการคัดค้านหรือเพิกถอนการจดทะเบียน ตาม พรบ. เครื่องหมายการค้า 2534 อีกทั้งสามารถฟ้องในความผิดเกี่ยวกับการค้า มาตรา 272 - 274 ตามประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย
 

ภาพจาก https://elements.envato.com 
 
บทลงโทษสำหรับผู้ที่ละเมิดสิทธิเครื่องหมายการค้า
  1. การปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมาย ร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว ระวังโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 108)
  2. การเลียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว ระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 109)
  3. การนำหีบห่อหรือภาชนะที่แสดงเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วมาใช้สำหรับสินค้าของตนเองจนอาจเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าที่ขึ้นทะเบียนเเล้ว ระวังโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 109/1)

ภาพจาก https://elements.envato.com

กรณีถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า หลักฐานที่ต้องนำมาประกอบได้แก่
  1. ทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือหนังสือรับรองรายการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งนายทะเบียนรับรองความถูกต้องที่เป็นต้นฉบับมาแสดง (จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร)
  2. หนังสือรับรองนิติบุคคลกรณีเจ้าของเครื่องหมายเป็นนิติบุคคล
  3. หนังสือมอบอำนาจให้ตัวแทนมีอำนาจในการแจ้งความร้องทุกข์ กรณีเจ้าของเครื่องหมายเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลต่างประเทศ โดยหนังสือมอบอำนาจต้องเป็นต้นฉบับ ถ้าจะใช้สำเนาต้องมีการรับรองความถูกต้องแท้จริงโดยวิธีการตามกฎหมายของประเทศนั้น 
  4. เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศจะต้องแปลเป็นภาษาไทย และรับรองคำแปลถูกต้อง
  5. ตัวอย่างสินค้าของจริง และตัวอย่างสินค้าของปลอม
  6. หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เช่น หลักฐานการโฆษณาสินค้า สำเนาใบเสร็จรับเงินจากการจำหน่ายสินค้าหลักฐานแสดงความแพร่หลายของสินค้า เป็นต้น   
ในกรณีเป็นเครื่องหมายการค้าที่จดเบียนไว้แล้วนอกราชอาณาจักร จะต้องนำทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เป็นต้นฉบับมาแสดงร่วมด้วย

ภาพจาก https://bit.ly/3xICC3M
 
ทั้งนี้มีกรณีตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจเป็นเคสของ Cafe’ Amazon แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดังที่นอกจากมีสาขาในประเทศยังมีการขยายสาขาไปต่างประเทศด้วย ซึ่งเคยมีรายงานข่าวว่ามีร้านหนึ่งในกัมพูชาตั้งชื่อร้านว่า Café Amazing และมีรูปแบบร้านที่เหมือนกับ Cafe’ Amazon อย่างมากต่างกันเพียงแค่ชื่อร้านเท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้ทาง Café Amazon ได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐาน เพื่อยื่นฟ้องร้องร้านกาแฟดังกล่าวด้วย   
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise