บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
556
2 นาที
26 มิถุนายน 2567
เช็คตัวเอง ด่วน! Slippery Slope ไหลลื่นแบบคนล้มเหลว


มีผลการวิจัยระบุว่าอัตราความผิดพลาดล้มเหลวที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 15% ของการทำงานแต่ละครั้ง ซึ่งความผิดพลาดระดับนี้จะเปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ดีที่สุด โดยไม่รู้สึกว่ายากหรือง่ายจนเกินไป
 
แต่ในความเป็นจริงกลับมีคนบางกลุ่มที่คิดย้อนแย้งยิ่งกว่า และกลัวความผิดพลาดมากไปจนพาชีวิตไปสู่ความล้มเหลว ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรแบบจริงจังสักครั้งเดียว
 
 
คนกลุ่มนี้จะมีวิธีคิดที่เรียกว่า “Slippery Slope” แปลตรงๆก็คือ ทางลาดชันลื่น โดยเป็นการเปรียบเทียบการนำเหตุผลจากเหตุการณ์แรกไปสู่เหตุการณ์ต่อ ๆ ไป จนถึงข้อสรุปสุดท้ายที่ห่างไกลจากเหตุผลแรกอย่างมาก หรือจะเรียกว่าอีกอย่างว่าเป็น “ตรรกะวิบัติ (Fallcy)” อธิบายง่ายๆ คือ “คิดเอง เออเอง” ใช้ความคิดแบบมโนไปเรื่อยๆ เช่น ถ้าเราลงทุนแฟรนไชส์อันนี้ เราจะต้องเสียเงินก้อนโต เราจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง เราต้องทำงานมากขึ้น เราอาจกลายเป็นหนี้มากขึ้น ครอบครัวก็จะไม่มีเงินพอใช้จ่าย ดังนั้นเราจึงไม่ควรซื้อแฟรนไชส์นี้เด็ดขาด เป็นต้น
 
ที่ร้ายยิ่งกว่าคือคนแบบ Slippery Slope มักคิดว่าตัวเองเป็นคนมองการณ์ไกล เป็นคนมีเหตุผล เป็นคนรอบคอบ ชอบการป้องกันดีกว่าต้องมาแก้ไข แต่ความจริงแล้วมันไม่ต่างอะไรจากคนมองโลกในแง่ร้าย มองทุกอย่างเป็นสีดำคนละขั้วกับคนที่คิดวางแผนอย่างเป็นระบบ ที่จะวิเคราะห์ทั้งกรณีดีที่สุดไปจนถึงแย่ที่สุด 
 
 
ยกตัวอย่างเช่นถ้าจะลงทุนแฟรนไชส์ใดสักแบรนด์ จะมีการแจกแจงข้อมูลให้เห็นภาพทั้ง Worst Scenario ,Standard Scenario และ Best Scenario นั้นคือข้อมูลภาพรวมว่าในกรณีที่ขายได้ปกติ , ขายได้ดีที่สุด หรือขายได้แย่ที่สุดจะมีโอกาสคืนทุนต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ในมุมของ Slippery Slope จะมองข้าม Standard Scenario และ Best Scenario และจะมองเห็นแต่ Worst Scenario เท่านั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรใหม่ มัวแต่กลัวและคิดเพ้อเจ้อไปต่างๆ นาๆ ชีวิตก็ไม่มีอะไรก้าวหน้า และนำพาชีวิตจมสู่ความล้มเหลวได้ในที่สุด
 
ตรงกันข้ามในมุมของคนที่ชีวิตพร้อมจะประสบความสำเร็จต้องเริ่มจากการมี mindset ที่ดี ซึ่งนักจิตวิทยาเชื่อว่า curiosity หรือความช่างสงสัย คือคุณสมบัติสำคัญที่นำชีวิตสู่ความสำเร็จได้สิ่งเหล่านี้ทุกคนสามารถฝึกได้โดยเริ่มจาก
  • พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยความถ่อมตน (humility)
  • ฝึกยอมรับข้อผิดพลาด รู้ว่าตัวเองมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร และกล้าที่จะยอมรับผิดชอบโดยไม่แก้ตัว
  • ฝึกฟังอย่างตั้งใจ เปิดรับคำวิจารณ์จากผู้อื่นแล้วฟังอย่างตั้งใจ
  • รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องขอความช่วยเหลือ ไม่ต้องกลัวที่จะบอกว่าเราไม่รู้และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากคนที่รู้มากกว่า
  • ฝึกตัวเองให้มี growth mindset หรือแนวคิดที่เชื่อว่าคนเราสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้
  • ปรับมุมมองต่อความล้มเหลว ให้คิดซะว่าความล้มเหลวทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง
  • เชื่อมั่นว่าเรายังทำไม่ได้ ‘แค่ตอนนี้’ ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ตลอดไป

ภาพจาก https://elements.envato.com

ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการลงทุนเท่านั้นแม้แต่ในองค์กรก็ควรฝึกให้บุคลากรปราศจากแนวคิดแบบ Slippery Slope เพื่อเพิ่มโอกาสให้องค์กรพัฒนาได้อย่างสูงสุด สิ่งที่ผู้บริหารหรือหัวหน้างานควรมีคือการมองประสิทธิภาพของลูกน้องให้เข้าใจ ไม่ใช่มองแบบ Slippery Slope ที่เห็นแต่แง่ลบ คิดแต่ว่าเขาไม่มีทางทำได้ สิ่งที่ต้องยอมรับอันดับแรกคือแต่ละคนมีสไตล์ที่แตกต่าง ถ้าไม่ใช่พฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือร้ายแรงเกินไป ก็ควรมองข้ามในพฤติกรรมเหล่านั้น ไม่ใช่อคติอยู่ฝ่ายเดียว

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
498
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
423
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
398
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
394
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
378
In-N-Out ราชินีฟาสต์ฟู้ดอเมริกา ไม่ขายแฟรนไชส์ แ..
363
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด