แฟรนไชส์ธุรกิจยานยนต์ ยอดขายโต ยอดบริการโตกว่า!
 

ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ.2567 ประมาณ 1,900,000 คัน มากกว่าปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 1,841,663 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17 และหากดูตัวเลขรวมจะพบว่าในประเทศไทยมีรถยนต์ทุกประเภทมากกว่า 42 ล้านคัน ซึ่งแนวโน้มว่า ตัวเลขนี้มีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ จากตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ธุรกิจยานยนต์” มีกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่มาก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็พร้อมจะเติบโตมากขึ้นด้วย ซึ่งมีหลายแฟรนไชส์ในเมืองไทยที่น่าสนใจและเหมาะสมกับการเลือกลงทุนอย่างมาก แต่ละแบรนด์ต่างมีจุดเด่น และข้อดีที่แตกต่างกันไป มีอะไรบ้างลองไปดูพร้อมกันได้เลย

 

1.มูฟ อีวี เอกซ์ 
 

ภาพจาก www.facebook.com/MOVEEVX

มูฟ อีวี เอกซ์ โดย บริษัท เดอะมูฟ ธันเดอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการขายและให้บริการสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เมื่อลูกค้าที่เป็นสมาชิกและใช้รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าของมูฟ อีวี เอกซ์ สามารถนำแบตเตอรี่ลูกเดิมที่ใช้งานอยู่มาเปลี่ยนกับลูกใหม่ที่ตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ด้วยการสแกน QR Code หรือใช้บัตร RFID ที่หน้าตู้ จากนั้นตู้จะชาร์จแบตเตอรี่ลูกเดิมของลูกค้าจนเต็ม พร้อมให้ลูกค้าคนใหม่มาสลับแบตเตอรี่ไปใช้งาน

ผู้สนใจสามารถลงทุนด้วยการซื้อตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ ไปตั้งในพื้นที่ เริ่มต้นที่ 8 ตารางเมตร โดยทางบริษัทเป็นผู้ประเมินพื้นที่ และดำเนินการติดตั้งตู้ให้ จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าบริการชาร์จแบตเตอรี่จากบริษัท คิดตามหน่วยไฟจากมิเตอร์ไฟฟ้าภายในตู้อัตรา หน่วยละ 9 บาท ใช้งบในการลงทุน 700,000 – 3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และจำนวนตู้

2.แคท คาร์วอช 
 

ภาพจาก www.facebook.com/catcarwash.official

แคท คาร์วอช เป็นแฟรนไชส์ให้บริการตู้หยอดเหรียญล้างรถแบบอัตโนมัติ ที่เข้าถึงทุกพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย สร้างรายได้ให้ผู้ลงทุนได้ตลอด 24 ชม. โดยมีทีมงานในการให้คำปรึกษา พร้อมดูแลคนลงทุนเป็นอย่างดี การลงทุนมีให้เลือกหลายรูปแบบเริ่มต้นที่แพคเกจ 3 ตู้ + อุปกรณ์ส่วนกลาง ราคา 255,000 บาท หรือสามารถเลือกลงจำนวนตู้อัตโนมัติได้ตามต้องการ

ทั้งนี้ แคท คาร์วอช มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ และอำนวยความสะดวกให้คนลงทุนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินแบบ QR Code และระบบบริหารจัดการหลังบ้านผ่านสมาร์ทโฟน ระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 18-24 เดือนโดยขึ้นอยู่กับทำเล ปัจจุบันมีคนสนใจต้องการลงทุนจำนวนมาก มีสาขาทั่วประเทศรวม 12 แห่ง
 

 

3.จี เพาเวอร์ 
 

ภาพจาก จี เพาเวอร์

จี เพาเวอร์เป็นแฟรนไชส์ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ตู้ชาร์จรถยนต์ EV ที่วางคอนเซ็ปต์ว่า “First come first served” มีเป้าหมายต้องการให้ “ตู้ชาร์จ” มีบริการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อไม่เป็นปัญหากับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป มีรูปแบบการลงทุนให้เลือกได้แก่

ค่าแฟรนไชส์ 36,000 ตลอดระยะ 3 ปี งบในการลงทุนขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และการตกแต่ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับการฝึกอบรมและติดตั้งพร้อมการดูแลโดยทีมงานมืออาชีพเพื่อให้สร้างรายได้จากธุรกิจได้อย่างสูงสุด
 

 

 

ภาพจาก พรีเมี่ยมคาร์แคร์ 

พรีเมี่ยมคาร์แคร์โดยบริษัท ที.วี.ซี.คาร์แคร์ จำกัด มีประสบการณ์ในธุรกิจมานานกว่า 29 ปี ให้ดูแลรถยนต์ที่มีหลายบริการน่าสนใจเช่น พ่นกันสนิม , เคลือบเซรามิค , ติดฟิล์มกรองแสง , ติดตั้งอุปกรณ์เสริมในรถ , บริการตรวจเช็คระบบในรถทั้งหมด เป็นต้น ถือเป็นแฟรนไชส์ที่หลายคนรู้จักและมั่นใจในประประสิทธิภาพการให้บริการเป็นอย่างดี มีการขยายสาขาทั่วประเทศกว่า 94 แห่ง และตอนนี้เปิดโอกาสให้คนสนใจสามารถเลือกลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ เริ่มต้น 9.8 แสนบาท สัญญา 3 ปี

โดยสิ่งที่จะได้รับคือ การออกแบบและตกแต่งภายในศูนย์บริการ , การส่งเสริมด้านการตลาด , การวางระบบบริหารจัดการภายในศูนย์ , การฝึกอบรมพนักงาน , ผลิตภัณฑ์และสินค้าที่พร้อมให้เปิดกิจการ จุดเด่นของพรีเมี่ยมคาร์แคร์คือมีฐานลูกค้าทั่วประเทศ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในการให้บริการแก่ลูกค้าด้านต่างๆ การลงทุนกับพรีเมี่ยมคาร์แคร์จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการสร้างธุรกิจที่ดีมาก
 

5.ดับเบิ้ลยู บาย วิซาร์ด
 

ภาพจาก www.facebook.com/wizard.auto.care.club

ดับเบิ้ลยู บาย วิซาร์ด คือศูนย์บริการคาร์แคร์ที่พร้อมดูแลรถยนต์อย่างครบวงจร ค่าแฟรนไชส์ในการลงทุน 500,000 บาท งบลงทุน 2.9 – 3.9 ล้านบาท มีจุดเด่นคือการล้างรถด้วยเครื่องอัตโนมัติที่ใช้เวลาในการล้างรถเพียง 1.30 นาที/คัน จึงสามารถรับลูกค้าได้มากขึ้น ร่วมด้วยบริการครบวงจรทั้ง เคลือบแก้ว , ขัดเคลือบเบาะหนัง , ซ่อมช่วงล่าง , ล้างแอร์ เป็นต้น 
 

และใครที่อยากลงทุนไม่ต้องห่วงเรื่องทำเลเพราะดับเบิ้ลยู บาย วิซาร์ด มีทำเลให้เลือกทั้งสถานีบริการน้ำมันห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าชั้นนำต่างๆ โดยมีฐานลูกค้ามากกว่า 100,000 ราย สามารถเริ่มธุรกิจได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โอกาสคืนทุนภายใน 2 ปี พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพในการให้คำปรึกษา , การวางระบบบริหารจัดการร้านให้อย่างดี มีการฝึกอบรมให้ก่อนเริ่มธุรกิจ ร่วมด้วยการส่งเสริมด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจให้ทันยุคสมัยได้อย่างต่อเนื่อง การันตีความสำเร็จจากสาขาทั่วประเทศกว่า 62 แห่ง
 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนยุคนี้คือการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมทุกด้านมีราคาสูงขึ้นมาก ไม่นับรวมเรื่องคู่แข่งที่มีจำนวนมาก ดังนั้นเรื่องกลยุทธ์การตลาดและการบริหารจัดการธุรกิจเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ข้อดีของการลงทุนกับแฟรนไชส์คือเราไม่ต้องทำธุรกิจคนเดียว แต่มีทีมงานคอยให้คำปรึกษาและแบรนด์เหล่านี้มีฐานลูกค้า มีประสบการณ์ที่พร้อมช่วยเหลือคนลงทุนอย่างดี หากเราสนใจต้องการลงทุนแบรนด์ไหนก็ให้ติดต่อสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกการลงทุนของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างสูงสุด

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)