เล่นหวย VS ลงทุนแฟรนไชส์ นับเป็นการลงทุนเหมือนกัน แต่อัตราผลพลอยได้ ความเสี่ยง วิธีการ นั้นต่างกันสิ้นเชิง เกิดเป็นคำถามชวนให้สงสัยว่าแล้วการเลือกลงทุนแบบไหน ที่จะรวยเร็วกว่ากัน ก่อนที่จะไปพูดถึงตรงนั้นต้องลองมาเปรียบเทียบตัวเลขของ 2 วงการนี้กันสักหน่อย อ้างอิงข้อมูลจาก www.ThaiFranchiseCenter.com แฟรนไชส์ในไทยมีกว่า 590 แบรนด์ ปี 2563 คาดว่ามูลค่าตลาดแฟรนไชส์จะสูงถึง 3 แสนล้านบาท สูงขึ้นจากมูลค่าในปี 2562 ที่อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท

 

ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาล จากสถิติระบุว่า คนไทยกว่า 9 ล้านคน เสพติดหวย แบ่งเป็นชอบ 7.6 ล้านคน และติดหวย 1.3 ล้านคน โดยคนไทย 1 ใน 4 หรือประมาณ 20 ล้านคน ซื้อลอตเตอรี่และหวยรวมกัน 250,000 ล้านบาท/ปี ลงลึกไปอีกนิดพบว่าข้อมูลในGoogle ช่วง 15 ปีที่ผ่านมาการค้นหาคำฮิตของคนไทยคือ “เลขเด็ด” มีการค้นหาคำนี้เพิ่มขึ้นปีละร้อยละ 18 ขณะที่การสืบค้นคำว่า ฝากเงิน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 9 ต่อปี และกระจุกเพียงในหัวเมืองเท่านั้น

 

ภาพจาก bit.ly/3ksN9DV

 

ในฝั่งของคนเล่นหวยคาดหวังโอกาสถูกรางวัลตั้งแต่รางวัลเลขท้าย 2 ตัวไปจนถึงรางวัลที่ 1 โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ละงวดจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 97 ล้านชุดซึ่งในแต่ละฉบับก็จะเป็นเลขเรียงกันไปตั้งแต่ 000000 ไปจนถึง 999999 รวมทั้งสิ้น 1,000,000 เลขรางวัลรวมทั้งสิ้น 14,168 รางวัล คิดเป็นเงิน 48 ล้านบาท สมมติว่าซื้อ 1 ใบ เท่ากับมีโอกาสถูกรางวัล 1.4168% แยกเป็น

ภาพจาก bit.ly/3niMpmu

 

และถ้าสมมติว่าคุณเป็นคนดวงเฮงมากจริงๆไปซื้อลอตเตอรี่ 14,168 ใบ ได้ในราคาใบละ 80 บาท เป็นเงิน 1,133,440 บาทแล้วโชคดี ถูกหมดทุกรางวัล ตั้งแต่รางวัลที่ 1 จนถึงรางวัลสุดท้าย นั่นจะทำให้ได้เงินรางวัล 48 ล้านบาท

หักลบกันแล้วจะมีกำไรอยู่ประมาณ 46 ล้านบาทกว่าๆแต่นี่เป็นแค่ทฤษฏีในความเป็นจริงคง “เป็นไปไม่ได้” ที่ใครจะมีดวงเฮงได้ขนาดนั้น

 

ดังนั้นความหวังของคนเล่นหวยจึงมุ่งเป้าไปที่รางวัลใหญ่ ปัจจุบันมีการขายแบบหวยชุด 2 ใบ 3 ใบ 5 ใบ หากดวงดีถูกรางวัลก็การันตีได้เลยว่ารวยแน่ รับทรัพย์กันที 6 ล้าน 12 ล้าน 18 ล้าน หักภาษีแล้วก็ยังเหลือเงินอีกมาก เรียกว่าถ้าถูกสักทีไอ้ที่เคยซื้อหวยเสียไปเท่าไหร่ก็คงไม่สำคัญ แต่ปัญหาคือเรามีโอกาสแบบนั้นน้อยมาก และคนส่วนใหญ่เมื่อไม่ถูกก็จะซื้อ ซื้อ และซื้อต่อไป กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ด้วยว่าจะคืนทุนในอนาคตได้หรือเปล่า

 

 

บางคนที่เลิกเล่นหวยและบอกให้เลือกเอาเงินนั้นมาลงทุนดีกว่า โดยเฉพาะลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีระบบการบริหารจัดการให้พร้อม มีอุปกรณ์พร้อมเปิดร้าน สอนสูตรและเทคนิคการขายเป็นอย่างดี แต่ละแฟรนไชส์ก็มีอัตราแรกเข้าต่างกันลองโฟกัสในแฟรนไชส์ขนาดกลาง เงินลงทุนเบื้องต้น 30,000 – 50,000 บาท ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม หากเรามีเงินจำนวนนี้เราสามารถเปิดร้านขนาดกลางได้ทันที

 

ถามว่าโอกาสคืนทุนอยู่ตรงไหน ก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์แฟรนไชส์ที่เลือก บางแบรนด์เฉลี่ยคืนทุน 3-5 เดือน หมายความว่าใน 3-5 เดือนเราจะได้เงิน 30,000 – 50,000 คืนมา และหลายแบรนด์แฟรนไชส์ก็คำนวณกำไรให้ทราบล่วงหน้า เช่น บางแบรนด์มีกำไรจากยอดขาย 30-50% แสดงว่ายิ่งขายได้มากกำไรก็ยิ่งมาก แต่ความต่างของแฟรนไชส์กับหวย คือ การเปิดร้านเราต้องลงทุนทุกวัน เป็นค่าวัตถุดิบต่างๆ  ซึ่งเราก็จะมียอดขายเข้ามาทุกวันด้วยเช่นกัน ต่างจากการเล่นหวย ที่จะลงทุนเดือนละ 2 ครั้ง วันที่ 1 กับ 16 

 

หากเราเลิกเล่นหวยและเก็บเอาเงินนั้นมาลงทุนก็จะกลายเป็นเงินทุนหมุนเวียนในร้านได้มากขึ้น โอกาสขยายร้านก็มีมากขึ้น หลายคนที่ขายแฟรนไชส์สามารถมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 -30,000 บาท แต่ก็ต้องมีความขยัน อดทน และตั้งใจทำจริง และต้องมีทำเลที่ดีในการเปิดร้านด้วย แตกต่างจากการเล่นหวยที่ไม่ต้องมีทำเลอะไร แค่อาศัยโชคและดวง หากดวงดีถูกรางวัล ก็จะลืมเรื่องเงินที่จ่ายไปก่อนหน้านี้สิ้นเชิง แต่หากไม่ถูกคนเล่นหวยก็จะลงทุนต่อไป เล่นต่อไป จนจำนวนเงินที่ลงทุนนั้นพอกพูนจนบางทีมากมายขนาดที่ตัวเราเองก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นเท่าไหร่

 

หากให้สรุปใจความเราคงต้องฟันธงว่า ลงทุนกับแฟรนไชส์มีโอกาสที่จะรวยมากกว่าเพราะนี่คือการลงทุนสร้างอาชีพที่ไม่ได้อาศัยดวง  แต่ถ้าวัดกันที่จำนวนเงินต้องบอกว่า เล่นหวยมีโอกาสได้เงินก้อนมากกว่า เพราะถูกหวยตูมเดียว มีโอกาสได้เงิน 6 ล้าน 12 ล้าน 18 ล้าน แต่ทว่าโอกาสถูกรางวัลที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 44 แต่โอกาสถูกจริง 1 ในล้านเท่านั้น

 

ส่วนคนเล่นหวยที่คาดว่าถูก 2-3 ตัวบนล่าง มีอยู่ร้อยละ 78 โอกาสถูกจริงแค่ประมาณ 1 % เท่านั้น แต่การลงทุนกับแฟรนไชส์เราจะได้เงิน “ทยอยเก็บ” สะสมไปเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นเงินก้อนในคราวเดียว เงินที่ได้ก็เอามาทำทุนหมุนเวียนต่อเนื่อง โอกาสจะรวยก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ  กลยุทธ์การตลาด เทคนิคการขาย แต่โดยภาพรวมแล้วมีโอกาสทำให้เราได้เห็นเงินล้านได้ง่ายกว่าการซื้อหวย

 

อย่างไรก็ดีเรื่องหวยก็คือการเสี่ยงโชค หากรู้จักเล่นให้ถูกวิธีก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย สถิติบอกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้สูง มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ชอบซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน เฉลี่ย 14 ครั้งต่อปี หรือปีละ 10,000 บาท มากกว่ากลุ่มคนทั่วไปเกือบสองเท่าอยู่ที่ 12 ครั้งต่อปี หรือปีละ 4,500 บาท แสดงให้เห็นว่าต่อให้เป็นคนที่มีรายได้ คนที่มีเงิน แต่ก็ยังชอบเสี่ยงโชค เพราะถ้าดวงดีโชคดีอาจได้เงินก้อนมาต่อยอดการลงทุน ต่อยอดกิจการ ให้เติบโตยิ่งขึ้น หรือถ้าไม่ถูกก็ไม่เป็นไหร่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินต่อไป ยังไงก็รวยได้เหมือนกัน

 

ขอบคุณข้อมูล

https://bit.ly/3jxqE07 , https://bit.ly/34u5pru , https://bit.ly/3jxpBNA , https://bit.ly/31NGr4R , https://bit.ly/3oumae5

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)