บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.2K
2 นาที
22 ตุลาคม 2562
ธนาคารสวิสเผย! จำนวนคนรวยจีนแซงหน้าสหรัฐเป็นครั้งแรก!


จากการสำรวจความมั่งคั่งประจำปีของธนาคารสวิส หรือ Credit Suisse (CS) พบว่ามีคนจีนกว่า 100 ล้านคนในกลุ่มคนรวยที่สุดในโลก 10% เมื่อเปรียบเทียบกับ 99 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา โดย Nannette Hechler-Fayd’herbe หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและการวิจัยของธนาคารสวิสก็ได้กล่าวว่า “แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศก็ยังมีการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ และ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ตามลำดับ”


ภาพจาก bit.ly/35Vmvxi
 
โดยอันดับเศรษฐีของโลกเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านคน เป็นประมาณ 46.8 ล้านคน โดยมีสินทรัพย์สุทธิ 158.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 44% ของยอดรวมจากทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้นถึง 675,000 คน เมื่อปีที่แล้ว ส่วนความมั่งคั่งโดยเฉลี่ยในออสเตรเลียลดลง ส่วนใหญ่เป็นผลจากความเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ทำให้จำนวนเศรษฐีลดลง 124,000 คน โดยชาวอังกฤษจะลดลงถึง 27,000 คน และชาวตุรกีจะลดลงถึง 24,000 คน
 
ซึ่งธนาคารสวิสก็ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 2.6% จากในปีที่ผ่านมา โดยจะเพิ่มขึ้นถึง 27% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เป็น 459 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2024 จำนวนมหาเศรษฐีก็จะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้เกือบ 63 ล้านคน ส่วนแบ่งของ 90% ที่ต่ำที่สุดในโลกคิดเป็น 18% ของความมั่งคั่งทั่วโลก เมื่อเทียบกับ 11% ในปี 2000 แต่สัดส่วนชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยยังมีความร่ำรวยกว่าชาวจีนมากเช่นกัน 


ภาพจาก bit.ly/2PeUDOy
 
โดย Anthony Shorrocks นักเศรษฐศาสตร์และผู้เขียนรายงานกล่าวว่า “ด้วยข้อมูลเกือบสองทศวรรษนี้ เราได้เห็นถึงการเติบโตจากความมั่งคั่งด้วยกันถึง 2 ระยะดังนี้ โดยศตวรรษแรกจะเริ่มด้วย ‘ยุคทอง’ ของการสร้างความมั่งคั่งที่แข็งแกร่ง แต่การเติบโตของความมั่งคั่งเหล่านี้กลับทรุดลงในช่วงของวิกฤตการณ์ทางการเงินและการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากนั้นพวกมันก็ไม่เคยฟื้นกลับมาสู่ระดับเดิมได้อีกเลย” อีกทั้งเขาก็ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “มีการเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินไหวในช่วงของวิกฤตการณ์ทางการเงิน เมื่อจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆได้เข้ามาเป็นกลไกที่จะช่วยในเรื่องของความมั่งคั่ง ในขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกายังคงรักษาความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 11 ปี” 


ภาพจาก bit.ly/2NeHVgv
 
ซึ่งจากรายงานระบุว่า บุคคลที่เกิดระหว่างต้นทศวรรษ 1980 และปลายยุค 90 นั้น เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยที่สุด ซึ่งจากตามรายงานก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลก โดยภาวะที่ถดถอยเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโอกาสและการทำงานที่ไม่ดีตามมา แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ยังได้รับผลกระทบในอีกหลายๆประเทศอีกด้วย อย่างเช่น อัตราราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ซึ่งรายได้เหล่านี้ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือการสะสมความมั่งคั่งของตนเองในอนาคต” 


ภาพจาก Carlos Barria /Reuters
 
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จีนก็ยังคงอ้างสิทธิ์ที่จะเติบโตแทนที่ยุโรปในฐานะประเทศหลักของการเจริญเติบโตความมั่งคั่งทั่วโลก โดยธนาคารสวิสก็ได้ตั้งข้อสังเกตในรายงานของ Global Wealth Report ประจำปีเอาไว้ว่า “เงื่อนไขทางการค้าและระดับหนี้ก่อให้เกิดความกังวลใจอยู่บ้าง แต่ก็พอที่จะมีสัญญาณบ่งบอกว่า ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงในค่อนข้างที่ดีขึ้น” โดยรายงานจะเน้นถึงขอบเขตที่ความมั่งคั่งของโลกจะอยู่ที่จุดสูงสุดถึง 59% โดยจะคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของความมั่งคั่งทั้งหมด โดย 10% แรกนั้นจะมี 82% และอีก 1% ที่เป็นเจ้าของคนเดียวกันเกือบครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ทั่วโลกตามที่ธนาคารสวิสได้กล่าวเอาไว้
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
 
ที่มา :
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
412
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด