บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
3 นาที
22 ตุลาคม 2562
ส่อง! “O2O” เทรนการตลาดดิจิตอลยุคใหม่ เชื่อมต่อออนไลน์สู่ออฟไลน์


ถ้าย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน มีใครๆหลายคนต่างว่าไว้ว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้าและร้านค้ากำลังจะกลายเป็นอดีต ส่วนธุรกิจ E-Commerce กำลังจะมาแทนที่ในอนาคต แต่หากว่านักธุรกิจกลับไม่ได้มองเป็นเช่นนั้น พวกเขามองว่าการตลาดอย่าง E-Commerce นั้นก็เริ่มที่จะเสี่ยงต่อการเป็นอดีตเช่นเดียวกัน ส่วนอนาคตที่กำลังจะมาถึงรวดเร็วนั้นคือ โมเดลธุรกิจใหม่ หรือที่รู้จักกันใน O2O (Online to Offline) ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อห้างร้านในโลกออฟไลน์เข้ากับเทคโนโลยีโลกออนไลน์อย่างลงตัว
 
โดย O2O จะเป็นการผสมผสานระหว่างห้างในโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและชำระเงินออนไลน์ รวมทั้งสามารถเก็บข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล ส่วนอีกด้านหนึ่งก็สามารถใช้จุดแข็งของห้างร้านที่มีสินค้าจริงให้ผู้คนได้สัมผัสและทดลอง ดังนั้น ธุรกิจทางฝั่งออนไลน์และฝั่งออฟไลน์ต่างก็ต้องปรับตัว โดยทางฝั่งออนไลน์อาจจะขายผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว แต่ก็คงจะเติบโตได้ในระยะเวลาที่จำกัด ส่วนฝั่งออฟไลน์ถ้าไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยี ก็อาจจะไม่รอดในระยะยาวเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่ากลยุทธ์เหล่านี้อาจจะดูซับซ้อนไปหน่อย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างได้ผลจริงๆในแวดวงของธุรกิจ
 
ดังนั้นแบรนด์ต่างๆควรที่จะมีวิธีการรับมืออย่างไร


ภาพจาก pixabay.com
 
การตลาดแบบครบวงจรนั้นมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดแบบ Omnichannel (การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง การเชื่อมโยงช่องทางต่างๆ รวมให้เป็นหนึ่งเดียว โดยผสมผสานช่องทางการสื่อสารเหล่านั้นทั้งออนไลน์ (Online) และการขายหน้าร้าน (Offline) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างชาญฉลาดและไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นระบบ CRM ยุคเศรษฐกิจและสังคม 4.0) และกลยุทธ์ O2O ซึ่งได้รับการออกแบบมา เพื่อให้ความรู้และดึงดูดผู้บริโภคกว่า 85% ที่บอกว่า พวกเขาจะซื้อสินค้าในทุกสัปดาห์ตามที่ eMarketer (บริษัท วิจัยตลาดในเครือที่เป็นเจ้าของโดย 93% ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลสื่อและการพาณิชย์) ได้ระบุไว้ แต่นั่นก็ไม่รวมถึงร้านขายของชำด้วย


ภาพจาก bit.ly/31DHcue
 
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าบรรดา Baby Boomers (ผู้ที่เกิดในปี ค.ศ.1940 - 1960) และผู้ซื้อที่มีอายุน้อย จะมีแนวโน้มที่จะเข้าถึงร้านค้าหรือสถานที่ให้บริการมากขึ้นเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก ซึ่งบุคคลที่เป็น Millennials (ผู้ที่เกิดในปี ค.ศ. 1986 - 1995) ก็ได้เข้าร้านค้าโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 4 ร้าน ต่อสัปดาห์ จากตามรายงานของ eMarketer ซึ่งมีผลการดำเนินการวิจัยโดย Roth Capital Partners พบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของ Millennials ในสหรัฐอเมริกาได้ใช้การผสมผสานระหว่างกิจกรรมออนไลน์และในร้านค้า เพื่อใช้ในการวิจัยและการเลือกซื้อสินค้า
 
กลยุทธ์ O2O สำหรับการดึงดูดใจ Millennials


ภาพจาก pixabay.com
 
โดย Millennials จะคิดเป็นร้อยละ 75 ของจำนวนพนักงานในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2025 โดยหากคุณต้องการขายสินค้าของคุณให้กับคนในรุ่นนี้หรือคนอื่นๆ ในขณะที่พวกเขาสั่งซื้อสินค้าจากออนไลน์เป็นออฟไลน์ คุณก็จะต้องมีวิธีการดึงดูดใจพวกเขาดังต่อไปนี้
 
1. คุณต้องรู้ว่า พวกเขากำลังมองหาอะไร และอะไรคือแรงบันดาลใจในการซื้อของสำหรับพวกเขา :
เพื่อที่จะได้ช่วยให้คุณได้วางแผนในการดำเนินการทางธุรกิจ และช่วยลดตัวเลือกในการซื้อของพวกเขาไปได้น้อยลง
 
2. ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ :
ไม่แปลกใจเลยที่ Millennials และ Gen Z ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสื่อออนไลน์อย่างโซเชียลมีเดีย ซึ่งในปี 2018 ก็ได้พบว่า บุคคลที่เป็น Millennials กว่า 83% ได้ใช้ Facebook ถึง 67% ใช้ Youtube และ Instagram ถึง 45% ใช้ Twitter และ Snapchat กว่า 30% ในระบบแฟรนไชส์มากขึ้นเรื่อยๆ และใช้พูดคุยในสังคมออนไลน์ใน  Facebook Messenger มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
 
3. ตระหนักถึงสิ่งที่คุณต้องการที่จะพูด ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการที่จะได้ยิน และปรับตามที่เขาต้องการ :
โดยนักการตลาดสังคมอ้างว่า จะมุ่งเน้นเนื้อหาทางสังคมในโพสต์ที่เขาได้เขียนคำแนะนำและบอกเล่าเรื่องราวเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็กำลังมองหาสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อค้นหาส่วนลด ราคาสินค้า หรือยอดขายกว่า 73% และดูสินค้าและบริการใหม่ๆที่นำมาเสนอพวกเขากว่า 60% แต่อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วก็ยังมีผู้บริโภคที่สนใจถึงโพสต์ในโซเชียลมีเดียที่แนะนำพวกเขาอีกกว่า 59% หากพิจารณาการส่งเสริมการขายกิจกรรมร้านค้าพิเศษและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในบัญชีแฟรนไชส์และสื่อท้องถิ่นของคุณ ซึ่งใน Youtube นั้น จะเหมาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการแชร์เทคนิคการสอนหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ โฆษณาสินค้า และบริการของคุณ
 
4. พวกเขาต้องมีกำลังมากพอที่จะซื้อมัน :
โดย Google ได้บอกกับเราว่า กว่า 61% ของผู้ซื้อที่เลือกซื้อสินค้ากับแบรนด์ที่มีสถานที่ตั้งมากกว่า แทนที่จะเป็นแบรนด์แบบออนไลน์เพียงเท่านั้น และเมื่อพวกเขามีรายการที่พวกเขาต้องการหรืออยากจะได้ในทันทีทันใดเกือบร้อยละ 80 ที่พวกเขาเหล่านั้นจะมุ่งหน้าไปสถานที่ที่วางจำหน่ายสินค้านั้นเลย ซึ่งในการเลือกซื้อสินค้าอาจจะเป็นไปได้บนหน้าเว็บไซต์ Landing Page ในพื้นที่ของคุณหรือสื่อสังคมออนไลน์เมื่ออยู่ในร้านากกว่าครึ่งในพิจารณาในการรับข้อเสนอเหล่านั้น หรือคุณอาจจะใช้คูปองส่วนลดต่างๆเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้าของคุณก็ได้
 
5. การใช้บริการแบบ BOPUS (Buy Online Pickup In Store) :
“BOPUS” มีความหมายตรงตัวเลยคือ การซื้อแบบ online แต่รับสินค้าอยู่ที่ร้าน ดังนั้นลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ครบถ้วนอย่างที่ต้องการ คือยังเลือกซื้อของแบบ online อยู่ แต่ได้รับประสบการณ์ทางการซื้อที่ร้านค้ากลับมาแทน เช่น การให้พนักงานได้สาธิตวิธีการใช้สินค้า การได้ตรวจสอบสินค้า การทดลองสินค้า รวมไปถึงการสัมผัสตัวสินค้าจริงๆ ก็ยังสามารถได้รับตอนที่ไปรับสินค้าที่ร้านอีกด้วย โดย BOPUS ไม่ได้เพียงแต่ตอบโจทย์ของผู้ซื้อฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับผู้ขายเช่นกัน ทั้งในเรื่องของการประหยัดต้นทุนทาง logistics เช่น ค่าขนส่ง และการบริหารสินค้าคงคลัง เป็นต้น หรือผู้ขายยังสามารถเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับตนเองได้เมื่อลูกค้าได้อีกด้วย
 
6. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติในเรื่องของโอกาสและการเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย :
ตรงส่วนนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสักเล็กน้อย โดยเทคโนโลยีต่างๆก็กำลังปรับปรุงเพื่อนำมาใช้กับวิธีการเหล่านี้อยู่ หรืออาจจะใช้การเป็นพันธมิตรกับสื่อเอเจนซี่ต่างๆที่มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อให้คุณสามารถทดสอบประสิทธิภาพต่างๆได้
 
ในบางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักการตลาดที่แฟรนไชส์ควรที่จะต้องจำไว้คือ การเป็นพันธมิตรที่ดีในเครือของบริษัทต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจของคุณได้เจริญก้าวหน้าต่อไปมากยิ่งขึ้น แต่คุณก็ต้องเลือกคนที่คุณเชื่อใจได้เท่านั้น ดังนั้นแล้ว ถ้าคุณใช้ในเรื่องของกลยุทธ์ O2O คุณก็สามารถพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกลยุทธ์ทางการค้า เพื่อคุณสามารถผลักดันยอดขายของคุณได้
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
 
ที่มา :
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด