บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน
1.8K
2 นาที
10 ตุลาคม 2562
5 เทคนิคหมุนเงินขั้นเทพเพื่อ ธุรกิจ ไม่เจ๊ง


เงินทุนหมุนเวียน หรือ Working Capital เป็นเงินทุนของธุรกิจที่ใช้หมุนเวียนดำเนินงานก่อนได้รับเงินสดจากการขายสินค้าและบริการ หรือการชำระหนี้จากลูกหนี้ สำหรับคนทำธุรกิจแล้ว “เงินทุนหมุนเวียน” ถือเป็นหัวใจหลักที่กำหนดการอยู่รอดหรือไม่รอดของธุรกิจได้เลยทีเดียว
 
หลายครั้งที่ธุรกิจเจ๊งไม่ใช่เพราะสินค้าไร้คุณภาพหรือบริการไม่ดีแต่เกิดจากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่ผิดพลาด www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าเหล่าSMEs ทั้งหลายหากคิดจะเข้าสู่วงการลงทุนแล้วเรื่องนี้จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
 
เงินทุนหมุนเวียนเอาไปทำอะไรได้บ้าง?


ภาพจาก bit.ly/33huHpu
 
ในแง่ของการลงทุนเราต้องใช้ “เงินหมุน” ยิ่งเป็นผู้ลงทุนรายย่อย การจะมีเงินกองกลางทีละมากๆ เป็นไปไม่ได้ เงินทุนหมุนเวียนจึงเหมือนสิ่งที่เข้ามาและออกไป ซึ่งเราเอาไปใช้ได้หลายอย่าง เช่น
  1. จ่ายเงินสดในการชำระค่าสินค้า/วัตถุดิบ
  2. ชำระหนี้คืนเจ้าหนี้
  3. จ่ายค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่าง ๆ ของธุรกิจ
 
เงินทุนหมุนเวียนจึงเปรียบเป็นหัวใจหลักที่คอยสนับสนุนส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น การบริหารที่ผิดพลาดที่ทำให้เงินทุนจมหรือไหลออกเกินความจำเป็น จะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ ซึ่งในแต่ละวันต้องบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสําหรับการใช้จ่าย และสามารถชําระหนี้ได้เมื่อถึงกําหนด
 
ลักษณะของการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่ควรรู้?
 
การบริหารเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจ (Working Capital Management) เป็นการบริหารสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ให้เกิดความสมดุลแบ่งได้ 3 ลักษณะ
  1. เงินทุนหมุนเวียนเป็นศูนย์ (Zero Position) 
    เป็นการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่สินทรัพย์หมุนเวียนเท่ากับหนี้สินหมุนเวียน ผลที่ได้ ธุรกิจมีสภาพคล่อง กำไรและความเสี่ยงในระดับปานกลาง
     
  2. เงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก(Positive Position)
    เป็นการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน มีผลทำให้กิจการมีสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ และความสามารถในการทำกำไรลดลง
     
  3. เงินทุนหมุนเวียนเป็นลบ (Negative Position)
    เป็นการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินหมุนเวียนมีผลทำให้กิจการมีสภาพคล่องต่ำ ความเสี่ยงสูงขึ้น แต่มีกำไรสูง
 
5 เทคนิคหมุนเงินขั้นเทพเพื่อ ธุรกิจ ไม่เจ๊ง


ภาพจาก bit.ly/2AWRgDJ
 
1. จัดการเงินสดให้เป็นระบบ โดยแบ่งออกเป็น
  1. เงินสดย่อย
    สำหรับค่าใช้จ่ายรายวันจำนวนไม่มาก เช่น ค่าแสตมป์ ค่ายานพาหนะ ค่าเครื่องใช้สำนักงาน เป็นต้น ทำให้สะดวกในการใช้จ่าย ควบคุมรายจ่ายที่เกิดขึ้นประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     
  2. เงินสดในมือ
    ได้จากการขายประจำวันและเงินทอน เป็นส่วนที่ไม่มีผลตอบแทน ควรมีเท่าที่จำเป็น ลดความเสี่ยงจากการสูญเสีย เช่น การขโมย ดังนั้นควรนำไปฝากธนาคารทุกวัน
     
  3. เงินฝากกระแสรายวัน
    อำนวยความสะดวกในการบริหารเงินได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัยโดยใช้เช็คสั่งจ่ายของธนาคารแทนการใช้เงินสด
     
  4. เงินฝากออมทรัพย์
    ใช้สำหรับรับโอนเงินจากเงินฝากกระแสรายวันเพื่อรับดอกเบี้ย เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายภาษีต่าง ๆ หรือ ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
 
2. นำหลักทรัพย์ลงทุนชั่วคราวเพื่อสร้างรายได้
 
ผู้ประกอบการสามารถนำเงินสดที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายหรือชำระหนี้ทันทีไปลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นหรือตราสารในตลาดเงินซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าเก็บไว้ในบัญชีกระแสรายวันซึ่งไม่มีดอกเบี้ย และบัญชีออมทรัพย์ซึ่งดอกเบี้ยต่ำมาก
 
3. กำหนดนโยบายบริหารลูกหนี้


ภาพจาก bit.ly/35fU90t
 
ในกรณีขายเชื่อ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีวิธีการบริหารลูกหนี้ โดยกำหนดเป็นนโยบายขายเชื่อ มีรายละเอียดสำคัญ 3 ประการ คือ ประเภทลูกค้าและวงเงินขายเชื่อ ,ระยะเวลาและเงื่อนไขขายเชื่อ ,วิธีการควบคุมขายเชื่อ และมาตรการแก้ปัญหา
 
4. จัดการสินค้าคงเหลือเหมาะสม
 
เป้าหมายหลักของการจัดการสินค้าคงคลัง คือทำให้ค่าใช้จ่ายรวมในการจัดการสินค้าคงเหลือมีค่าน้อยที่สุดในขณะลูกค้าได้รับความพอใจ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องบริหารสินค้าคงคลังให้ปริมารพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เงินลงทุนจะได้ไม่จมอยู่กับสินค้า ค่าใช้จ่ายในการบริหารสินค้าเหลือน้อยและมีสินค้าพร้อมขายแก่ลูกค้าทันท่วงที
 
5. สิ่งที่เป็นข้อห้ามสำหรับเด็ดขาดสำหรับการบริหารเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจ


ภาพจาก bit.ly/2MqRGrn
  1. ถือเงินสดมากเกินความจำเป็น ธุรกิจเสียโอกาสในการลงทุนที่ให้กำไรสูงกว่า
  2. ขายเชื่อมากเกินไป เกิดลูกหนี้ที่เก็บไม่ได้จำนวนมากเงินทุนจมในตัวลูกหนี้ เสี่ยงเกิดหนี้สูญ มีค่าใช้จ่ายเก็บหนี้มากขึ้น
  3. สต๊อกสินค้าคงเหลือเกินความจำเป็นเงินทุนจมในสินค้า ระยะยาวสินค้าเสื่อมสภาพหรือล้าสมัยจนไม่สามารถขายได้ 
  4. ถือเงินสดน้อยเกินไป ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินงานติดขัด เพราะมีเงินสดไม่เพียงพอในการจ่ายชำระหนี้จ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
  5. เร่งรัดชำระหนี้เร็วเกินไปทำให้ยอดขายลดลง เพราะลูกค้าตัดสินใจไปซื้อสินค้าจากรายอื่นที่ให้เครดิตนานกว่า
  6. สินค้าคงเหลือน้อยเกินไป ทำให้สินค้าขาดมือส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและส่วนแบ่งตลาดลดลง
  7. ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนระยะสั้นมากเกินไป เพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้ให้ทันกำหนด เช่น การกู้ยืมเงินจากธนาคาร สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ทันตามกำหนด แต่ไม่สามารถทำให้สภาพคล่องของกิจการดีขึ้น กลับกันทำให้ธุรกิจมีปัญหาสภาพคล่องมากขึ้นกว่าเดิมเพราะอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน(Current Ratio) เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ลดลง
 
จากข้อมูลทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า “เงินทุนหมุนเวียน” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้หรือไม่ได้ คนที่มีประสบการณ์จะมีวิธีบริหารจัดการอย่างมืออาชีพตรงกันข้ามกับผู้ลงทุนรายใหม่ๆ ที่ไร้ประสบการณ์มักมองข้ามเรื่องนี้สุดท้ายกลายเป็นว่าธุรกิจเดินหน้าไม่ได้ทั้งที่มีการวางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดียกเว้นไม่ได้วางแผนเรื่องเงินทุนหมุนเวียนให้ดีพอ
 
SMEs Tip
  1. จัดการเงินสดให้เป็นระบบ
  2. นำหลักทรัพย์ลงทุนชั่วคราวเพื่อสร้างรายได้
  3. กำหนดนโยบายบริหารลูกหนี้
  4. จัดการสินค้าคงเหลือเหมาะสม
  5. สิ่งที่เป็นข้อห้ามสำหรับเด็ดขาดสำหรับการบริหารเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจ
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด