บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    แอพพลิเคชั่นและซอฟต์แวร์
4.9K
2 นาที
3 สิงหาคม 2561
5 เทคนิคเอาร้านอาหารร่วมแอพ Food Delivery ให้รวยเร็ว
 

ตลาดบริการจัดส่งอาหาร หรือ Delivery เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญของคนทำธุรกิจอาหารที่มีข้อดีคือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีจำนวนมาก การมีตัวเลือกบริการที่หลากหลายทำให้โอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามีมากขึ้น สามารถเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้มากขึ้น

ทั้งนี้ Food Delivery มีการเติบโตขึ้นมากมีผู้ลงทุนมากมายที่กระโดดมาแชร์ตลาดนี้ ซึ่งข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าในปี2560 ตลาด Food Delivery มีมูลค่าประมาณ26,000-27,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2561 นี้ก็คาดว่าจะเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

ภาพจาก goo.gl/Zw6U2w
 
ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าปัจจุบันมีผู้ลงทุนหลายรายที่ดำเนินธุรกิจนี้ เช่น Foodpanda, Lineman, UberEATS, honestbee, Grabfood เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารส่วนใหญ่ที่เปิดใหม่หรือไม่มีประสบการณ์ในการจัดส่ง Delivery อาจมีปัญหาถ้าต้องดำเนินการเองการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจเหล่านี้ก็ทำให้ง่ายขึ้นเพราะข้อดีของธุรกิจเหล่านี้คือมีฐานลูกค้าตัวเองอยู่มาก

หากเราเข้าร่วมก็เท่ากับเปิดโอกาสให้มีคนเห็นมากขึ้น โอกาสในการขายก็มากขึ้น แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นเราควรมาดู 5 วิธีก่อนจะเอาร้านของเราเข้าร่วมกับแอพเหล่านี้ต้องทำอะไรบ้าง
 
1.เลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
 
ภาพจาก goo.gl/SEZyoR

ผู้ประกอบการธุรกิจจัดส่งอาหารแบบ Delivery มีอยู่ไม่น้อยซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ในฐานะร้านอาหารเราต้องรู้ว่าสินค้าที่เราขายคืออะไรจากนั้นศึกษาข้อมูลของแต่ละแบรนด์ว่ามีขอบเขตในการจัดส่งแค่ไหน จัดส่งอะไรได้บ้าง เช่น Skootar จัดส่งสินค้าในเขตกรุงเทพฯเท่านั้นและไม่รับส่งเค้กทุกชนิด หรือ GrabFood ให้ผู้ใช้งานเลือกสั่งอาหารจากร้านที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร

นอกจากนี้เราต้องรู้อัตราค่าบริการของแต่ละแบรนด์เพราะนั่นคือต้นทุนที่ลูกค้าสั่งอาหารต้องจ่ายหากมีการคิดอัตราค่าบริการที่สูงมาก ลูกค้าอาจเลือกเข้ามาใช้งานน้อยก็ทำให้เราได้รับผลกระทบด้วย
 
2.ลงทะเบียนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์
 
ภาพจาก goo.gl/FwxqhE

การเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากการให้ร้านอาหารไปลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ เช่น หากต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Lineman ก็ต้องไปสมัครกับ Wongnai หรือหากต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับ foodpanda, UberEATS, honestbee, GrabFood เราสามารถสมัครกับทางเว็บไซต์ของธุรกิจเหล่านี้โดยกรอกตามแบบฟอร์มของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ในหน้าเว็บไซต์
 
3.ต้องปรับระบบการรับออร์เดอร์ให้รับลูกค้า 2 ทาง
 
การเข้าร่วมแอพ Delivery ต่างๆอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่ที่ยากกว่าคือเราต้องปรับวิธีการรับออร์เดอร์ให้เหมาะสมสามารถรับลูกค้าได้ 2 ทาง คือลูกค้าจากหน้าร้านและลูกค้าจาก Delivery หากเกิดความผิดพลาดทางใดทางหนึ่งหรือให้น้ำหนักการรับออร์เดอร์ไม่ดีอาจทำให้เสียลูกค้าอีกทางหนึ่ง

ทางที่ดีควรมีพนักงานที่คอยรับออร์เดอร์ทั้ง 2 ทางแยกหน้าที่ให้ชัดเจน ยิ่งเป็นร้านใหญ่ที่คนนิยมมาก การรับออร์เดอร์ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งการแข่งขันในด้านการบริการก็เป็นหัวใจสำคัญประการหนึ่งของการทำร้านอาหารให้อยู่รอดในยุคนี้
 
4.ปรับระบบครัวให้มีประสิทธิภาพ


ภาพจาก https://pixabay.com

ส่วนที่สัมพันธ์กับระบบรับออร์เดอร์ก็คือระบบครัวที่เป็นหัวใจของร้านอาหาร จะต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือมีก็ให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นเช่นอาหารที่ควรใส่จานก็เอามาใส่กล่องทำให้เสียทรัพยากรและเปลืองต้นทุนโดยไม่จำเป็น

ในบางร้านที่มีความเป็นมืออาชีพชัดเจนและมีลูกค้ามาก อาจจะแยกครัวออกเป็น 2 ส่วนคือรับออร์เดอร์จากหน้าร้าน และรับออร์เดอร์จาก Delivery แต่หากร้านเรายังไม่ใหญ่โตขนาดนั้นก็ต้องใช้ระบบครัวเดียวแต่ต้องแยกเมนูให้ชัดเจน ที่สำคัญคุณภาพของอาหารต้องรักษามาตรฐานให้ดีที่สุดอย่าให้ลูกค้าตำหนิ เพราะยุคที่โซเชี่ยลรวดเร็วแบบนี้อาจทำให้ร้านอาหารเราเกิดหรือดับได้เพียงชั่วข้ามคืนเช่นกัน
 
5.แพคเกจจิ้งต้องดีกว่าเดิม

ภาพจาก https://pixabay.com

มาถึงช็อตประทับใจที่ไม่ว่าจะเลือกพาร์ทเนอร์ดีแค่ไหน ปรับโครงสร้างทางธุรกิจตัวเองดีอย่างไร สุดท้ายคนที่เห็นสินค้าเราก็คือคนสั่งอาหาร ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่ารับอาหารมาแล้วประทับใจสุดๆ นั้นคือแพคเกจต้องเนี๊ยบและดีอาจจะต้องดีไซน์ให้มากกว่าเป็นกล่องโฟมหรือถุงพลาสติก

ซึ่งข้อดีของการมีแพคเกจโดนใจลูกค้าที่ทำให้ประทับใจ แพคเกจที่ดียังช่วยป้องกันอาหารไม่ให้เสียหายหรือแพคเกจที่ไม่ดีอาจเสียหายระหว่างการขนส่ง เมื่อถึงมือลูกค้าอาจมีรอยรั่ว หรือเสียหายทำให้รู้สึกไม่ประทับใจ เราจึงต้องเลือกปรับแพคเกจให้เหมาะสม หากคิดจะใช้ช่องทางตลาดแบบ Delivery ช่วยเพิ่มยอดขาย
 
นอกจากนี้ในยุคโซเชี่ยลก็มีข้อดีสำหรับคนที่อยากมีธุรกิจอาหารแต่ไม่มีเงินทุนเปิดร้านที่อาจจะใช้ช่องทางขายออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนเปิดร้านซึ่งหากไม่ต้องการเปิดเว็บหรือเฟสบุ๊คขึ้นมาเองก็มีเว็บไซต์อาหารออนไลน์ให้เราเลือกใช้งานอย่าง 
 
zabdelivery.com ที่ให้เราโปรโมทร้านอาหารออนไลน์ของเราได้ฟรี และยังไม่มีสัญญาผูกมัดใดๆเพิ่มเติม  ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีของคนยุคนี้ที่มีโซเชี่ยลมาช่วยทำการตลาด แต่ทั้งนี้เราก็ต้องรู้จักใช้ให้เป็น ใช้ให้เกิดประโยชน์มิเช่นนั้นของดีอาจกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เราปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิมก็ได้
 

SMEs Tips
  1. เลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
  2. ลงทะเบียนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์
  3. ต้องปรับระบบการรับออร์เดอร์ให้รับลูกค้า 2 ทาง
  4. ปรับระบบครัวให้มีประสิทธิภาพ
  5. แพคเกจจิ้งต้องดีกว่าเดิม
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด