ภาพจาก goo.gl/5oM4AL

แต่ละประเทศก็มีพื้นฐานของการตลาดแตกต่างกัน สินค้าที่ฮิตในประเทศหนึ่งอาจไม่เป็นที่นิยมในอีกประเทศหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ใช่การถามว่าอะไรถูกหรือผิดแต่เป็นความเหมาะสมของการทำตลาดหากเราคิดว่าต้องการทำธุรกิจกับประเทศไหนก็ตามควรมองเห็นความต้องการที่แท้จริงในประเทศนั้นเพื่อที่จะทำการตลาดให้สอดคล้องกันได้อย่างเหมาะสม
 

กระบวนการทางตลาดที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าน่าสนใจนั้นคือการทำสินค้าแบบซอง ในบ้านเราอาจดูไม่น่าสนใจแต่ว่าในอินเดียเรื่องนี้เขาจริงจังกันมากถึงขนาดที่สินค้าแบรนด์ใหญ่ๆก็ยังต้องผลิตสินค้าแบบซองออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้ากันเลยทีเดียว

 

สินค้าแบบซอง “กลยุทธ์” สินค้าตัวอย่าง
 

 

ภาพจาก goo.gl/dbe49s

สถานที่ที่เราจะเห็นสินค้าแบบซองบ่อยที่สุดน่าจะเป็นตามโรงแรมต่างๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ส่วนใหญ่บรรจุซองไว้แทบทั้งนั้น สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นประเภทใช้แล้วทิ้ง ที่สมัยก่อนในประเทศไทยดูจะมีสินค้าแบบนี้วางขายมากแต่เดี๋ยวนี้หาได้ยากมากเช่นกัน น่าจะเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่ง่ายต่อการพกพามากกว่าก็ทำให้สินค้าแบบซองนั้นลดน้อยลงไปอย่างชัดเจน

 

และผู้ผลิตสินค้าเองก็เน้นทำตลาดสินค้าแบบซอง(sachet) ไปในลักษณะของสินค้าทดลองหรือแนะนำสินค้าในตลาด การผลิตในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก  จำหน่ายในราคาไม่แพงทำให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายระดับล่างสามารถจ่ายได้ ขณะที่ผู้ผลิตเองก็ลดความเสี่ยง หากสินค้าไม่เป็นที่นิยมในตลาดก็สามารถยุติการผลิตโดยไม่บาดเจ็บมากนัก

 

ภาพจาก goo.gl/iyNzjB

Sachet marketing บ้านเราอาจจะไม่หวือหวานัก แต่ในหลายประเทศทั่วโลกยังเป็นที่นิยมอยู่ อาทิ จีน อินดีย ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก บราซิล  อียิปต์ และประเทศในแถบแอฟริกา เหตุที่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายเพราะสัดส่วนของชนชั้นกลางไปจนถึงล่างมีจำนวนมาก เจ้าของสินค้าจึงต้องสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำ

ยกตัวอย่างอินเดีย ที่ sachet marketing เรียกได้ว่าเฟื่องฟูสุด แม้กระทั่งบริษัท FMCG ระดับโลกอย่างยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี และลอรีอัลยังต้องผลิตสินค้าไซส์จิ๋วแข่งกับแบรนด์ท้องถิ่นแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกัน 

 

ข้อมูลระบุอินเดียมีประชากรราว 1,250 ล้านคน สัดส่วนชาย-หญิงครึ่งต่อครึ่ง ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างกว้าง ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางไปจนถึงระดับล่างที่รับค่าแรงเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์จึงทำให้พวกเขานิยมซื้อสินค้าชิ้นเล็กแบบใช้แค่วันเดียวหรือมากสุดไม่เกิน 1 สัปดาห์เนื่องจากงบน้อย นอกจากนั้น เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ในปริมาณที่เท่ากัน การซื้อสินค้าขนาดเล็กจะมีราคาถูกกว่า สินค้าขนาดใหญ่จึงไม่ดึงดูดใจพวกเขา 

 

สินค้าขนาดเล็กที่จำหน่ายในตลาดอินเดียมีแทบทุกอย่างทั้งของกิน ของใช้ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน ครีมนวด ผงซักฟอก ซอสปรุงอาหาร นม กาแฟ เครื่องดื่มผงชนิดชง ไปจนถึงคอร์นเฟคห่อเล็ก บิสกิต (ขนาดบรรจุ 3 ชิ้น) เครื่องสำอาง (3 -5 มล. ราคาไม่เกิน 5 รูปี) ช็อคโกแลตที่เข้ามาทดลองตลาดด้วยแพคจิ๋ว ๆ เพียง 1 รูปีก็ยังมี
 

 

ภาพจาก goo.gl/MrkuAu

 

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดแชมพูในอินเดียคือผู้ชายสระผมเฉลี่ยเดือนละ 4 ครั้ง ผู้หญิงเดือนละ 6 ครั้ง แชมพูแบบซองที่จำหน่ายมีขนาด 10 มล. แต่ละปีมียอดขายกว่า 6,000 ล้านซอง หรือคิดเป็น 98% ของตลาดแชมพูทั้งหมด สำหรับผู้ผลิตสินค้า การผลิตแบบซองหรือขนาดเล็กต้นทุนจะถูกกว่าแบบขวดขนาดใหญ่ อีกทั้งการขายแชมพู 50 ซองนั้นง่ายกว่าการขายแชมพูขวดใหญ่ 1 ขวด เพราะแชมพูแบบซองจะกระจายตามร้านขายของชำตามตรอกซอกซอย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่า 

 

ขณะที่แชมพูชวดใหญ่มักวางตามซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่บางคราที่ผู้ผลิตต้องการผลักดันยอดสินค้าไซส์ใหญ่ก็จะนำโปรโมชั่นมาใช้ เช่น ซื้อแชมพู 1 ขวด แถมครีมนวดหรือแถมผงซักฟอกเป็นต้น แต่เชื่อเถอะว่าตราบใดที่ประชากรอินเดียกว่าพันล้านคนยังรวยกระจุก จนกระจาย สินค้าที่ครองตลาดก็จะเป็นประเภทขนาดเล็กปริมาณน้อยอย่างที่เป็นอยู่

 

เป็นเรื่องน่าสนใจหรืออาจจะเรียกว่าเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสีสันของตลาดในต่างประเทศก็ว่าได้ แต่เนื้อหานี้มีประเด็นที่อยากให้คนทำธุรกิจทุกคนได้รู้จักมองภาพรวมของตลาดที่ตัวเองต้องการเข้าไปทำการค้าเพื่อจะได้กำหนดกลยุทธ์และรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดผลทางการค้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S