ภาพจาก goo.gl/AyIVua

เราคงเคยได้ยินคำว่า Virtual reality (VR) กันมานานแล้ว โดยเฉพาะวงการทหาร การบินและแม้กระทั่งวงการเกมคอมพิวเตอร์ เช่น SEGA และ Nintendo โดยเทคโนโลยีVR เป็นเทคโนโลยีในการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ที่ทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้และรู้สึกเหมือนจริงมากที่สุด

และการตื่นตัวก็มีมากขึ้นหลังจากที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กประกาศจะพัฒนาเฟสบุ๊คไปสู่ความเป็น VR และถ้าย้อนประวัติกันจริง ๆ Virtual reality ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1957 โดย Morton Heiling คิดค้น the Sensorama เครื่องจำลองภาพสามมิติที่เพิ่มสัมผัส เพื่อความสมจริงมากที่สุด และจากนั้นเทคโนโลยีนี้ก็ถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจนมีการสร้างหนังที่พูดถึง VR ครั้งแรกเรื่อง “Tron” ที่ออกฉายในปี 1982

 

โดยปัจจุบัน VR ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่แพร่หลายเข้าไปในหลากหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft, Facebook, Sony, Samsung, HTC ฯลฯ ต่างก็ใช้ VR มาทำการตลาดเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้าและบริการซึ่ง
 

www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าความน่าสนใจของการใช้ VR ในเชิงพาณิชย์นั้นมีความน่าสนใจอยู่ด้วยกัน 3 ประการที่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

ภาพจาก goo.gl/1s90G6

มีโฆษณาหลายแบรนด์ที่ดึงเอา VR มาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความรู้สึกที่เสมือนจริงในการใช้สินค้านั้นๆ แม้แต่ธุรกิจร้านกาแฟ หรือนวดสปาในต่างประเทศเองก็มีการใช้แว่น VR เป็นส่วนหนึ่งในการบริการที่ทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการนั้นเกิดการรับรู้ที่เสมือนจริงมากขึ้น

หรือแม้แต่การที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ๆ ของโลกได้สร้างรถยนต์เสมือนจริงที่ให้ลูกค้าได้ทดลองขับขี่รถยนต์ ซึ่งจะเห็นภาพของสถานที่แวดล้อมที่มีการขับรถยนต์ผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับการได้นั่งขับรถยนต์อยู่จริงๆ

เช่นเดียวกับการใช้เทคโนโลยี “เครื่องจำลองการบิน " หรือ Aviation Simulation สำหรับการฝึกให้นักบินมีทักษะและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าที่ และพร้อมรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทุกรูปแบบ

2.ทำให้ได้เห็นภาพเสมือนจริงของสินค้าและบริการชัดเจนขึ้น
 

 

ภาพจาก goo.gl/qhb9Ge

เทคโนโลยี VR คือตัวช่วยชั้นดีของภาคธุรกิจในการดึงดูดใจ และเสนอให้ผู้บริโภคได้ทดลองก่อนซื้อไปใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ค่าย Audi ที่ให้ลูกค้าทดลองขับรถผ่านเทคโนโลยี VR ซึ่งสามารถทดลองขับได้หลายรุ่น

รวมถึงยังสามารถนำเสนอออปชันที่กำลังพัฒนาอยู่ใส่ลงไปให้ลูกค้าได้เห็นก่อนก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้น VR ยังทำให้การทดลองขับรถในสภาพเช่น ขับรถบนพื้นผิวดวงจันทร์ หรือขับรถออฟโรด ฯลฯ เป็นจริงได้อย่างง่ายดาย

 

หรือในกรณีอย่างการซื้อบ้านสักหลัง หรือการจองที่พักตากอากาศ ซึ่งในอดีต ผู้บริโภคทราบดีว่า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วกับการจะได้สัมผัสบรรยากาศจริงก่อนจ่ายเงิน แต่ด้วยเทคโนโลยี VR ผู้บริโภคในยุคต่อไปจะสามารถมองเห็นภาพของโปรดักซ์ได้ก่อน ทั้งการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงออปชันต่าง ๆ ของบ้าน – ที่พักนั้น ๆ

 

3.ใช้ VR ในการสร้างความรู้สึกที่พิเศษยิ่งกว่า
 

 

ภาพจาก goo.gl/xdvydy

การจับเอาสิ่งที่เป็นความต้องการของมนุษย์แต่หลายคนไม่สามารถเข้าถึงความต้องการนั้นได้ นี่คืออีกโจทย์สำคัญกับการใช้แว่น VR ที่จะทำให้ธุรกิจนั้นได้ผลมากขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงภาคธุรกิจเท่านั้นแต่รวมไปถึงทุกองค์กรที่ต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ได้ถึงความรู้สึกพิเศษในแบบที่ตัวเองต้องการ

 

เช่น Patron ผู้ผลิตเตกีล่าที่ถ่ายทอดประสบการณ์ในการผลิตเตกีล่าผ่านมุมมองของผึ้งให้ลูกค้าได้ชม หรือกรณีของ The North Face (แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อกิจกรรม Outdoor) ที่ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ฤดูหนาวของเนปาลได้ จึงนับได้ว่าการสร้างประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ VR นี้จะกลายเป็นโปรดักซ์ทางการตลาดที่สำคัญของภาคธุรกิจเป็นอย่างยิ่งทีเดียว

 

แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี VR นี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงรวมถึงเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆที่ธุรกิจเองก็ต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งถึงผลที่ตามมารวมถึงผลได้ผลเสียจากการใช้เทคโนโลยีนี้ และในตอนนี้อาจมีเพียงธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงลูกเล่นแบบใหม่นี้ได้แต่ถ้าธุรกิจไหนที่มองว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าและน่าที่จะเสี่ยงก็ลองหาวิธีเล่นกับแว่น VR ที่เชื่อว่าจะสร้างมิติใหม่ให้กับลูกค้าได้อย่างดีทีเดียว

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/nSW7HI