จองเกลี้ยงพรึ่บแค่ไม่กี่วัน เจ.เอส.พี.ปลื้ม "สำเพ็ง 2" กระหึ่มถึงเมืองจีน
พอเอ่ยชื่อ “สำเพ็ง” ทุกคนต่างรู้ดีว่าคือแหล่งรวมสินค้าปลีกและสินค้าส่งนานาชนิดของไทยที่ดังไปถึงต่างประเทศ ดังนั้น พอมีโครงการ “สำเพ็ง 2” ก็เป็นที่ฮือฮา เปิดจองพื้นที่ไม่นานได้มีลูกค้ามาจับจองเกลี้ยงพรึ่บทันที
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือเจ.เอส.พี. กรุ๊ป (J.S.P.Group) เจ้าของโครงการ “สำเพ็ง 2” เปิดเผยว่าได้ตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ หรือ “ซิงสำเพ็ง” ด้วยมูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท บนพื้นที่รวมกว่า 140 ไร่ บริเวณถนนกัลปพฤกษ์-สาทร ตัดถนนกาญจนาภิเษก เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและแหล่งการค้าขายสินค้าปลีก-ส่งแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าโดยตรงจากโรงงาน (เอาต์เล็ต) รวมทั้งตั้งใจให้เป็นไชน่าทาวน์แห่งใหม่ของไทยสมกับที่ใช้ชื่อ “สำเพ็ง 2” จึงเน้นการตกแต่งอาคารให้มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมจีนร่วมสมัย พร้อมเอื้อความสะดวกสบายของผู้ที่มาช็อปปิ้ง
โดยได้แบ่งโครงการนี้เป็น 2 ได้แก่ 1.โครงการสำเพ็ง 2 อยู่ฝั่งซ้ายของถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งสู่ถนนสาทร แบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส จำนวน 512 ยูนิต 2 โซน ประกอบด้วย โซนสำเพ็ง 2 เป็นอาคารพาณิชย์ขายขาดจำนวน 475 ยูนิต และโซนสำเพ็ง 2 พลาซ่า อาคารพาณิชย์จำนวน 37 ยูนิต และอาคารพลาซ่าสำหรับจัดสรรพื้นที่ให้เช่าอีก 1 อาคาร โดยปัจจุบันปิดการขายทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ช่วงไตรมาส 1 ของปีหน้า
และ 2.โครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ อยู่ฝั่งขวาของถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งสู่ถนนสาทร แบ่งเป็น 4 โซนหลัก ประกอบด้วย โซนอเวนิว เป็นโซนอาคารพาณิชย์, โซนตลาดน้ำ 5 ภาค ตั้งใจให้เป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร, โซนสำเพ็งพาร์ค เพื่อตอบโจทย์คนซื้อสินค้าที่มีความสะดวกสบาย และโซนร้านค้าขายส่ง (สำเพ็ง-ประตูน้ำ)ใช้แนวคิดแบบวอล์กกิ้งสตรีท ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
“ลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการ กว่า 90% เป็นลูกค้าที่ต้องการทำการค้าจริง ส่วนหนึ่งมาจากร้านค้าที่อยู่ในตลาดสำเพ็ง ประตูน้ำ และโบ๊เบ๊เดิม ที่ตั้งใจจะเปิดสาขา รวมทั้งโรงงานผู้ผลิตสินค้า ที่เดิมไม่มีหน้าร้านของตัวเอง และยังมีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในไทย สาเหตุที่เข้ามาจับจองพื้นที่ที่นี่ เพราะได้ยินชื่อเสียงของ “สำเพ็ง” มานาน ขนาดประธานหอการค้าที่เมืองกวางเจาในจีนยังต้องขอแวะมาชมโครงการเพราะได้ข่าวว่ามีนักธุรกิจชาวจีนมาจองโครงการนี้เยอะมาก”
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งใจให้โครงการสำเพ็ง 2 นอกจากจะเป็นอาณาจักรค้าปลีก-ส่งแห่งใหม่แล้ว ยังจะเป็นศูนย์ กลางการจำหน่ายสินค้าโดยตรงจากโรงงาน ลูกค้าสามารถมาเลือกซื้อสินค้าที่มีความหลากหลาย มีคุณภาพ ราคาโรงงานไม่ แพง แตกต่างจากการช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ทำให้โครงการสำเพ็ง 2 ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมากทั้ง 4 เฟส เราสามารถปิดการจองได้ภายใน 3 สัปดาห์ แทบจะไม่เคยปรากฏกับโครงการใดมาก่อน โดยเฟส 1-3 จะเปิดต้นปีหน้า ส่วนเฟส 4 จะเปิดปลายปีหน้า
“โดยในส่วนอาคารพาณิชย์นั้นได้ขายหมดแล้ว ยังคงเหลือพื้นที่ให้เช่าในส่วนของโซนสำเพ็งพลาซ่า สำเพ็งพาร์ค และตลาดน้ำ 5 ภาค ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจเข้าจองได้เร็วๆนี้”
นายทนงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ เจ.เอส.พี. กรุ๊ปเริ่มดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2534 โดยได้พัฒนาพื้นที่ย่าน ถ.รัชดา-พระราม 3 และ ถ.พระราม 3 เป็นโครงการประเภทมินิออฟฟิศ ต่อมาได้ขยายการพัฒนาโครงการประเภท อาคารพาณิชย์, โฮม ออฟฟิศ, โฮม แฟคตอร่ี และทาวน์โฮม ไปในส่วนของพื้นที่เขตกรุงเทพฯชั้นกลาง และชั้นนอกจำนวนหลายโครงการ
“สำหรับแผนงานพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้มีทั้งสิ้น 3 โครงการ ได้แก่
- โครงการสำเพ็ง 2 บนทำเลถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ แบ่งเป็น 4 โซน มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท,
- โครงการ เดอะไม–อามี่ จำนวน 120 ไร่ ทำเลถนนสุขุมวิทสายเก่า พัฒนาโครงการเป็นอาคารพาณิชย์, คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์ และไลฟ์สไตล์ มอลล์ มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท
- โครงการอ้อมน้อยสแควร์ (แยกพุทธสาคร) ทำเลพุทธมณฑลสาย 4 ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ 142 ยูนิต และคอนโดมิเนียมโลว์ไลซ์ 5 อาคาร จำนวน 812 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท
อ้างอิงจาก ไทยรัฐ
1 สิงหาคม 2556 
446
