6.7K
30 เมษายน 2553

เจ มาร์ทเปิดตัวรูปแบบธุรกิจใหม่ "เจ มาร์ท พาร์ทเนอร์"



 

ค้าปลีกมือถือ-ไอทีเน้นดูแลตัวเองรอวิกฤติจาง เร่งปรับแผนกระจายความเสี่ยง "เจมาร์ท" โยกพนักงานไปสาขารอบนอก เบรกเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ "ซินเนค" หวังพึ่งลูกค้าโปรเจค-แตกไลน์สินค้าใหม่

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการบริหารสายงานการตลาดและการขาย บมจ.เจ มาร์ท กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง จำเป็นต้องปิดให้บริการเจมาร์ทสาขาใหญ่ถึง 7 แห่งที่กระจายอยู่ในพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้สูญเสียรายได้หลักล้านบาทต่อวัน

ทั้งนี้บริษัทพยายามลดความเสี่ยงธุรกิจให้ได้มากที่สุด โดยไม่ได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ ได้แก่ โยกพนักงานประจำสาขาทั้งเจ็ดไปช่วยงานสาขาอื่นรอบๆ เขตกรุงเทพ ยังไม่ได้ปรับลด หรือเลิกจ้าง พร้อมกับระบายสินค้าจากสาขาที่ให้บริการไม่ได้ออกไปยังสาขาอื่นๆ แทน

เขาระบุว่า เบื้องต้นบริษัทคงต้องดูแลตัวเองก่อน โดยพยายามลดความเสี่ยง รวมทั้งการชะลอแผนงานด้านการตลาดทั้งหมด เช่น การเข้าร่วมงานคอมเวิลด์ แต่บริษัทประเมินว่าช่วงนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการฉุกเฉินใดๆ
 

"ร้านที่ทำรายได้ลำดับต้นๆ ส่วนใหญ่ก็กระจายอยู่ในพารากอน 2-3 จุดขาย ทำให้รายได้หายไปหลักล้านบาทต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เนมช็อปที่บริษัทลงทุนเอง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะ Feeling ตอนนี้คือคนซื้ออยู่เฉยๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครประเมินได้ว่าจะจบเมื่อไร หรือลบเอยอย่างไร เราก็คงต้องนิ่งไว้ก่อนเหมือนกัน แต่ก็พยายามบริหารความเสี่ยงให้น้อยที่สุดไว้ก่อน"

อย่างไรก็ตามบริษัทได้เลื่อนการเปิดตัวแผนธุรกิจใหม่ออกไปด้วย จากก่อนหน้านี้บริษัทเตรียมเปิดตัวรูปแบบธุรกิจใหม่ "เจ มาร์ท พาร์ทเนอร์" เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายที่แตกต่างจากการทำแฟรนไชส์ โดยจะเป็นโครงการที่เปิดรับสมัครดีลเดอร์ทั่วไปเพื่อเป็นหน้าร้านให้เจมาร์ท ส่วนรูปแบบทางธุรกิจ อาจทำลักษณะให้คอมมิชชั่น, ซื้อสินค้าให้ก่อน หรือจัดหาแหล่งเงินทุนให้คู่ค้า เพื่อช่วยขยายช่องทางการทำตลาดของบริษัท ซึ่งเดิมคาดว่าจะเปิดตัวได้ช่วงครึ่งปีแรก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณตลาดค้าปลีกชะงักตั้งแต่หลังวันที่ 10 เม.ย. เป็นต้นมา โดยเห็นได้ชัดว่าผู้ซื้อลดลง และส่วนใหญ่ชะลอการซื้อสินค้าใหม่ เพราะคาดว่าไม่มั่นใจกับสถานการณ์และความปลอดภัย ทั้งนี้ส่งผลให้ภาพรวมตลาดค้าปลีกช่วงนี้จะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง
 

แต่แง่ผลกระทบกับบริษัทยังไม่ชัด เนื่องจากยังได้อานิสงส์จากรายได้ปีที่ผ่านมา และไตรมาสแรกยังเติบโตขึ้น โดยส่วนที่กระทบจะเป็นลูกค้าของบริษัทที่มีหน้าร้านอยู่ในห้างที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้

เขาระบุว่า สำหรับบริษัทในปีนี้คาดหวังรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าโปรเจค รวมทั้งการพยายามสร้างฐานตลาดให้ใหญ่ขึ้น โดยการแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้ยังกำลังเจรจาเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้แบรนด์หนึ่งจากที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน

"เราอยู่ในธุรกิจที่ไม่มีผลกระทบเฉพาะหน้ามาก ประกอบกับเราได้เปรียบจากรายได้ที่ดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้วคือแม้ตลาดไอทีจะไม่โต แต่รายได้เราโต 17% ทำให้ปีนี้ก็ยังหวังว่าจะไปได้ดี ซึ่งเราก็พยายามหวังกับลูกค้าโปรเจค และแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ รวมทั้งขายตลาดต่างจังหวัด เพื่อทำให้ฐานลูกค้าเรากว้างขึ้นด้วย"
 

อ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,146
PLAY Q by CST bright u..
1,318
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
942
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
792
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด