โชวห่วย 4 แสนร้านส้มหล่น เซเว่น-อีเลฟเว่น ปรับยุทธศาสตร์จาก‘สะดวกซื้อ’เป็น‘สะดวกอิ่ม’

โชวห่วย 400,000 รายทั่วประเทศเนื้อหอมหลัง เซเว่นฯ ประกาศปรับทัพธุรกิจครั้งใหญ่จับมือเป็นพันธมิตร ร่วมปรับโฉมค้าปลีกไทยสู่ความทันสมัย พร้อมดึงสู่ระบบแฟรนไชส์สนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนเต็มที่ ตั้งเป้าเดินสายขายไอเดียคลุมทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันเตรียมปรับลุคใหม่ชูภาพความเป็น “ร้านสะดวกอิ่ม” ล้างภาพความขัดแย้งโชวห่วย-สร้างอำนาจต่อรองยักษ์ค้า ปลีกข้ามชาติ ท้ายที่สุดวางแผนจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบ การธุรกิจค้าปลีกทุนไทย”

การรุกคืบแผ่อาณาจักรค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ของยักษ์ค้าปลีกทุนไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษหลังก่อให้เกิดกระแสต้านจาก กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าโชวห่วย หนึ่งในสาร บบการค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) อยู่ เป็นระยะๆ เจ้าตลาดคอนวีเนี่ยนสโตร์ เซเว่น อีเลฟเว่น ดูจะให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย สะท้อนจากการปรับโมเดลธุรกิจครั้งใหม่ ซึ่งโฟกัสไปที่การดึงเครือข่ายร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศเข้ามาเป็นแนวร่วม
 
เซเว่นฯ เปิดปฏิบัติการขยาย แนวร่วมพันธมิตร

เป็นที่น่าสังเกตว่า ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ที่จัดเป็นคู่แข่งโดยตรงกับร้านค้าโชวห่วย แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แรงต้านต่อการผุดสาขาของยักษ์ค้าปลีกไทยรายนี้ แทบจะไม่มีให้พบเห็น

“เราจะพยายามชี้ให้เห็นตลอดว่า การดำเนินงานของร้านเซเว่นฯ จะไม่ถือเป็นคู่แข่งร้านค้าโชวห่วย แต่เราจะเน้นในเรื่องความหลากหลายของสินค้าและบริการมากกว่าและที่สำคัญต้องสามารถตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา” สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้อาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์

สุวิทย์กล่าวต่อว่าเซเว่นฯ มีนโยบายที่จะให้การส่งเสริมและสนับสนุนร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศประมาณ 400,000 ราย ให้สามารถยืนหยัดแข่งขันได้ ผ่านหลากหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการ “การทำโชวห่วยให้ยั่งยืน” ซึ่งการขับเคลื่อนโปรเจกต์นี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมนับแต่ต้นปีเรื่อยมา ภายใต้การจัดเวิร์กช็อป อบรมและสัมมนา ในหัวข้อ “ทำโชวห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน” ที่จะโรดโชว์เสริมทักษะให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยได้จัดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง ภาคเหนือที่เชียงใหม่ และล่าสุดคือที่จังหวัดภูเก็ต

เสริมเขี้ยวเล็บ-แหล่งทุน โชวห่วย

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เซเว่นฯ กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการร้านค้าโชวห่วยจำต้องปรับตัวรองรับกับพฤติกรรมความต้องการ

โดยเรื่องทั้งหมดที่กล่าว เซเว่นฯ จะนำไปถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจให้กับโชวห่วยทั่วประเทศ และหากร้านค้าใดต้องการเข้าร่วมสมัครเป็นเครือข่ายแฟรนไชส์ ในอัตราเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ร้านขนาด 2 คูหา แต่ยังมีเงินทุนไม่มากพอ เซเว่นฯ ก็จะมีแหล่ง เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งไว้รองรับ

“ปัจจุบันเรามีเครือข่ายอยู่ประมาณ 4,800 สาขา ในจำนวนนี้เป็นร้านของบริษัทและแฟรนไชส์ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ปีนี้คาดว่าน่าจะขยายเพิ่มได้อีกไม่น้อยกว่า 450 สาขา และผู้ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา ประมาณ ร้อยละ 95 จะประสบความสำเร็จ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น” สุวิทย์ ยืนยัน
 

รุดจัดตั้งสมาคมผู้ประกอบการค้าปลีกฯ

นอกจากการเสริมความรู้เท่าทันในธุรกิจแล้ว เซเว่นยังได้รุดจัดตั้ง สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมี สุวิทย์ กิ่งแก้ว นั่งเป็นนายกสมาคมฯ ภายใต้วัตถุประสงค์ 6 ประการ คือ 1.สนับสนุนให้มีการแข่งขันที่เสรี โดยดูแลให้เกิดความเป็นธรรมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ

2.เป็นหน่วยงานกลางในการประสาน/จัดทำ/รวบรวมข้อมูลสถิติด้านค้าปลีก รวมถึงการให้ความรู้ ฝึกอบรมผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์ในการปรับตัว และวางแผนคาดการณ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น 3. ส่งเสริมให้มีการร่วมมือกัน ในการให้ความรู้ การศึกษา ฝึกอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากรและคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ ค้าปลีกสมัยใหม่

4.สนับสนุนและประสานให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายสามารถดำเนินงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์และ Productivity เพิ่มขึ้น 5.เตรียมความพร้อม ให้ความรู้ การฝึกอบรมเพื่อการปรับตัวของผู้ค้าปลีกขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย และต้องพยายามหาทางออกหรือทางเลือกให้กับผู้ค้าปลีกบางรายที่ไม่สามารถปรับตัวได้ให้มีทางเลือกและอยู่รอดได้ และ 6.ส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการ Supporting Industy มากขึ้น เพื่อที่จะได้มีทางเลือกและมีต้นทุนที่ต่ำลง รวมไปถึงควบคุมด้านคุณภาพและมาตรฐาน

โมเดลใหม่ เซเว่นฯ สะดวกอิ่ม

การปรับทิศธุรกิจของร้านเซเว่น อีเลฟ เว่น ในช่วงหลายปีมานี้ เป็นไปในทิศทางการเพิ่มจำนวนเครือข่ายสาขาเป็นสำคัญ แต่ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความหลากหลายในบริการควบคู่กันไป เห็นได้จากการเพิ่มพันธมิตรในส่วนของบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส บุคส์คอนเนอร์ หรือมุมกาแฟ เป็นต้น

แต่ที่ดูจะให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นในปีนี้ คือ ลดสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าประเภทของ สดและของแห้ง จากปัจจุบันสัดส่วนของสดอยู่ที่ร้อยละ 30 ของแห้งร้อยละ 70 แต่ในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ จะเพิ่มสัดส่วนของสดมาอยู่ที่ร้อยละ 70 ปรับลดของแห้งเหลือที่ร้อยละ 30 แทน

“ทิศทางการดำเนินของเซเว่นฯจะปรับเปลี่ยนจากร้านสะดวกซื้อ มาเป็นร้านสะดวกอิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าเราจะให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารการกินเป็นหลัก อย่างน้อยก็แสดงให้ร้านค้าโชวห่วยเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคู่แข่งอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบ พฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันที่นิยมอยู่เป็นโสดมากขึ้น จึงมีความต้องการซื้อหาของกินมากกว่าสินค้าใช้สอย”

นอกจากความเคลื่อนไหวในส่วนคอนวีเนี่ยนสโตร์ “เซเว่น อีเลฟเว่น แล้ว ห้างต่างชาติเช่นกรณีห้างแม็คโคร ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับร้านค้าปลีกของไทยให้เข้มแข็ง โดยในช่วงต้นปี 2550 ได้มีการจัดตั้งโครงการ “แม็คโคร มิตรแท้โชวห่วย” ขึ้น ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรทางธุรกิจ 12 แห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำ 33 แห่งทั่วประเทศ จัดโครงการพัฒนาร้านค้าปลีกจากนักศึกษาสู่ชุมชนท้องถิ่นภาคปฏิบัติ” โดยการมอบหมาย ให้บุคลากรจากแม็คโครถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้แก่นักศึกษา และจัดกิจกรรมภาคปฏิบัติด้วยการช่วยปรับปรุงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ  
 
อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก  https://www.cpall.co.th