นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้พร้อมดื่ม "ดอยคำ" กล่าวว่า ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มในไทยยังคงเติบโตได้เล็กน้อยในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

โดยมีเทรนด์ใส่ใจสุขภาพเป็นผลดีต่อการบริโภคน้ำผลไม้ในกลุ่มคนเมือง ขณะที่ภาพรวมการบริโภคน้ำผลไม้ของคนไทยยังไม่สูงมากนัก จึงทำให้ตลาดยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยในปีที่ผ่านมาดอยคำมีการเติบโตกว่า 30%

 

และเพื่อรองรับการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ จากนี้ไปจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น เริ่มจากการปรับโลโก้และบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ทันสมัยและเป็นสากล ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยปรับเปลี่ยนสินค้าบรรจุภัณฑ์ใหม่ในช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะเริ่มสื่อสารสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ใหม่ช่วงต้นไตรมาส 3 เป็นต้นไป

 

พร้อมกันนี้ได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ เพิ่มความเร็วในการแพ็กน้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุกล่องขนาด 200 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นไซซ์ที่ทำรายได้สูงสุดจากปัจจุบันที่มีขนาด 200 มิลลิลิตร และ 1 ลิตรเพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 2-3 ปีจากนี้

และอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตไซซ์ 500 มิลลิลิตร เพิ่มเติมตามโอกาสการบริโภคที่มากขึ้น ตลอดจนขยายโกดังที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 เชียงใหม่ (ฝาง) รองรับการจัดเก็บวัตถุดิบเพิ่มเติม
 

 

นอกจากนี้ ยังมีแผนกลับมาเปิดใช้โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 4 บุรีรัมย์ที่ปิดไปตั้งแต่ปี 2543 อีกครั้ง ด้วยความพร้อมเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ โดยจะย้ายไลน์การผลิตน้ำผลไม้พร้อมดื่มจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 เชียงราย (แม่จัน) ไปไว้ที่บุรีรัมย์ทั้งหมด ภายในปี 2561

ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีกว่า 53,100 ตันต่อปีถึง 3 เท่าตัว ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายสินค้าใหม่ ๆ ตลาดใหม่ ๆ ตลอดจนช่วยบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้ารับมือการแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้นด้วย

 

"แนวทางการพัฒนาสินค้าจะเน้นใช้ผลไม้ท้องถิ่นไทยเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ สร้างความแตกต่าง เพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าในพอร์ต และหนีการแข่งขันเรื่องราคาในเซ็กเมนต์ที่มีการแข่งขันสูง อาทิ น้ำส้ม โดยจะรับซื้อจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าตลาดสำหรับผลผลิตที่ได้คุณภาพ"

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ภัยแล้งในขณะนี้กระทบกับปริมาณและคุณภาพของวัตถุดิบ อาทิ มะเขือเทศ ลิ้นจี่ เสาวรส ฯลฯ แต่ได้สำรองสต๊อกไว้ล่วงหน้าจึงยังไม่มีผลกระทบกับการผลิตและจะเดินหน้าให้องค์ความรู้เกษตรกรในแต่ละพื้นที่เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น

 

สำหรับร้านดอยคำที่ปัจจุบันมีร้านที่ดำเนินการเอง32 สาขา ร้านตัวแทนจำหน่าย 27 ราย มีแผนเปิดตัวร้านคอนเซ็ปต์-ดีไซน์ใหม่ในงานไทยเฟล็กซ์ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเป็นร้านอาหาร-เครื่องดื่ม จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดอยคำตลอดจนสินค้าโอท็อปจากพื้นที่ต่างๆ ปัจจุบันมีร้านต้นแบบที่ราชเทวี
 

 

รวมทั้งมีแผนเปิดแฟรนไชส์ร้านจำหน่ายสินค้าดอยคำ 2 โมเดลทั้งในรูปแบบร้านขายปลีก และร้านขายปลีก-ส่ง ใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 1,080,000-1,380,000 บาทอายุสัญญา 6 ปี คิดค่ารอยัลตี้ฟี 2% จากยอดขายต่อเดือน

แต่สำหรับผู้ที่เซ็นสัญญาภายในปี 2560 จะยกเว้นค่ารอยัลตี้ฟีดังกล่าวในช่วง 3 ปีแรก คาดว่าภายในปีหน้าจะมีร้านตัวแทนจำหน่ายเดิมปรับมาเป็นแฟรนไชซีประมาณ 10 ราย พร้อมกับมีผู้สนใจลงทุนรายใหม่เพิ่มเติม

 

ด้านทิศทางในต่างประเทศจะโฟกัสตลาดในเออีซี โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ในสิงคโปร์เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในสิงคโปร์ หรือการกระจายสินค้าไปยังประเทศอาเซียนอื่น ๆ อาทิ เมียนมา ขณะที่ลาวปัจจุบันเข้าไปกับร้านซูเปอร์มาร์เก็ตริมปิง

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ

ขอบคุณรูปภาพจาก  facebook.com/DoikhamFP