|
|
|
|
19 มิถุนายน 2558 |
มันนี่ เอ็กซ์โป เงินสะพัด 90,000 ล้านบาทคนแห่ขอสินเชื่อลงทุนสวนเศรษฐกิจ
งานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 15 Money Expo 2015 เงินสะพัดในงาน 90,000 ล้านบาท ประชาชนแห่ขอสินเชื่อและใช้บริการทางการเงินการลงทุนภายในงานกว่า 100,000 ราย จากผู้เข้าชมงานกว่า 900,000 คน สินเชื่อบ้านสะพัดกว่า 65,000 ล้านบาท สินเชื่อเอสเอ็มอีกว่า 16,000 ล้านบาท ประชาชนหอบเงินสดไปฝากแบงก์ในงาน 2,300 ล้านบาท ซื้อสลากออมทรัพย์ 400 ล้านบาท
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2558 ที่ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้ แนวคิด “Beautiful ASEAN” แถลงถึงผลการจัดงานในปีนี้ว่า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
แต่มีประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจเดินทางไปสมัครใช้บริการทางการเงินและการลงทุนในงานรวม 107,578 ราย รวมมูลค่าสูงถึง 90,000 ล้านบาท จากธนาคาร, บริษัทการเงิน, บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนรวม บริษัทผู้ค้าทองคำ/โกลด์ฟิวเจอร์ส และบริษัทประกันชีวิต/ประกันภัย ที่นำบริการทางการเงินและการลงทุนไปให้บริการภายในงาน
สินเชื่อบ้านยังคงเป็นบริการที่ประชาชนสมัครใช้บริการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รวมกว่า 65,700 ล้านบาท อันดับสอง สินเชื่อ SMEs รวมกว่า 16,000 ล้านบาท และยังมียอดการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs อีกกว่า 800 ล้านบาท อันดับสาม เงินฝาก มีประชาชนนำเงินสดไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงในงานรวมเป็นเงิน 2,300 ล้านบาท
และซื้อสลากออมทรัพย์อีก 400 ล้านบาท อันดับสี่ ซื้อประกันชีวิตและประกันภัยรวมถึงการซื้อประกันผ่านธนาคาร (Bancassurance) ทุนประกันรวมกว่า 900 ล้านบาท และประชาชนยังซื้อกองทุนรวมสูงเป็นอันดับห้า รวมวงเงินกว่า 800 ล้านบาท
สินเชื่อบ้านที่ประชาชนสมัครใช้บริการมากที่สุดในงานมหกรรมการเงิน เพราะธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐ แข่งกันให้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก โดยธนาคารออมสิน ให้อัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน ธนาคารกรุงไทย ให้ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เพิ่มแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษในงานด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 6 เดือนเช่นกัน
หลังจากที่เปิดงานไปแล้วนอกเหนือจากโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.99% นาน 3 ปีที่เตรียมไว้ตั้งแต่ต้นธนาคารพาณิชย์ที่ให้สินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ย 0% ก็มี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 3 เดือน และคิดค่าธรรมเนียมราคาหลักประกันเพียง 50% ธนาคารกสิกรไทย มีแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษให้เลือกถึง 6 แบบ ธนาคารกรุงเทพ เตรียมแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษพร้อมให้บริการอนุมัติเบื้องต้นภายในงานเลย และธนาคาร TMB ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.99% นาน 3 ปี
รวมทั้งสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขที่จูงใจอื่นๆ เช่น ฟรีหรือลดค่าประเมินหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการทำสัญญาเงินกู้ ค่าประกันอัคคีภัย และสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ส่งผลยอดผู้สมัครใช้บริการสินเชื่อบ้านสูงเกินกว่าเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ ทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ก็สามารถจำหน่ายได้กว่า 600 ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านการออมและการลงทุน ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ธนาคารและสถาบันการเงินแข่งกันให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงเป็นพิเศษ สวนกระแสแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย ทำให้มีผู้นำเงินสดไปฝากในงานเป็นจำนวนมากรวม 2,300 ล้านบาท เช่น ธ.ก.ส. มีเงินฝากดอกเบี้ยสุขใจ 11 อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 3.78% กับเงินฝากคู่ประกันอัตราดอกเบี้ย 5%
ธนาคารธนชาต มีเงินฝากปลอดภาษีมหาเศรษฐี 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 3.50% ฝากขั้นต่ำเริ่ม 2,000 บาทต่อเดือน ธนาคารทีเอ็มบี มีบัญชี ME ดอกเบี้ยสูงสุด 2.75% เป็นต้น
ประชาชนจำนวนมากยังเข้าแถวรอแลกธนบัตรที่ระลึกในบูธธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะธนบัตรที่ระลึกเนื่องในอภิลักขิตสมัยมหามงคลวันราชาภิเษกสมรส ครบ 50 ปี ชนิดราคา 500,000 บาท ที่เปิดให้แลกในราคาฉบับละ 1 ล้านบาท นั้น มีประชาชนสนใจแลกถึง 41 ฉบับ รวมมูลค่า 41 ล้านบาท และเมื่อรวมกับการแลกธนบัตรชนิดราคาอื่นแล้ว การแลกธนบัตรในบูธ ธปท. มีมูลค่าสูงถึง 46.957 ล้านบาท
ด้านบริการผลิตประกันชีวิตและประกันภัย แบบประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้นผลตอบแทนสูงได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากเช่นกัน เช่น บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต ได้เปิดตัวแบบประกันใหม่ สมาร์ทไฟว์ 5/1 ที่ขายเฉพาะในงาน
ให้ส่วนลดเบี้ยทันที 3.5% รับผลตอบแทนรวม (IRR) 3.74% บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต นำเสนอแบบประกัน บีแอลเอ พรีเมียร์เกน 10/1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียวให้ผลตอบแทน 3.25% เต็มทุกปี และขายเฉพาะในงานเท่านั้น ส่วนบริษัททิพยประกันชีวิตนำเสนอแบบประกันที่ให้ผลตอบแทนรายปีสูงถึง 20%
ด้านบริการด้านการลงทุน ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากเช่นกัน ทั้งการฟังการสัมมนา การทำเวิร์กช็อบเต็มทุกเวที และการลงทุนในหุ้นทองกองทุน มีการเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหุ้น อนุพันธ์ โกลด์ฟิวเจอร์ส และซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์รวม 6,930 บัญชี และซื้อกองทุนรวมจำนวนกว่า 400 ล้านบาท
|
|
|
|
|
