นั่นเป็นเพราะการใช้บริการแต่ละครั้งใช้เวลารวดเร็วเพียง 20 วินาทีเท่านั้น และสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของมายเปย์ คือ Easy Way to pay เพราะต้องการให้ผู้บริโภคเปลี่ยนวิถีชีวิตการชำระเงินมาเป็นออนไลน์ จากเดิม ชำระผ่านเคาน์เตอร์เท่านั้น 

 

ทั้งนี้ บริษัทเปิดให้บริการเป็นปีที่ 2 แล้ว ปัจจุบันมีจำนวนตู้มายเปย์ให้บริการรวม 500 ตู้ แบ่งเป็นต่างจังหวัด 400 ตู้ และกรุงเทพฯ 100 ตู้ ซึ่งจะเป็นตู้เติมเงิน ระบบสัมผัสแบบคีออสรายแรกในประเทศไทย โดยให้บริการเติมเงินและชำระเงินออนไลน์ ในรูปแบบพรีเพด กว่า 30 รายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ เกมออน ไลน์ อินเตอร์เน็ต และสาธารณูปโภค 

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ บริษัทได้วางแผนรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ เน้นกรุงเทพฯ กับตามหัวเมืองใหญ่ ขยายผ่านดีลเลอร์และแฟรนไชส์ เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาลงทุนเองทั้งหมด โดยจะใช้งบลงทุนราว 59,900-78,000 บาทต่อตู้ ซึ่งจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 1.5 ปี คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มจำนวนตู้มายเปย์ได้ 1,000 ตู้ และเพิ่มเป็น 2,000 ตู้ในปีหน้า 

 

 

นอกจากนี้ เดือนมกราคม 2557 จะขยายการให้บริการการชำระเงินแบบโพสต์เพดด้วย ปัจจุบันตู้มายเปย์จะมีเมนูให้เลือกถึง 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ รัสเซียน และเยอรมัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีภาษาจีน แต่ไม่ค่อยมีคนใช้บริการ เลยยกเลิกไป โดยค่าใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 90-100 บาทต่อครั้ง จากเดิม 60 บาท 

 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนที่จะขยายการให้บริการสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดเออีซีในอีก 2 ปีข้างหน้า เป็นลักษณะการหาผู้ลงทุนท้องถิ่น โดยมองประเทศกัมพูชา ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ เนื่องจากมองว่ามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ และใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร จึงมองว่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ซึ่งตู้ของมายเปย์ได้ผ่าน การอัพเดตซอฟต์แวร์ เพื่อรองรับธนบัตร และสกุลเงินของประเทศอื่นๆ โดยตั้งเป้าว่าแต่ละประเทศจะมีตู้ให้บริการไม่ต่ำกว่า 100 ตู้ และจะเห็นภายใน 3 ปีนับจากนี้

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ