นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากดอกเบี้ยนโยบาย ลดลง และอีกไม่นานธนาคารอาจจะทยอย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยเฉพาะเงินกู้ สิ่งที่อยากจะฝากให้กับนักธุรกิจ SME เรื่องแรก คือ ค่าเงิน นักธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่ควรมานั่งติดตามค่าเงินเอง เพราะจะก่อให้วิตก และอย่าไปเล่นกับค่าเงินเอง เช่น อย่าไปคิดว่าจะบริหารความเสี่ยงค่าเงินเอง เพราะแค่ 2 เดือนก็เห็นผลแล้วว่ากระทบหรือไม่ เป็นเรื่องที่ให้ระวังความผันผวนของค่าเงิน พยายามหาเครื่องมือในการปิดความเสี่ยง และหันไปจัดการในธุรกิจของตัวเอง 

 

ส่วนเรื่องที่ 2 หลังจากมีการปรับลดดอกเบี้ยลง บรรดาเอสเอ็มอีอาจจะดีใจว่าต้นทุนถูกลง ดังนั้นควรระมัดระวังใช้เงินให้ถูกวัตถุประสงค์ เพราะเวลาใดที่ดอกเบี้ยถูก นักธุรกิจหลายคนอาจจะเริ่มคิดอยากทำโน่นอยากทำนี่ หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การดำเนินงานออกนอกวัตถุประสงค์ หรือธุรกิจหลักของตัวเองที่ทำอยู่ สิ่งนี้จะทำให้เกิดความเสี่ยง แต่ถ้าต้นทุนถูกลง ดอกเบี้ยเงินกู้ถูกลง นำเงินไปปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ปรับกระบวนการผลิตหรืออื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า กรณีนี้แนะนำให้ดำเนินการ 

 

ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของไทยหรือทั่วโลกยังไม่ได้กลับมาอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้อยู่ในช่วงทรงๆ ตัวเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ช่วงหลังน้ำท่วมที่กระตุ้นกันอย่างมาก และความต้องการสูง แต่ตอนนี้พ้นจากความต้องการ ช่วงนั้นไปแล้ว ความต้องการในประเทศก็ทรงๆ ตัว ย้อนกลับไปเมื่อดอกเบี้ยลดลงก็อาจจะใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ก่อหนี้ภาคครัวเรือนมากขึ้นตามมา 
 

 
 

สำหรับเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ธนาคาร มีเป้าหมายที่จะขยายในปีนี้ที่ 10-12% ไม่ได้สูงมากไปกว่านั้นเพราะมองว่าอนาคต ไม่อยากแย่งกันเอาเงินไปให้ลูกค้า สุดท้าย ลูกค้าได้เงินเป็นจำนวนมากก็อาจจะเอาเงินไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ หรือผิดวินัยทางการเงิน ดังนั้น ควรดูแลลูกค้าให้ดี หากเขาได้รับผลกระทบ ค่อยออกโปรแกรมช่วยเหลือล่วงหน้า เพื่อให้เขาอยู่กับเราและทำธุรกิจได้ ในช่วงไตรมาส 3 สัญญาณของสินเชื่ออาจจะเร่งตัวขึ้นดอกเบี้ยลดมันไปผลักดันปริมาณสินเชื่อเพื่อมารองรับธุรกิจ ดอกเบี้ยลงข้อดีก็มีคือทำให้กระตุ้นการใช้จ่าย 

 

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คนที่เชื่อว่าดอกเบี้ยจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโต คงเป็นเรื่องที่สอดคล้อง กับความเชื่อนั้น แต่เศรษฐกิจช่วงนี้ก็ไม่ได้คึกคักอย่างที่เข้าใจไว้ ถ้าใครเชื่อว่าดอกเบี้ยมีอิทธิฤทธิ์ ที่จะสร้างหรือสนับสนุนการเจริญเติบโตได้ ก็เป็นไปตามกระ-บวนการความเชื่อเช่นนั้น 

 

โดยมีตัวอย่างจากนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ อัตราดอกเบี้ยเขาใกล้ 0% เขาลดลงมา 4-5 ปี การลดอัตราดอกเบี้ยก็ยังไม่มีฤทธิ์พอต่ออัตราการเจริญเติบโตในประเทศ ซึ่งไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่ ส่วนประเทศไทยเป็นการตอบสนองต่อตัวเลขในระยะสั้น เพราะตัวเลขของสภาพัฒน์ ก็ออกมาติดลบ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ