ผุดสาขา เดอะ คอฟฟี่ บีนส์ แอนด์ ที ลีฟ,โดมิโน่ พิซซ่า กระจายทั่วประเทศใน 4 ปี  พร้อมเดินหน้านำเข้าแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น หวังสร้างพอร์ตอาหารครบทุกเซ็กเมนต์

 
นายซานเจย์ ซิงห์ กรรมการบริหารของ บริษัท  เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)  และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิโก้ ฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท ฟิโก้ ฟู้ดส์ จำกัด ได้โอนกิจการทั้งหมดให้แก่เอฟโวลูชั่น ในการเข้าถือหุ้นเต็ม 100%  ส่งผลให้ เอฟโวลูชั่น กลายเป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ในโดมิโน่ พิซซ่า และ เดอะ คอฟฟี่ บีนส์ แอนด์ ที ลีฟ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ผ่านบริษัทลูกคือ บริษัท ฟินิกส์ พิซซ่า จำกัด และ บริษัท ฟิโก้ คอฟฟี่ จำกัด รวมทั้งเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอีก 5 แห่งในย่านทองหล่อ ได้แก่ The Ironfairies, Fat Gut’z, Fat’R Gut’z, Mr. jones’ Orphanage และ Clouds
 

 

 "การควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัท เป็นการประกาศศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจในเครือด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยเน้นการสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทย และใช้ไทยเป็นฐานในการขยายสู่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป โดยทีมงานและผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายถือมีความเชี่ยวชาญใน 2 ด้าน โดยเอฟโวลูชั่น เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุน กลุ่มฟิโก้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร ร้านอาหาร การทำธุรกิจโรงแรม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะทำให้สามารถง่ายต่อการทำตลาด ขยายกิจการและเติบโตได้เป็นอย่างดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "
 

 
 

บริษัทได้เริ่มบุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มใน 2 แบรนด์แรกได้แก่ ร้านเดอะ คอฟฟี่ บีนส์ แอนด์ ที ลีฟ,และโดมิโน่ พิซซ่า โดยจะใช้งบประมาณ 350-400 ล้านบาท สำหรับลงทุนในช่วง 3-4 ปีนับจากนี้  พร้อมกันนี้ยังมีแผนนำเข้าแบรนด์ร้านอาหารยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการเปิดสาขาอยู่แล้วในหลายประเทศทั่วโลกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับคู่ค้าชาวญี่ปุ่น คาดสามารถนำเข้ามาทำตลาดได้ในไตรมาส 1 ของปี 2556

 

"เราอยากมีแบรนด์ร้านอาหารในทุกเซ็กเมนต์  แต่ขณะเดียวกันแบรนด์อาหารยอดนิยมก็มีผู้เล่นรายหลักอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึงมากที่สุดในการทำตลาดคือ ความต้องการของผู้บริโภค ว่าต้องการสิ่งไหน และอย่างไร ผ่านบริการที่ดี วัตถุดิบดี สินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่งมั่นใจว่าจากปัจจัยดังกล่าว จะทำให้แบรนด์ในเครือของบริษัทแต่ละแบรนด์ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย"
 

 

โดยแบรนด์แรกที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้แก่  ร้านเดอะ คอฟฟี่ บีนส์ แอนด์ ที ลีฟ ซึ่งเปิดให้บริการ 3 สาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ , สยามพารากอน และ อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 และจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาภายในสิ้นปีนี้  และเพิ่มเป็น 60 สาขาภายในปี 2559  

ส่วนโดมิโน่ พิซซ่า จะเปิด 2  สาขาแรกในเดือนธันวาคมนี้โดยจะประเดิมร้านแรกที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม  และ ย่านสุขุมวิท 23 และสาขา 3 ในเดือนมกราคม 2556 ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเร่งเปิดสาขา ของโดมิโน่ พิซซ่า ให้ครบ 70-80 สาขาภายในช่วง 3 ปีนับจากนี้ (ปี 2556-2559) โดยรูปแบบการขยายสาขาใน 1-2 ปีแรกจะเน้นทำเลในกรุงเทพฯและชานเมือง ก่อนที่ปีที่ 3 จะเข้าทำตลาดในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก วางตั้งเป้าจะสามารถก้าวสู่ความเป็นเบอร์ 2 ในตลาดพิซซ่าเมืองไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน เป้าหมายสูงสุดของโดมิโน่ พิซซ่าว่าในตลาดเมืองไทย คือการก้าวสู่ความเป็นผู้นำเบอร์ 1    
 

 
 

อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ในการขึ้นเป็นเจ้าตลาดนั้น ยังขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ อารมณ์ในการจับจ่าย ซึ่งบริษัทไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด เนื่องจากตลาดเมืองไทยมีผู้เล่นรายหลักอยู่แล้ว ซึ่งกว่าที่เจ้าตลาดจะสามารถขึ้นครองแชมป์ได้ก็ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร  ดังนั้นบริษัทจึงต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อนที่จะลงทุน

 

"แม้ตลาดพิซซ่าเมืองไทยจะถูกผูกขาดโดย 2 เจ้าหลักอย่าง เดอะ พิซซ่า และพิซซ่า ฮัท มานาน แต่จากการที่เราทำการสำรวจแบบโฟกัสกรุ๊ปกับกลุ่มตัวอย่างพบว่าผู้บริโภคคิดว่าการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ๆถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการจับจ่าย และพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆเสมอนั่นทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเข้าเจาะตลาดผู้บริโภคเมืองไทยได้"

 

ด้านแผนการตลาดสำหรับโดมิโน่ พิซซ่า บริษัทเน้นสร้างแบรนด์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง ด้วยรูปแบบของร้านยังเน้นความเป็นยูนีคมากกว่าร้านพิซซ่าทั่วไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Pizza Theater" โดยลูกค้าที่เข้าไปรับประทานภายในร้านจะสามารถมองเห็นครัว ขั้นตอนการปรุง ความพิถีพิถัน ฯลฯ

"โพสิชันนิ่งของร้านเราคือความโดดเด่นในการบริการ ผ่านจุดแข็งเรื่องวัตถุดิบที่ปรุงสดใหม่ ได้มาตรฐานทุกจาน ซึ่งจะแตกจ่างจากคู่แข่งที่มีการเตรียมวัตถุดิบไว้ก่อนแล้วนำมาปรุงตามสั่ง ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของแบรนด์เราเลยก็ว่าได้"

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ