3.6K
16 กันยายน 2555
ม.กรุงเทพเปิดหลักสูตรแฟชั่น-ความงาม ปั้น SMEs รับมือ AEC
   

มหาวิทยาลัยกรุงเทพเล็งเห็นถึงการเติบโตของธุรกิจแฟชั่นและความงาม เปิดหลักสูตร MBA (เอสเอ็มอี) แฟชั่นและความงาม ครั้งแรกของเอเชีย รองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558 เปิดสอนเสาร์-อาทิตย์ ระยะเวลาปีครึ่ง ค่าเรียน 1.9 แสนบาท
      
ผศ.ดร.เกษมสันต์ พิพัฒน์ศิริศักดิ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (เอ็มบีเอ) และกรรมการที่ปรึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจแฟชั่น และความงามที่มีมูลค่าตลาดรวมนับแสนล้านบาทต่อปี และเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจำนวนผู้ประกอบการจำนวนมาก และยังไม่มีสถาบันการศึกษาใดที่เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนา SMEs กลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และรองรับการปรับตัวเพื่อรับมือการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
      
ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงได้เปิดหลักสูตรการบริหารการจัดการธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาธุรกิจความงาม และแฟชั่น หลักสูตรนี้เปิดเป็นปีการศึกษาแรกและเป็นที่แรกของประเทศไทย และเอเชีย ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวนี้ช่วยผู้ประกอบการคนไทยหลายคนที่มีองค์ความรู้ด้านแฟชั่น และความงามอยู่แล้ว แต่ขาดศักยภาพในการบริหารธุรกิจ แทนที่จะเดินทางออกไปเรียนต่างประเทศ และเป็นการสร้างโอกาสSMEs ไทยในการก้าวเข้าสู่ AEC

      
สำหรับกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาหลักสูตรนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ SME ที่ทำธุรกิจความงามและแฟชั่นอยู่แล้ว กลุ่มที่สองคือ นักศึกษาที่จบทางด้านศิลปกรรมที่เน้นด้านแฟชั่น ซึ่งปริญญาตรีจะเน้นเรียนในเรื่องศาสตร์ของศิลป์อย่างเดียว แต่หลักสูตรนี้จะสอนการต่อยอดเอาศิลปะเหล่านี้ออกไปทำเงิน เพราะปัจจุบันมีศิลปะอย่างเดียวธุรกิจก็อยู่ไม่รอด ต้องใช้ศิลปะบวกการตลาด ส่วนกลุ่มที่สามคือ คนที่เพิ่งค้นพบชีวิต หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีไปตามกระแส
   
โดยหลักสูตร MBA SMEs สาขาธุรกิจความงามและแฟชั่น เป็นหลักสูตรเสาร์-อาทิตย์ ระยะเวลาการเรียนการสอน 1 ปีครึ่ง ค่าใช้จ่าย 1.9 แสนบาท เนื้อหาจะแบ่งออกเป็นหลักสูตร SME ทั่วไป โดยวิชาหลักจะมีทั้งด้านบัญชีและภาษี ซึ่งเป็นจุดที่ SME ไทยขาด รวมทั้งวิชาวางแผนทางการเงิน เพราะปัญหา SME ไทยที่เจอคือบริหารเงินไม่เป็น ทำให้ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เลยทำให้ธุรกิจต้องล้มเลิกไป โดยเฉพาะในภาวการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท SME เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

      
“ดังนั้น เราจะมาปรับความคิดของเขาว่าหลังจากได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุน เขาควรจะมีแนวทางอย่างไรในการบริหารต้นทุน ซึ่งคณาจารย์ที่เราเชิญมาสอนก็จะเป็นคณาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการเงินส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็จะมีการเชิญอาจารย์จากภาคอุตสาหกรรมซึ่งประกอบวิชาชีพ SME แต่ได้รับคุณวุฒิสูง จบปริญญาเอกมาให้คำแนะนำ”
 
นอกจากนี้ยังมีวิชาด้านการตลาด ซึ่ง SME ปัจจุบันยังขาดทักษะในเรื่องการตลาด ในขณะเดียวกันเราก็พบอีกว่า SME บางคนยังอยู่ในภาคอุตสาหกรรม ก็เลยเปิดในเรื่องของการผลิตให้เขาเรียนด้วย และที่ขาดไม่ได้คือ การวางแผนทรัพยากร ตบท้ายด้วยวิชาการวางแผนกลยุทธ์ในมุมมองของ SME จากนั้นจะให้เลือกวิชาเลือกที่ถนัด โดยทุกคนจะต้องทำโครงการเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเรียนอยู่นั้นเอาไปใช้ได้จริง ซึ่งในส่วนสาขาธุรกิจความงามจะเน้นในเรื่องการสร้างตราสินค้าให้ก้าวไปในระดับสากล


ทั้งนี้ ที่สำคัญเรายังจัดชั่วโมงให้คำปรึกษาจาก SME ตัวจริงที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านทรงผม ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ให้เกียรติมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิธีการดำเนินธุรกิจ ส่วนสายแฟชั่นได้แก่ อ.พลพัฒน์ อัศวประภา เจ้าของแบรนด์ asava ส่วนสายเครื่องสำอาง ความงาม ได้แก่ พญ.นลินี ไพบูลย์ จากกิฟฟารีนมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจ และการพัฒนาหลักสูตรด้วย

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,096
PLAY Q by CST bright u..
1,313
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
941
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวอบรมสัมนามาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด