บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    การสร้างธุรกิจสู่ระบบแฟรนไชส์
267
3 นาที
15 ธันวาคม 2568
โตไว..แต่ไม่มีกำไร? สัดส่วนของแฟรนไชส์ สาขาบริษัท สาขาแฟรนไชส์ซี่ แท้จริงเท่าไหร่


ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความแข็งแรงของแบรนด์ คือ สัดส่วนระหว่างสาขาบริษัทและสาขาแฟรนไชส์ซี เพราะสัดส่วนนี้สะท้อนทั้งพลังของแบรนด์ ความสามารถในการควบคุมมาตรฐาน รวมถึงความรวดเร็วในการขยายสาขา ต้องปรับให้เหมาะกับสถานการณ์และศักยภาพของแบรนด์แต่ละราย
 
สัดส่วนจำนวนสาขาระหว่างสาขาบริษัท และ สาขาแฟรนไชส์ซี 0/100, 90/10, 80/20, 20/80 หรือ 50/50 ไม่สามารถกำหนดตัวเลขตายตัวได้ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความแข็งแกร่งของแบรนด์ อำนาจการเจรจาต่อรอง ความสัมพันธ์ในระบบแฟรนไชส์ รวมถึงความสามารถในการดูแลให้การสนับสนุนแฟรนไชส์ซีของแฟรนไชส์ซอร์
 
บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์ว่า สัดส่วนของสาขาแฟรนไชส์ ระหว่างแฟรนไชส์ซอร์กับแฟรนไชส์ซี มีผลต่อการขยายสาขาแฟรนไชส์อย่างไร และสัดส่วนแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจแฟรนไชส์ในแต่ละประเภท 
 
ทำไมสัดส่วนสาขาถึงสำคัญ
 

สัดส่วนจำนวนสาขาเป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการขยายธุรกิจ การบริหารต้นทุน และการควบคุมคุณภาพมาตรฐานขององค์กร โดยเฉพาะในบริษัทที่มีทั้งสาขาบริษัทและสาขาแฟรนไชส์ผสมผสานกัน การกำหนดสัดส่วนที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
 
ในกรณีที่บริษัทถือครองสาขาเองจำนวนมาก ช่วยให้การตัดสินใจสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการมีความคล่องตัวสูง และควบคุมมาตรฐานการให้บริการได้อย่างใกล้ชิด 
 
ในทางกลับกันการพึ่งพาสาขาแฟรนไชส์ในสัดส่วนที่สูงย่อมช่วยเพิ่มความเร็วในการเติบโต เพราะใช้เงินลงทุนของแฟรนไชส์ซีเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านคุณภาพ การกำกับมาตรฐาน และความสม่ำเสมอในการให้บริการลูกกค้า ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการที่เข้มแข็งและโปร่งใสเพื่อรักษาเสถียรภาพของแบรนด์
 
ดังนั้น สัดส่วนสาขาจึงเปรียบเสมือนเครื่องชั่งน้ำหนักที่องค์กรต้องปรับให้มีความสมดุล หากเอียงไปทางสาขาบริษัทมากเกินไป ธุรกิจอาจต้องรับภาระต้นทุนสูงและเติบโตช้ากว่าคู่แข่ง แต่หากพึ่งพาแฟรนไชส์มากเกินไป ก็อาจสูญเสียการควบคุมมาตรฐาน และกระทบต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว
 
การกำหนดสัดส่วนที่เหมาะสมจึงเป็นศิลปะของการบริหาร ที่ต้องคำนึงถึงเป้าหมายขององค์กร ทรัพยากรที่มีอยู่ และระดับการควบคุมคุณภาพมาตรฐานที่ต้องการ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สัดส่วนสาขาแฟรนไชส์ ส่งผลต่อแบรนด์และการขยายธุรกิจอย่างไร
 
กรณีสัดส่วนสาขาบริษัทมาก
ข้อดี

บริษัทสามารถกำหนดคุณภาพสินค้า รสชาติ การบริการ บรรยากาศร้าน รวมถึงกระบวนการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ การบริหารแบบรวมศูนย์ทำให้ทุกสาขาดำเนินงานสอดคล้องกันและรักษามาตรฐานของแบรนด์ได้อย่างใกล้ชิด
 
เมื่อบริษัทเป็นผู้บริหารสาขาเองทั้งหมด การทดลองสินค้าใหม่ การปรับปรุงเมนู การเปลี่ยนรูปแบบร้าน หรือการปรับระบบหลังบ้านสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากคู่สัญญา ทำให้ตอบสนองตลาดได้อย่างคล่องตัว
 
ที่สำคัญการที่ทุกสาขาอยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงช่วยให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่สม่ำเสมอและน่าเชื่อถือ ทั้งในด้านคุณภาพและประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการสร้างความไว้วางใจในระยะยาว
 
ข้อเสีย
 
การเปิดสาขาเองทุกแห่งต้องลงทุนด้านสถานที่ อุปกรณ์ บุคลากร ระบบ และทุนหมุนเวียนในระดับสูง ส่งผลให้ภาระการลงทุนสะสมเพิ่มขึ้นตามจำนวนสาขา ขณะเดียวกัน ความรวดเร็วในการขยายธุรกิจถูกจำกัดด้วยทรัพยากรของบริษัทเอง ทั้งเงินทุน ทีมงาน และโครงสร้างบริหาร ซึ่งอาจทำให้การเติบโตล่าช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้โมเดลแฟรนไชส์
 
หากธุรกิจเริ่มขยายไปต่างจังหวัดหรือทั่วประเทศ การรักษามาตรฐานการดำเนินงานในทุกพื้นที่จะต้องใช้ทรัพยากรและระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง การขยายจำนวนสาขามากเกินไป อาจสร้างภาระด้านการบริหารจัดการที่เพิ่มมากขึ้น
 
ตัวอย่าง โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารระดับประเทศ พบว่าในระยะเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ ผู้ประกอบการมักเลือกใช้สัดส่วนสาขาบริษัทสูงถึง 80–90% เพื่อควบคุมมาตรฐานให้ได้ระดับที่ต้องการก่อนเปิดรับแฟรนไชส์ ตัวอย่างเช่น 7-Eleven ในช่วงแรกที่ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบและภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งก่อนขยายสู่โมเดลแฟรนไชส์ในภายหลัง
 
กรณีสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์ซีมาก
 
เมื่อแบรนด์มีความมั่นคงมากขึ้นและระบบบริหารจัดการภายในเริ่มเข้าที่ องค์กรมักปรับเพิ่มสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์ซี เนื่องจากเป็นกลไกการเติบโตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยอาศัยเงินลงทุนและแรงสนับสนุนจากผู้ลงทุนแฟรนไชส์
 
ข้อดี
 

โมเดลแฟรนไชส์ช่วยให้แบรนด์สามารถเติบโตได้เร็วกว่าการลงทุนด้วยเงินของบริษัทเอง เนื่องจากใช้เงินลงทุนของแฟรนไชส์ซีเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้สามารถเปิดสาขาใหม่ได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น
 
โดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัดหรือทำเลที่บริษัทอาจเข้าไปดำเนินการเองได้ยาก การมีแฟรนไชส์ซีในพื้นที่ช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้าและครอบคลุมตลาดได้กว้างขึ้น
 
อีกทั้งยังมีเครือข่ายแฟรนไชส์ซีเป็นพลังสำคัญในการผลักดันแบรนด์ให้เติบโตในระยะยาว ทั้งในด้านการกระจายสินค้า การสร้างชื่อเสียง และการขยายการรับรู้ของแบรนด์ในชุมชนต่างๆ
 
ข้อเสีย
 
หากบริษัทไม่มีคู่มือ มาตรฐานการทำงาน หรือระบบตรวจสอบที่ชัดเจน คุณภาพของสินค้าและบริการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสาขา ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์โดยรวม
 
ที่สำคัญหากขาดการสื่อสารหรือการสนับสนุนจากแฟรนไชส์ซอร์ที่เพียงพอ อาจเกิดปัญหาความไม่พอใจ การร้องเรียน หรือความขัดแย้ง ซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร
 
เมื่อจำนวนสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น การกำกับดูแลให้ทุกสาขาปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันต้องอาศัยระบบที่แข็งแรง ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ และเครื่องมือบริหารจัดการคุณภาพมาตรฐานที่เป็นระบบ
 
ตัวอย่างแบรนด์ที่มีระบบสนับสนุนครบถ้วน เช่น แฟรนไชส์ “ห้าดาว” สามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ในสัดส่วนที่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีทีมงานภาคสนาม ระบบจัดส่งสินค้า และโครงสร้างสนับสนุนผู้ประกอบการที่แข็งแรง ทำให้สามารถรักษามาตรฐานได้แม้จะมีสาขาจำนวนมาก

สัดส่วนสาขาส่งผลต่อแบรนด์อย่างไร
 
การกำหนดสัดส่วนระหว่างสาขาบริษัทและสาขาแฟรนไชส์ไม่เพียงเป็นเรื่องของโครงสร้างธุรกิจ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และความยั่งยืนของระบบแฟรนไชส์ในระยะยาว ประเด็นสำคัญประกอบด้วย
 
1. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์
 

สัดส่วนสาขาบริษัทมาก แสดงถึงความแข็งแกร่งขององค์กร บริษัทสามารถบริหารและควบคุมคุณภาพมาตรฐานได้ครบถ้วน ทำให้ลูกค้าและผู้สนใจแฟรนไชส์มองว่าแบรนด์มีความเสถียรภาพและมีระบบหน้าบ้านหลังบ้านรองรับที่ดี
 
ส่วนกรณีสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์มาก สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของแฟรนไชส์ ยกตัวอย่างแฟรนไชส์ธุรกิจห้าที่มีจำนวนสาขามากกว่า 5,000 สาขาทั่วประเทศ โดยมีสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์มากถึง 100% 
 
2. ความสามารถในการขยายตลาด
 
สัดส่วนสาขาแฟรนไชส์มาก ช่วยให้การขยายตลาดทำได้รวดเร็ว โดยอาศัยเงินทุนและเครือข่ายของแฟรนไชส์ซี แต่ต้องใช้ระบบควบคุมมาตรฐานที่เข้มงวดและซับซ้อนขึ้นตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น
 
สัดส่วนสาขาบริษัทมาก การเติบโตจะช้ากว่า แต่มีความมั่นคงสูง เนื่องจากบริษัทควบคุมทุกขั้นตอนของการดำเนินงานได้เอง แต่ละแบรนด์จำเป็นต้องเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับทรัพยากรและจุดแข็งขององค์กร ไม่มีกฎตายตัวว่ารูปแบบใดดีที่สุด
 
3. ความสัมพันธ์ภายในระบบแฟรนไชส์
 

หากแบรนด์มีสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์มาก แต่ขาดระบบสนับสนุน เช่น การอบรมที่มีประสิทธิภาพ ระบบตรวจสอบมาตรฐานร้าน การทำการตลาดร่วม การบริหารความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด แฟรนไชส์ซีอาจรู้สึกว่าถูกปล่อยให้จัดการตามลำพัง ทำให้เกิดข้อร้องเรียน เกิดความขัดแย้ง หรือความไม่ไว้วางใจในแบรนด์ ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาว
 
ในทางกลับกัน หากแบรนด์มีระบบสนับสนุนที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับแฟรนไชส์ซีจะมีความมั่นคง เกิดความร่วมมือที่แข็งแรง และระบบแฟรนไชส์สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน
 
ตัวอย่างคลาสสิกคือ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ซึ่งแม้จะมีสัดส่วนแฟรนไชส์ซีสูงถึงประมาณ 90% แต่ยังรักษามาตรฐานได้ดี เพราะมีระบบหลังบ้านที่แข็งแรง ทั้งโลจิสติกส์ การอบรม การตลาด และการตรวจร้านอย่างเป็นระบบ
 
4. การลงทุนและความเสี่ยงของแบรนด์
 

สาขาบริษัทจำนวนมาก บริษัทต้องรับภาระการลงทุนแต่เพียงผู้เดียว ทั้งเงินลงทุนเปิดร้าน ค่าใช้จ่ายบุคลากร และการดูแลระบบ แต่ผลที่ได้คือการควบคุมคุณภาพมาตรฐานได้ดี 
 
สาขาแฟรนไชส์จำนวนมาก ความเสี่ยงด้านเงินลงทุนลดลงอย่างชัดเจน เพราะแฟรนไชส์ซีเป็นผู้รับภาระ แต่ความเสี่ยงด้านคุณภาพมาตรฐาน ภาพลักษณ์แบรนด์ และการดูแลสนับสนุนแฟรนไชส์ซีจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนสาขาที่ขยายตัว
 
นักลงทุน คู่ค้า และผู้สนใจแฟรนไชส์มักพิจารณาสัดส่วนนี้เพื่อประเมิน “สุขภาพ” ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงของระบบ ความพร้อมด้านมาตรฐาน หรือความสามารถในการขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน
 
โดยสรุป สัดส่วนของสาขาเป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อทั้งการเติบโต ภาพลักษณ์ และเสถียรภาพของระบบแฟรนไชส์ การปรับสมดุลอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยาวนาน
 
  ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
5 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 25..
1,030
โอกาสมาแล้ว! 13 แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกพร้อมเปิดต..
794
เจาะลึก Applebee´s แฟรนไชส์ร้านอาหารที่มาแรงทั่..
380
6 โปรโมชั่น! ส่วนลดค่าแฟรนไชส์ พร้อมใช้ได้ทันที
372
รวมแฟรนไชส์ชานมไข่มุกไทย มีระบบพร้อมเปิดร้าน
366
Abiko Curry แฟรนไชส์ฮิตจากโซล สู่เวทีโลกด้วยสูตร..
337
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด