บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
260
3 นาที
11 พฤศจิกายน 2568
สงครามของเล่นที่เอาจริงทั่วโลก จากของเล่นเด็ก...สู่ของสะสมระดับโลก
 

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมของเล่นและเกมทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านช่วงชะลอตัวในยุคการระบาดโควิด-19 โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญ คือ กระแสของผู้ใหญ่หัวใจเด็ก หรือ Kidults และ Pop Culture ที่เปลี่ยนให้ของเล่นไม่ได้เป็นเพียงสินค้าสำหรับเด็กอีกต่อไป แต่กลายเป็น “สินค้าทางอารมณ์” ที่ช่วยเติมเต็มความสุขและเยียวยาจิตใจให้กับบรดากลุ่มผู้ใหญ่ในยุคที่เต็มไปด้วยความเครียดสะสม ตลาดของเล่นโลก มูลค่าทะลุ 3.48 แสนล้านดอลลาร์
 
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2023 ตลาดของเล่นและเกมทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 273,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 3.1% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 2.4% จนแตะ 348,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028
 
แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจ แต่ตลาดยังคงขยายตัวอย่างมั่นคง โดยภูมิภาคที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดคือ เอเชียแปซิฟิก (36.48%) รองลงมาคือ อเมริกาเหนือ (30.80%) และ ยุโรป (22.40%) ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายของฐานผู้บริโภคทั่วโลก
 
Kidults ผู้ใหญ่กลุ่มใหม่ที่ขับเคลื่อนตลาด


หนึ่งในแรงผลักสำคัญของการเติบโต คือกลุ่ม “Kidults” หรือผู้ใหญ่ที่ยังรักและเพลิดเพลินกับของเล่นเช่นเดียวกับวัยเด็ก พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมองว่าการซื้อของเล่นคือการ ปลดปล่อยอารมณ์และเยียวยาความเครียด

รายงานจาก Circana ระบุว่า ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2024 กลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไปมียอดซื้อของเล่นกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่ากลุ่มเด็กอายุ 3–5 ขวบที่เคยเป็นฐานหลักของตลาดในอดีต

การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่า “ของเล่น” ได้กลายเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ ผู้บริโภควัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่ม มิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z ที่แม้จะเติบโตมาในยุคเทคโนโลยี แต่ยังโหยหาความสุขเรียบง่ายจากวัยเด็ก

Kidult Economy จากความคิดถึง สู่อุตสาหกรรมพันล้าน

การกลับมาเล่นของเล่นของผู้ใหญ่ไม่ใช่เพียงการย้อนวัย แต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการด้านอารมณ์ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับจิตใจในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยแรงกดดัน

จากกระแสนี้ ตลาดของเล่นทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 8.2% ต่อปีจนถึงปี 2030 โดยเฉพาะกลุ่ม ตุ๊กตา ผ้าขนนุ่ม และฟิกเกอร์จากคาแรกเตอร์การ์ตูน ที่จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.8% (ข้อมูลจาก Grand View Research)

Pop Culture และพลังของลิขสิทธิ์ (IP Economy)

อีกแรงขับสำคัญคือการเชื่อมโยงกับ Pop Culture หรือวัฒนธรรมป๊อปที่มาจากภาพยนตร์ การ์ตูน และเกมต่าง ๆ การใช้ ลิขสิทธิ์ดัง (Intellectual Property: IP) ทำให้ของเล่นกลายเป็นสินทรัพย์สะสมที่มีทั้งคุณค่าทางเศรษฐกิจและอารมณ์

กรณีศึกษาแบรนด์ของเล่นระดับโลก
LEGO (เดนมาร์ก)

ภาพจาก www.lego.com

LEGO สร้างจุดเด่นจากดีไซน์และวิธีการเล่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ แบรนด์ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเด็กสู่ผู้ใหญ่ ผ่านการนำ Pop Culture เข้ามาผสม เช่น ลิขสิทธิ์จาก Star Wars, Marvel, Harry Potter ไปจนถึง BANDAI NAMCO
 
LEGO ครองตำแหน่งแบรนด์ของเล่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกต่อเนื่องกว่า 10 ปี และยังมุ่งสู่ความยั่งยืนด้วยแนวคิด Green Manufacturing ภายในปี 2030

BANDAI NAMCO (ญี่ปุ่น)

เจ้าของลิขสิทธิ์กว่า 1,929 รายการ เช่น Gundam, Ultraman, Pac-Man ใช้กลยุทธ์ออกสินค้าใหม่ รุ่นลิมิเต็ด และจับมือกับแบรนด์ดังระดับโลก เช่น BANDAI NAMCO x Nike

กลยุทธ์ที่ผสาน Pop Culture กับทุกช่วงวัย ทำให้บริษัทมีรายได้ต่อเนื่องและแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก

Hasbro & Mattel (สหรัฐอเมริกา)
 
ภาพจาก https://citly.me/ylQW7

สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการของเล่นที่ใช้ประโยชน์จากลิขสิทธิ์และ Pop Culture อย่างเต็มที่ เช่น Barbie, Hot Wheels, My Little Pony, Monopoly ร่วมกับ IP ดังจาก Disney, Marvel, Warner Brothers
  • Barbie กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังหญิง และถูกต่อยอดเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้กว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • Hot Wheels ผลิตรุ่นลิมิเต็ดสำหรับกลุ่ม Kidult ที่นิยมสะสมเป็นของมีค่า
กลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดสหรัฐฯ ที่เน้นการสร้างมูลค่าผ่าน IP และวัฒนธรรมป๊อป
POP MART (จีน)


ผู้นำตลาด Art Toy ของจีนที่สร้างชื่อจากแนวคิด Blind Box หรือ “กล่องสุ่ม” ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้ผู้สะสม POP MART ร่วมมือกับศิลปินชื่อดัง เช่น Labubu ของ Kasing Lung และ Molly ของ Kenny Wong

กระแสการสะสม Art Toy ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่ม Kidult และเหล่าเซเลบริตี้ที่มีอิทธิพลต่อยอดขาย

แนวโน้มอุตสาหกรรมของเล่นไทย

Kidult และ Art Toy ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์

แรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมของเล่นไทยคือการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภค Kidult ที่ยังคงหลงใหลของเล่นและการสะสม พวกเขามีศักยภาพการใช้จ่ายสูง และมองของเล่นเป็นการแสดงอัตลักษณ์และความทรงจำในวัยเด็ก

Art Toy กลายเป็นกระแสหลักที่ผสานศิลปะเข้ากับของเล่น ดีไซเนอร์ไทยจำนวนมากเริ่มสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์และกลิ่นอายความเป็นไทย พร้อมใช้กลยุทธ์ “ผลิตจำนวนจำกัด” และ “กล่องสุ่ม” เพื่อเพิ่มคุณค่าและความต้องการของตลาด

ภาพรวมธุรกิจของเล่นในไทย


ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พฤษภาคม 2024 ระบุว่า ประเทศไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับของเล่น 1,093 ราย แบ่งเป็นผู้ผลิต 238 ราย และผู้ค้าส่ง/ค้าปลีก 855 ราย รวมทุนจดทะเบียนกว่า 5,692.21 ล้านบาท โดย SME ครองสัดส่วนมากกว่า 90%

ในปี 2566 ธุรกิจของเล่นไทยสร้างรายได้รวมกว่า 19,677 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 467.62 ล้านบาท การจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาด

ศักยภาพการผลิตและส่งออก

ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านวัตถุดิบและคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะของเล่นจากไม้และยางพาราที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดโลก ปี 2023 การส่งออกของเล่นไทยมีมูลค่ากว่า 8,776 ล้านบาท และยังขยายตัวต่อเนื่อง

ไทยยังเป็นฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนต่างชาติ โดยมีการลงทุนจาก ฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น รวมมูลค่ากว่า 10,068 ล้านบาท

การแข่งขันและพลวัตตลาด

แม้ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่การแข่งขันยังคงรุนแรง โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก การแข่งขันด้านราคาและนวัตกรรม จึงเป็นความท้าทายสำคัญของผู้ประกอบการไทย

โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรม
โอกาส
  • การเติบโตของตลาดผู้ใหญ่ (Kidult) ที่มีกำลังซื้อสูง
  • การขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะสินค้าจากวัตถุดิบไทย
  • การลงทุนจากต่างประเทศที่นำเทคโนโลยีและเครือข่ายใหม่เข้ามา
  • ความนิยมของ Art Toy ที่เปิดทางให้ดีไซเนอร์ไทยสู่ตลาดโลก
ความท้าทาย
  • การแข่งขันจากสินค้านำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะจากจีน
  • การขาดแคลนนักออกแบบและนวัตกรรมใหม่
  • อุปสรรคทางการค้า เช่น มาตรฐานความปลอดภัยและภาษี
  • ความผันผวนของเทรนด์ตลาดที่อาจส่งผลต่อยอดขาย
สรุปภาพรวม

จากกรณีศึกษาทั่วโลก พบว่าแบรนด์ของเล่นที่ประสบความสำเร็จมักมี 3 กลยุทธ์สำคัญ คือ
  1. เชื่อมโยงกับ Pop Culture และ IP ดัง เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าหลากหลายวัย
  2. สร้างคุณค่าทางอารมณ์ ผ่านการสะสม การเรียนรู้ และแรงบันดาลใจ
  3. พัฒนาแนวคิดยั่งยืนและนวัตกรรม เช่น LEGO Green Manufacturing หรือ Blind Box ของ POP MART
กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้แบรนด์อย่าง LEGO, BANDAI NAMCO, Mattel และ POP MART ยืนหยัดในตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและความผูกพันกับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน
 
แหล่งข้อมูล
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อวสาน E-commerce ไทย? ต่างชาติรุกหนัก ตลาดไทยกำล..
834
อวสานร้านอาหาร! คนทำทยอยเซ้ง คนเจ๊งทยอยขาย
573
เศรษฐกิจยังทรุด! 9 แบรนด์ดังไทย-เทศ “ปิดกิจการ-ล..
505
จิตวิทยาตั้งราคา! Psychological Pricing ทำให้ลูก..
440
โชว์รูมรถ ปี68 ปิดเกือบ 100 หายนะเศรษกิจไทย
424
เทคนิคร้านอาหารเพิ่มกำไรธุรกิจ 18% สู้กลับยุคแข่..
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด