บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
284
2 นาที
22 สิงหาคม 2568
Positive Sum Game วิธีลดคู่แข่งธุรกิจ! เพิ่มรายได้
 

Positive Sum Game คือ เกมธุรกิจที่ทุกผ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน อาจเป็นในรูปแบบของความร่วมมือหรือสนับสนุนกันด้านทรัพยากรหรือการตลาด มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าและได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้กลยุทธ์ Positive Sum Game เป็นส่วนหนึ่งของ แนวคิด Nash Equilibrium ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1950 ซึ่งแนวคิดนี้มี 3 ลักษณะคือ
  • เกมศูนย์ (Zero Sum Game) มีผลเพียงแค่ชนะ-แพ้เท่านั้น
  • เกมบวก (Positive Sum Game) เป็นเกมที่ผู้เล่นทุกคนได้ประโยชน์
  • เกมลบ (Negative Sum Game) เป็นเกมที่มีแต่การสูญเสีย
แนวคิดนี้คล้ายคลึงกับ Marketing Collaboration ที่เป็นการจับมือกันทางธุรกิจในการสร้างสินค้าใหม่ / โปรโมชั่นใหม่ร่วมกันทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างเช่น  
 
  • สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค
  • ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
  • แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  • ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า
  • ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น
  • ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง
และเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าแม้กระทั่งการเลือกทำเลตั้งร้านก็นำเอา Positive Sum Game มาใช้ได้เช่นกัน 
 
ซึ่งสอดคล้องกับเหตุผลที่หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า
 
ทำไมร้านค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ถึงต้องตั้งร้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ?
 
ทำไมร้านค้าเหล่านั้น ถึงไม่ตั้งร้านให้ห่าง ๆ กัน จะได้ไม่แย่งลูกค้ากัน ?
 
นั่นเพราะการตั้งร้านค้าให้ห่างจากร้านของคู่แข่ง เพียงเพราะกลัวจะแย่งลูกค้ากันเอง กลับจะทำให้ร้านของเราเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากกว่า ถ้าทำเลที่คู่แข่งอยู่นั้น เป็นทำเลทองอยู่แล้ว
 
 
ยกตัวอย่างเช่น ถนนสายหนึ่งมีร้าน McDonald’s ตั้งอยู่ก่อน แล้วร้าน KFC ก็มาตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน ซึ่งก็ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเลือกเข้าได้ทั้ง McDonald’s และ KFC แม้ว่าภาพรวม 2 แบรนด์นี้จะไม่มีใครที่ได้กลุ่มลูกค้าไปทั้งหมด แต่กลับต้องมาเฉลี่ยลูกค้ากันไป 

แต่ในอีกมุมหนึ่งเมื่อถนนย่านนี้มี 2 แบรนด์ดังมาเปิด และอาจมีอีกหลายแบรนด์ตามมา จะทำให้กลายเป็นย่านฟาสต์ฟู้ดที่คนนึกถึง กลุ่มลูกค้าก็จะมาที่ย่านนี้กันมากขึ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสินค้า + บริการ + การตลาดของแต่ละแบรนด์ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของย่านการค้าต่าง ๆ อย่าง สำเพ็ง, พาหุรัด และการตั้งร้านค้าแผงลอยริมถนนตามต่างจังหวัดแบบติด ๆ กัน ก็ถือเป็นแนวคิดแบบ Positive Sum Game เช่นกัน
 
 
หรือยกตัวอย่างให้เห็นภาพของ Positive Sum Game ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต้องไปดูตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมาม่า เป็นผู้นำการตลาดมีสัดส่วนประมาณ 49 – 50% ตามมาด้วย ไวไว สัดส่วนการตลาดประมาณ 
26 – 27% และ ยำยำ ที่มีสัดส่วนการตลาดประมาณ 21– 22%
 
แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดเด่น มีกลุ่มลูกค้า มีความน่าสนใจ ซึ่งหากแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้เพียงผู้เดียวอาจไม่ใช่วิธีทำธุรกิจที่จะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ได้มากขึ้น เราจึงได้เห็นกลยุทธ์ Positive Sum Game ที่นำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
อย่างตอนที่เพจของ Mamalover เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเอง เป็นรูปโลโก้คู่แข่งคือไวไว ซึ่งไม่เพียงสร้างความสงสัย แต่ยังเกิดคำถามให้ชวนสงสัยว่า ทั้งคู่ทำอะไรร่วมกัน ซึ่งก็มีการเฉลยในภายหลังว่านี่คือแคมเปญสร้างสรรค์ที่มาม่าทำออกมา เพื่อให้ผู้เล่นในตลาดนี้เห็นพ้องต้องกันว่า การแข่งขันที่สร้างสรรค์ของทุกแบรนด์จะทำให้ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกมาที่ผู้บริโภค และไม่ทันข้ามคืนเพจ Waiwai เองก็ออกมาโพสต์ตอบรับกับแนวคิดนี้ และขอบคุณทางมาม่าที่ออกมาจุดกระแสดีๆในเรื่องนี้
 
 
ภาพจาก www.facebook.com/MamaloverFanPage
 
หรือกรณีของ Samsung กับ Apple ที่แม้จะเป็นคู่แข่งดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนแต่ในเบื้องลึก 2 บริษัทนี้กลับมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ Samsung คือผู้จัดหาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่หลายปี (ตั้งแต่ iPhone 4 จนถึง iPhone 16) และถึงแม้ว่าปัจจุบันชิ้นส่วนบางอย่างของ Apple จะพอผลิตเองได้บ้าง แต่ก็ยังพึ่งพาซัพพลายเออร์รายใหญ่อย่าง Samsung อยู่บ้าง

 
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าในโลกของธุรกิจแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่การแข่งขันก็ไม่จำเป็นต้องเหลือผู้ชนะหรือผู้แพ้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำให้วินวินได้ทุกฝ่าย ยิ่งการตลาดโซเชี่ยลมีบทบาทกับธุรกิจมาก หากแบรนด์หันมาทำ Positive Sum Game จะทำภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดี และเป็นที่พูดถึง ในอีกมุมหนึ่งก็ยังไม่สูญเสียตำแหน่งผู้นำทางการตลาด แต่กลายเป็นการตอกย้ำภาพของผู้นำการตลาดได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย 

หรือสำหรับธุรกิจอื่นก็สามารถนำเอา Positive Sum Game ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจซื้อบางทีอาจไม่ได้มองแค่เรื่องคุณภาพหรือราคา แต่ลูกค้าอาจตัดสินใจเลือกสินค้าจากความพึงพอใจหรือเลือกซื้อสินค้าที่ฮิตติดไวรัลก็เป็นได้

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
646
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
557
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
500
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
471
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
455
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
444
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด