บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
467
2 นาที
22 สิงหาคม 2568
Positive Sum Game วิธีลดคู่แข่งธุรกิจ! เพิ่มรายได้
 

Positive Sum Game คือ เกมธุรกิจที่ทุกผ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน อาจเป็นในรูปแบบของความร่วมมือหรือสนับสนุนกันด้านทรัพยากรหรือการตลาด มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าและได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้กลยุทธ์ Positive Sum Game เป็นส่วนหนึ่งของ แนวคิด Nash Equilibrium ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1950 ซึ่งแนวคิดนี้มี 3 ลักษณะคือ
  • เกมศูนย์ (Zero Sum Game) มีผลเพียงแค่ชนะ-แพ้เท่านั้น
  • เกมบวก (Positive Sum Game) เป็นเกมที่ผู้เล่นทุกคนได้ประโยชน์
  • เกมลบ (Negative Sum Game) เป็นเกมที่มีแต่การสูญเสีย
แนวคิดนี้คล้ายคลึงกับ Marketing Collaboration ที่เป็นการจับมือกันทางธุรกิจในการสร้างสินค้าใหม่ / โปรโมชั่นใหม่ร่วมกันทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างเช่น  
 
  • สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค
  • ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
  • แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  • ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า
  • ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น
  • ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง
และเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าแม้กระทั่งการเลือกทำเลตั้งร้านก็นำเอา Positive Sum Game มาใช้ได้เช่นกัน 
 
ซึ่งสอดคล้องกับเหตุผลที่หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า
 
ทำไมร้านค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ถึงต้องตั้งร้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ?
 
ทำไมร้านค้าเหล่านั้น ถึงไม่ตั้งร้านให้ห่าง ๆ กัน จะได้ไม่แย่งลูกค้ากัน ?
 
นั่นเพราะการตั้งร้านค้าให้ห่างจากร้านของคู่แข่ง เพียงเพราะกลัวจะแย่งลูกค้ากันเอง กลับจะทำให้ร้านของเราเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากกว่า ถ้าทำเลที่คู่แข่งอยู่นั้น เป็นทำเลทองอยู่แล้ว
 
 
ยกตัวอย่างเช่น ถนนสายหนึ่งมีร้าน McDonald’s ตั้งอยู่ก่อน แล้วร้าน KFC ก็มาตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน ซึ่งก็ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเลือกเข้าได้ทั้ง McDonald’s และ KFC แม้ว่าภาพรวม 2 แบรนด์นี้จะไม่มีใครที่ได้กลุ่มลูกค้าไปทั้งหมด แต่กลับต้องมาเฉลี่ยลูกค้ากันไป 

แต่ในอีกมุมหนึ่งเมื่อถนนย่านนี้มี 2 แบรนด์ดังมาเปิด และอาจมีอีกหลายแบรนด์ตามมา จะทำให้กลายเป็นย่านฟาสต์ฟู้ดที่คนนึกถึง กลุ่มลูกค้าก็จะมาที่ย่านนี้กันมากขึ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสินค้า + บริการ + การตลาดของแต่ละแบรนด์ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของย่านการค้าต่าง ๆ อย่าง สำเพ็ง, พาหุรัด และการตั้งร้านค้าแผงลอยริมถนนตามต่างจังหวัดแบบติด ๆ กัน ก็ถือเป็นแนวคิดแบบ Positive Sum Game เช่นกัน
 
 
หรือยกตัวอย่างให้เห็นภาพของ Positive Sum Game ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต้องไปดูตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมาม่า เป็นผู้นำการตลาดมีสัดส่วนประมาณ 49 – 50% ตามมาด้วย ไวไว สัดส่วนการตลาดประมาณ 
26 – 27% และ ยำยำ ที่มีสัดส่วนการตลาดประมาณ 21– 22%
 
แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดเด่น มีกลุ่มลูกค้า มีความน่าสนใจ ซึ่งหากแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้เพียงผู้เดียวอาจไม่ใช่วิธีทำธุรกิจที่จะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ได้มากขึ้น เราจึงได้เห็นกลยุทธ์ Positive Sum Game ที่นำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
อย่างตอนที่เพจของ Mamalover เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเอง เป็นรูปโลโก้คู่แข่งคือไวไว ซึ่งไม่เพียงสร้างความสงสัย แต่ยังเกิดคำถามให้ชวนสงสัยว่า ทั้งคู่ทำอะไรร่วมกัน ซึ่งก็มีการเฉลยในภายหลังว่านี่คือแคมเปญสร้างสรรค์ที่มาม่าทำออกมา เพื่อให้ผู้เล่นในตลาดนี้เห็นพ้องต้องกันว่า การแข่งขันที่สร้างสรรค์ของทุกแบรนด์จะทำให้ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกมาที่ผู้บริโภค และไม่ทันข้ามคืนเพจ Waiwai เองก็ออกมาโพสต์ตอบรับกับแนวคิดนี้ และขอบคุณทางมาม่าที่ออกมาจุดกระแสดีๆในเรื่องนี้
 
 
ภาพจาก www.facebook.com/MamaloverFanPage
 
หรือกรณีของ Samsung กับ Apple ที่แม้จะเป็นคู่แข่งดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนแต่ในเบื้องลึก 2 บริษัทนี้กลับมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ Samsung คือผู้จัดหาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่หลายปี (ตั้งแต่ iPhone 4 จนถึง iPhone 16) และถึงแม้ว่าปัจจุบันชิ้นส่วนบางอย่างของ Apple จะพอผลิตเองได้บ้าง แต่ก็ยังพึ่งพาซัพพลายเออร์รายใหญ่อย่าง Samsung อยู่บ้าง

 
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าในโลกของธุรกิจแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่การแข่งขันก็ไม่จำเป็นต้องเหลือผู้ชนะหรือผู้แพ้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำให้วินวินได้ทุกฝ่าย ยิ่งการตลาดโซเชี่ยลมีบทบาทกับธุรกิจมาก หากแบรนด์หันมาทำ Positive Sum Game จะทำภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดี และเป็นที่พูดถึง ในอีกมุมหนึ่งก็ยังไม่สูญเสียตำแหน่งผู้นำทางการตลาด แต่กลายเป็นการตอกย้ำภาพของผู้นำการตลาดได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย 

หรือสำหรับธุรกิจอื่นก็สามารถนำเอา Positive Sum Game ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจซื้อบางทีอาจไม่ได้มองแค่เรื่องคุณภาพหรือราคา แต่ลูกค้าอาจตัดสินใจเลือกสินค้าจากความพึงพอใจหรือเลือกซื้อสินค้าที่ฮิตติดไวรัลก็เป็นได้

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
AI คลื่นลูกที่ 5 ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็นเพื่อนค..
876
เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025 เมื่อผู้บริโภค “คิดเ..
735
5 ปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ปรับสมดุลชีวิตเพื่..
563
สสปท. มอบโล่ Zero Accident ย้ำความปลอดภัยคือราก..
488
ทำเลทองของ “คาเฟ่ร้านกาแฟ” เปิดที่ไหน กำไรดีที่..
487
จักรวาลร้านสเต็ก ข้างทาง ใครเจ้าตลาด
478
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด