บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.0K
2 นาที
18 ธันวาคม 2567
เทคนิคตั้งราคา ให้เราคุมเกมแบบ 100%
 

“ราคา” คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้า บางคนอาจแย้งว่า เลือกคุณภาพมาก่อนราคา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังเลือกสินค้าอะไร แต่พูดโดยภาพรวมทั่วไปสินค้าอุปโภค บริโภค เราพิจารณาเรื่องราคามาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน
 
เราจึงได้เห็นสงครามราคา (Price War) ของผู้ประกอบการงัดมาเป็นทีเด็ดเพื่อหวังสร้างยอดขายแต่มันก็สุ่มเสี่ยงมากถ้าบริหารจัดการไม่ดีแทนที่จะมีกำไรอาจกลายเป็นทุนหายกำไรหด ดังนั้นปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นไม่ได้หมายถึงว่าเราจะมีกำไรมากตามไปทุกครั้ง
 
ในมุมของลูกค้าก่อนจะซื้อสินค้าใดๆจะมี reference price เกิดขึ้นเสมอโดยจะพิจารณาจากราคาสินค้าที่เคยซื้อมาก่อนหน้า รวมถึงความคุ้มค่า (value) ที่คาดว่าจะได้รับ หรืออ้างอิงจากสินค้าอื่นๆ ที่คล้ายกัน เป็นต้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการว่าจะมีทีเด็ดในการตั้งราคาอย่างไรเพื่อให้คุมเกมได้มากที่สุด
 
หากไปดูทฤษฏีการตั้งราคาก็มีหลากหลายรูปแบบ แต่เราต้องไม่ลืมว่า “ทุกราคาที่ตั้ง” ต้องให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่จะได้รับ จะนำมาซึ่งการตัดสินใจได้ง่ายที่สุด 
 
1. Cost Leadership Strategy
 

ตั้งราคาสินค้าให้ถูกที่สุด เป้าหมายแรกคือทำอย่างไรก็ได้เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาอยู่ในฐานของเราให้ได้มากๆ แต่วิธีนี้จะยิ่งได้ผลก็ต่อเมื่อเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ อำนาจต่อรองเยอะ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Lotus, BigC, Makro ที่ชูจุดเด่นว่าสินค้าราคาถูกที่สุด เป็นต้น
 
2. Product Set Pricing 

วิธีการตั้งราคาเป็นเซ็ต เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากว่าการซื้อแยกชิ้น วิธีนี้ใช้ได้กับร้านค้าปลีก ร้านอาหาร แต่วิธีนี้ต้องพิจารณาถึงต้นทุนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้ธุรกิจมีกำไรจากการตั้งราคาแบบนี้ได้
 
3. Seasonal Pricing
 

คือการตั้งราคาตามฤดูกาลเพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) เช่น การขายผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล หรือการขายตั๋วหนังเวลาถึงช่วงวันหยุดและเป็นหนังใหม่ก็ต้องแพงเอาไว้ก่อน เป็นต้น 
 
4. The cost of the zero cost
 

เป็นเทคนิคการตั้งราคาแบบศูนย์บาทเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีสินค้าที่ลูกค้าจะได้ฟรีๆโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เพียงแต่ต้องซื้อสินค้าชิ้นอื่นก่อน คุ้นตาสุดวิธีนี้คือโปรโมชัน 1 แถม 1 ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้ว ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มกว่าลดราคา 50% 
 
5. Competitive Pricing
 
การตั้งราคาให้ใกล้เคียงกับคู่แข่ง เพื่อให้ลูกค้าได้มีการเปรียบเทียบว่าในเมื่อราคาใกล้เคียงกัน เรื่องคุณภาพ และบริการ เราดีกว่าคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน หรือความคุ้มค่าที่ซื้อสินค้าจากเราจะดีกว่าการซื้อจากแบรนด์อื่นแค่ไหน
 
6. Decoy Pricing
 
 

การตั้งราคาแบบหลอกล่อเพื่อให้ลูกค้าเลือกราคาที่เราต้องการขาย เช่น การตั้งราคาสินค้าตามสเปค ให้เป็นตัวเลือกของลูกค้าว่าต้องการแบบไหน แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการสินค้าที่แย่สุด หรือถ้าดีสุดก็ราคาจะแพงไป คนส่วนใหญ่มักเลือกสินค้าระดับกลางๆ เป็นต้น
 
7. Value-Based Pricing
 
การตั้งราคาแบบเน้นคุณค่าโดยผ่านมุมมองของลูกค้า การตั้งราคาแบบนี้เหมาะมากกับธุรกิจที่เป็นรูปแบบ B2B ธุรกิจโครงการขนาดใหญ่ ธุรกิจที่ต้องการนำเสนอโซลูชั่น ธุรกิจก่อสร้าง ฯลฯ เพราะการนำเสนอสินค้าจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการหลายๆ รูปแบบ และมักมีมูลค่าสูง จึงจำเป็นต้องเน้นเรื่องคุณภาพเอาไว้ก่อน 
 
นอกจากนี้ยังมีการใช้ทฤษฏีตั้งราคาแบบ Triple-Code Model ที่ว่ากันว่ามีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% ซึ่งมีหลักการง่ายๆ คือ
  1. Arabic Code การรับรู้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ เช่น 1, 2, 3, 4 ,5 ….
  2. Verbal Code การรับรู้ตัวเลขเป็นคำพูดเช่น หนึ่ง, สอง, สาม, สี่ , ห้า …..
  3. Analog Magnitude Code การรับรู้ตัวเลขเป็นปริมาณ เช่น “2 มากกว่า 1” หรือ “1 น้อยกว่า 2”
เป็นหลักการตั้งราคาที่เป็นเหมือนการ “หลอกสมอง” ทำให้คนซื้อพึงพอใจและรู้สึกว่าสินค้าคุ้มค่า ราคาไม่แพง ซึ่งมีการนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายวิธีเช่น การจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 ,การตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9 เป็นต้น
 
 
อย่างไรก็ดีกลยุทธ์ในการตั้งราคานั้นมีหลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจเป็นผู้กำหนดก็ต้องดูปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน
มาประกอบกันเช่น
  • Customer Value–Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘มุมมองของลูกค้า’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก การรับรู้ถึงคุณค่าในสินค้าหรือบริการของลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการตั้งราคา
  • Cost-Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘ต้นทุน’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การจัดจำหน่าย และการขาย นำมาบวกเพิ่มกับอัตราผลตอบแทนหรือกำไรที่ต้องการในจำนวนที่สามารถครอบคลุมการทำงานและความเสี่ยงต่างๆ ของบริษัทได้
  • Competition-Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘การแข่งขัน’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก กลยุทธ์ ต้นทุน ราคา และข้อเสนอของคู่แข่ง
ซึ่งทุกรูปแบบในการตั้งราคาล้วนมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ก็ต้องให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงของธุรกิจ การเล่นกับราคามากเกินไปบางทีอาจเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ไม่ดีอาจได้ไม่คุ้มเสีย

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
593
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
482
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
461
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
407
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
399
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
386
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด