บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
449
2 นาที
11 ธันวาคม 2567
กลยุทธ์ร้านฟาสต์ฟู้ด สร้างรายได้จาก “Frequency”
 

Frequency เป็นหนึ่งในโมเดล RFM ที่ย่อมาจาก Recency, Frequency และ Money Value ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการแบ่งกลุ่มและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถระบุและกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่มีค่าที่สุดของตัวเองได้ และปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกัน
 
ถ้าจะอธิบายให้ลึกลงไปอีกหน่อย RFM Model คือหลักการที่ต่อยอดมาจาก Pareto Marketing หรือหลักการที่ให้ ลงมือทำเพียง 20% แต่ได้ประสิทธิภาพถึง 80% นั้นหมายความว่า RFM Model เป็นหลักการที่ให้นักการตลาดมุ่งความสนใจไปที่กลุ่มลูกค้าแค่ 20% เป็นลูกค้ากลุ่มแรก เพราะลูกค้ากลุ่มนี้สามารถทำกำไรให้มากถึง 80% ของลูกค้าทั้งหมด นักการตลาดควรออกโปรโมชันหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ากลุ่มนี้กลับมาซื้อของหรือใช้บริการบ่อยๆ
 
แน่นอนว่ายิ่งมีความถี่ (Frequency) ในการเข้าร้านมาก โอกาสขายก็ยิ่งมากตาม แต่ข้อควรระวังคือ ต้องดูจำนวนการซื้อที่เกิดขึ้นด้วย เพราะถ้าลูกค้ามาเป็นประจำแต่ไม่ได้ซื้อสินค้า นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกค้ายังไม่มีความไว้วางใจในสินค้าและบริการ จึงจำเป็นต้องหาจุดเปลี่ยนที่ทำให้ลูกค้ามั่นได้มากขึ้น
 
อธิบายให้เข้าใจง่ายมากที่สุดอาจต้องไปยกตัวอย่างธุรกิจร้านฟาสฟู้ดต์ หรือร้านกาแฟแบรนด์ดังต่างๆที่นำกลยุทธ์นี้มาผนวกใช้ ซึ่งก็อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามความเหมาะสมแต่ทั้งหมดก็คือการเพิ่ม Frequency เพื่อหวังเพิ่มรายได้
 

ภาพจาก https://bit.ly/3BqAbF9
 
ยกตัวอย่าง KFC ที่พยายามเพิ่มโอกาสในการใช้บริการผ่านแต่ละช่องทางขาย เราจึงเห็นโมเดลการเปิดร้าน KFC ในรูปแบบคีออส ที่มีทั้งการขยายเข้าไปในย่านชุมชนและในพื้นที่ที่เป็น Transportation Hub อย่างบนบีทีเอส หรือ MRT รวมถึงการเปิดร้านโมเดลคีออสบนรถไฟฟ้าในคอนเซ็ปต์ “Quick &Easy” เป็นต้น
 
หรืออย่างอินทนิล แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดังก็พยายามเพิ่ม Frequency เช่นกัน ด้วยการพัฒนาเมนูที่ตอบโจทย์ดึงคนให้อยากเข้าร้านจึงไม่ได้มีแค่กาแฟ แต่พัฒนาเมนูให้หลากหลายเช่น น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มตามฤดูกาล รวมถึงการเพิ่มเมนูอาหารทานเล่น ทานง่ายที่สามารถรองท้องยามเช้าของลูกค้าได้ และก็ยังรวมถึงการพัฒนาโมเดลร้านที่เป็นรูปแบบช็อป อิน ช็อป ที่มีการนำร้านอาหารดังๆ เข้ามาเปิดเป็นเคาน์เตอร์ในร้านอินทนิล ซึ่งทุกสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่ต้องการดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการบ่อยขึ้น
 
ในส่วนของกาแฟพันธุ์ไทยก็พยายามเพิ่ม Frequency เช่นกัน โดยใช้วิธีการออกของสะสมเพื่อใช้เป็นอีกตัวช่วยสร้างแรงดึงดูดในการมาร้านกาแฟของลูกค้า เช่น ทำแคมเปญ แจกฟรี! แก้วเปลี่ยนสีพันธุ์ไทย Reusable Cup ที่ไม่ใช่แค่ใช้ซ้ำ ใช้อีก ใช้ต่อได้ แต่ยังมีกิมมิคสนุกๆ ให้ตามล่าสะสมให้ครบทั้ง 5 แบบด้วย
 

ภาพจาก www.punthaicoffee.com
 
หรือแม้แต่การทำโฆษณาที่ให้ลูกค้าเห็นบ่อยๆ ก็เป็น Frequency อีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน โดยมีการคำนวณไว้ว่าความถี่ในการเห็นโฆษณาประมาณ 7 ครั้งจะทำให้ลูกค้าเริ่มสนใจสินค้าและบริการของธุรกิจ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันสำหรับการทำโฆษณาที่เห็นบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดอาการ Ad Fatigue หรืออาการที่ลูกค้ารู้สึกเบื่อหรือรำคาญ และไม่เกิดการตอบสนองต่อโฆษณาอีกต่อไป ซึ่งธุรกิจก็ต้องหาวิธีป้องกัน ไม่ให้ลูกค้าเกิดอาการ Ad Fatigue เช่น
  • การเปลี่ยนชิ้นงานโฆษณา เปลี่ยนรูปภาพประกอบ หรือเปลี่ยนเนื้อหาภายในชิ้นงาน อย่างสม่ำเสมอ
  • การเปลี่ยนแพลตฟอร์มลงโฆษณา
  • การปรับกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น หรือปรับเป็นกลุ่มเป้าหมายอื่น ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันแทน เป็นต้น
เราจะเห็นว่า Frequency เป็นแค่หนึ่งในส่วนประกอบของ RFM Model และกลยุทธ์การเพิ่มความถี่เพื่อเพิ่มลูกค้านี้ก็ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอีกหลายอย่าง ดังนั้นแต่ละแบรนด์ต้องคิดวิธีการนำไปใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจตัวเอง อย่าลืมว่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง อะไรที่มากเกินไปก็ใช่จะเป็นเรื่องดี การผสมผสานและนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพคือไอเดียการสร้างความสำเร็จที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ด้วย
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
611
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
513
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
431
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
416
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
415
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด