บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
736
3 นาที
18 พฤศจิกายน 2567
รู้ก่อนไม่มีเจ๊ง! “คนซื้อ-คนขาย” Do & Don't ในธุรกิจแฟรนไชส์ 
 

ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งคนซื้อ (แฟรนไชส์ซี) และคนขาย (แฟรนไชส์ซอร์) ควรมีแนวทางการทำงานหรือปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย มาดูกันว่าสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำของแฟรนไชส์ซีและแฟรนไชส์ซอร์ หรือ Do & Don't สำหรับทั้งสองฝ่ายมีอะไรกันบ้าง 
 
Do สำหรับแฟรนไชส์ซี (คนซื้อ)
1.ศึกษาระบบแฟรนไชส์ให้เข้าใจอย่างละเอียด
 

ก่อนซื้อแฟรนไชส์ควรทำความเข้าใจโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ที่เจ้าของแฟรนไชส์นำเสนอ เช่น ระบบการทำงานต่างๆ, รูปแบบการเปิดร้าน, ค่าใช้จ่าย, งบการลงทุน และการสนับสนุนต่างๆ จากเจ้าของแฟรนไชส์

2.วิเคราะห์ทำเลและทำความเข้าใจในตลาด
 
องค์ประกอบแรกที่เจ้าของแฟรนไชส์ใช้พิจารณาคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์ ก็คือ ทำเลเปิดร้าน อยู่พื้นที่ไหน อำเภอไหน จังหวัดไหน ดังนั้น ก่อนจะซื้อแฟรนไชส์ควรทำการศึกษาวิเคราะห์ทำเลและตลาดในพื้นที่อย่างละเอียด ทั้งสภาพเศรษฐกิจ จำนวนประชากร กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คู่แข่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่นั้นได้

3.ปฏิบัติตามคู่มือที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนด
 

หน้าที่อย่างแรกของแฟรนไชส์ซี ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ ก็คือ การปฏิบัติงานตามระบบที่แฟรนไชส์ซอร์ได้วางรูปแบบหรือกำหนดเอาไว้ในคู่มือแฟรนไชส์ เพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อลูกค้าไปใช้บริการสาขาไหนก็ตามจะได้รับสินค้าและบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน 

4.ติดต่อและขอคำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา 
 
เป็นอีกหนึ่งวิธีการทำงานของแฟรนไชส์ซีในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแฟรนไชส์ซอร์ เมื่อเจอปัญหาในการบริการจัดการร้านหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ควรรีบติดต่อไปยังแฟรนไชส์ซอร์เพื่อขอคำแนะนำและการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน 

5.บริหารจัดการเรื่องเงินอย่างมีระเบียบ
 

ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ถ้าไม่อยากให้เกิดกรณี “ขายดีแต่เจ๊ง” นอกจากแฟรนไชส์จะต้องปฏิบัติตามคู่มือแฟรนไชส์อย่างละเอียดแล้ว ยังต้องมีการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีแผนการบริหารเงินที่ดีเพื่อลดความเสี่ยง
 

Don't สำหรับแฟรนไชส์ซี (คนซื้อ)
1.อย่าดัดแปลงระบบและรูปแบบการทำธุรกิจ
 

 
คู่มือปฏิบัติงานแฟรนไชส์ที่เขียนเอาไว้โดยแฟรนไชส์ซอร์จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด อย่าดัดแปลงหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานด้วยตัวเองโดยที่แฟรนไชส์ซอร์ไม่เห็นด้วย เพราะอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และผลประกอบการ

2.อย่าคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จทันที
 
การซื้อแฟรนไชส์ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จในทันที หรือคนที่ซื้อแฟรนไชส์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จกันทุกราย ซื้อแฟรนไชส์คาเฟ่อเมซอนต้องใช้เวลา 3 ปีในการคืนทุน หลังจากนั้นต่อสัญญาได้อีก 3 ปี (เป็นช่วงทำกำไร) คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำแฟรนไชส์ มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ที่ตัวผู้ซื้อแฟรนไชส์เองว่าจะมีความตั้งใจมากแค่ไหน เลือกแบรนด์ที่มีโอกาส สินค้าและบริการตอบโจทย์ผู้บริโภค มีการสนับสนุนจากแฟรนไชส์ซอร์ และต้องรู้จักปรับตัวระยะยาว 

3.อย่าละเลยการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ
 

หลายๆ แบรนด์แฟรนไชส์ที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทย จะมีโครวงการหรือกิจกรรมการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ให้กับพาร์ทเนอร์หรือสาขาแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง แฟรนไชส์ซีจะไปเองหรือส่งผู้จัดการร้านไปแทนก็ได้ แต่ควรเข้าร่วมกิจกรรมของทางแฟรนไชส์ซอร์ทุกครั้ง เพื่อที่จะเรียนรู้ระบบใหม่ๆ สามารถปรับตัวได้ทัน และพัฒนาทักษะได้อย่างถูกต้อง

4.อย่าซื้อแฟรนไชส์โดยไม่ศึกษาข้อมูล
 
การซื้อแฟรนไชส์โดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุนสูง ไม่โดนหลอก ก็ไม่มีลูกค้า ขายไม่ได้ ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจลงทุนควรเปรียบเทียบธุรกิจแฟรนไชส์ที่ตัวเองชอบอย่างน้อย 3-5 แบรนด์ ดูงบการลงทุน ระยะเวลาคืนทุน ทำเลเปิดร้าน ลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ การสนับสนุนจากแบรนด์ และควรลงพื้นที่สอบถามสาขาแฟรนไชส์ วิเคราะห์จำนวนลูกค้าเข้าร้านด้วย เพื่อจะได้ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เหมาะสมและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด 
 

Do สำหรับแฟรนไชส์ซอร์ (คนขาย)

1.สนับสนุนแฟรนไชส์ซีครบถ้วนเพียงพอ 
 

ก่อนจะขายแฟรนไชส์ควรวางระบบให้การช่วยเหลือและสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างครบถ้วนเพียงพอตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมก่อนเปิดร้าน พัฒนาทักษะหลังเปิดร้าน การบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่เพียงพอ การทำการตลาด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ตลอดจนเครื่องมือการทำธุรกิจที่จำเป็นสำหรับแฟรนไชส์ซี

2.เปิดเผยข้อมูลและสื่อสารอย่างชัดเจน
 
เป็นสิ่งที่เจ้าของแฟรนไชส์จะต้องทำมากที่สุดก่อนจะขายแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบโครงสร้างแฟรนไชส์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ระยะเวลาคืนทุน รายละเอียดในสัญญาแฟรนไชส์ สินค้าและบริการ ลูกค้าเป้าหมาย ตลอดนโยบายการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในธุรกิจ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาเหมือนกรณี SUBWAY ที่มาตรฐานสินค้าเปลี่ยนจากการไม่ชัดเจนในการสื่อสารไปยังสาขา 

3.ตรวจสอบมาตรฐานสาขาแฟรนไชส์ซี


อีกหนึ่งหน้าที่ของแฟรนไชส์ซอร์ในการสร้างการเติบโตให้กับเครือข่ายแฟรนไชส์ นั่นคือ การมีระบบตรวจสอบมาตรฐานสาขาแฟรนไชส์ซี ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการร้าน การจัดวางสินค้าและบริการ การให้บริการลูกค้าของพนักงาน การดูแลรักษาความสะอาด ในต่างประเทศให้ความสำคัญมาก เพื่อให้ธุรกิจทุกสาขามีคุณภาพมาตรฐานและภาพลักษณ์แบบเดียวกัน

4.รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟรนไชส์ซี
 
หน้าที่อีกอย่างหนึ่งที่แฟรนไชส์ซอร์ต้องทำ คือ การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเครือข่ายแฟรนไชส์ซีแต่ละสาขา มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอกับแฟรนไชส์ซี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดอายุสัญญา
 

Don't สำหรับแฟรนไชส์ซอร์ (คนขาย)
1.อย่าหวังผลกำไรจากแฟรนไชส์ซีอย่างเดียว
 

รายได้ของแฟรนไชส์มาจากหลายทาง อาทิ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า, ค่า Royalty Fee, ค่า Marketing Fee, ค่าวัตถุดิบและสินค้า, ค่าจัดส่งวัตถุดิบ, ค่าต่ออายุสัญญาแฟรนไชส์ ฯลฯ โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรนำไปดูแลและสนับสนุนแฟรนไชส์ซีให้ประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้ภาพลักษณ์แข็งแกร่ง แฟรนไชส์ซอร์ไม่ควรหาผลกำไรจากการขายแฟรนไชส์เพียงอย่างเดียว 

2.อย่าขายแฟรนไชส์โดยไม่รู้เรื่องแฟรนไชส์
 
ยกตัวอย่างกรณีแฟรนไชส์ “ลูกชิ้นเชฟอ้อย” ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปลายปี 2566 เป็นปัญหาความขัดแย้งกันระหว่างแฟรนไชส์ซอร์กับแฟรนไชส์ โดยเชฟอ้อยไม่มีความรู้เรื่องแฟรนไชส์ดีพอ ไม่มีการสร้างระบบแฟรนไชส์ที่เพียบพร้อม ทำให้เกิดปัญหาการบริหารและจัดส่งสินค้าและอุปกรณ์ ตลอดจนปัญหาเรื่องของสัญญาแฟรนไชส์ที่ไม่กำหนดหน้าที่ของแต่ละฝ่ายชัดเจน 

3.อย่าเพิกเฉยต่อปัญหาที่แฟรนไชส์ซีรายงาน
 

ข้อนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก หากแฟรนไชส์ซอร์ต้องการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดอายุสัญญา โดยเมื่อมีหากมีปัญหาหรือข้อร้องเรียนจากแฟรนไชส์ซี แฟรนไชส์ซอร์ควรให้ความสำคัญและเร่งแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แต่ละสาขาของแฟรนไชส์ซีดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่ต้องสะดุด 
 
4.อย่าทำระบบแฟรนไชส์ซับซ้อนเกินไป
 
หลักการของระบบแฟรนไชส์ที่ดีต้องสามารถถ่ายทอดให้กับคนอื่นได้ง่าย เจ้าของธุรกิจที่อยากขายแฟรนไชส์ไม่ควรวางระบบแฟรนไชส์หรือระบบการทำงานต่างๆ ที่ซับซ้อนเกินไป จนไม่สามารถถ่ายทอดหรือสอนคนอื่นได้ เพราะถ้าแฟรนไชส์ซีปฏิบัติตามยากอาจส่งผลเสียต่อมาตรฐานของแบรนด์ในอนาคตได้ ควรทำให้กระบวนการต่างๆ ง่ายและชัดเจนที่สุด
 
สุดท้าย การทำธุรกิจแฟรนไชส์ให้ประสบความสำเร็จ แฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซีต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากแฟรนไชส์ซีและแฟรนไชส์ซอร์ปฏิบัติตามหลักการ Do & Don't เหล่านี้ อาจจะช่วยให้ทั้งแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซีสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
837
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
577
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
498
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
476
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
469
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
442
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด