บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
417
2 นาที
29 เมษายน 2567
Me Too Franchise ใครทำไร ฉันทำมั่งด้านมืดของวงการธุรกิจ!
 

การที่มนุษย์ลอกเลียนพฤติกรรมดารา นักร้อง เพราะหวังว่าเราจะเป็นที่ยอมรับเหมือนกับคนดังนั้นด้วยในทางธุรกิจก็ไม่ต่างกัน แบรนด์ไหนดัง สินค้าไหนดี แบบนี้ต้อง “ทำตาม” 
 
วิธีแบบใครทำไร ฉันก็ทำมั่ง เขาเรียกว่า Me Too Marketing เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในการดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้า โดยทำตามแบรนด์ใหญ่
 
สังเกตให้ดีว่าทุกวันนี้เราเห็น me too product อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม แชมพู สบู่ สกินแคร์ เครื่องปรุง ไปจนถึงแอปพลิเคชันต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • ยาคูลต์ VS บีทาเก้น VS เมจิ ไลฟ์
  • ลิโพ VS เอ็มร้อย VS กระทิงแดง VS ฉลามบุก VS คาราบาวแดง VS โลโซดี 
  • เป๊บซี่ VS โคล่า VS แฟนตา VS สไปท์
  • เลย์ VS ก๊อบกอบ VS เทสต์โต
  • ฮานามิ VS สแน๊คแจ๊ค VS ปาปริก้า
นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอีกหลายอย่างที่ล้วนแต่มีสินค้าในลักษณะที่ใกล้เคียงกันเพียงแต่ต่างแบรนด์ ต่างยี่ห้อ เป็นตัวเลือกให้คนได้ตัดสินใจซื้อมากขึ้น ถ้าจะมองในอีกมุมหนึ่ง Me Too Marketing ก็ไม่ต่างจากการที่ธุรกิจมีคู่แข่ง
 
เหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไม Me Too Marketing ถึงได้รับความนิยม

  • ไม่ต้องลองตลาดใหม่ เพราะมีเจ้าแรกมาเปิดตลาดให้แล้ว มองเห็นผลชัดเจนว่าจะขายได้หรือขายไม่ได้
  • มีกลุ่มลูกค้าที่เชื่อว่าหากผลิตสินค้าออกมาจะต้องขายได้แน่ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่จำเจ
  • สามารถต่อยอดจากเจ้าเดิมที่ทำตลาดอยู่เพื่อให้สินค้าเราดีกว่าถูกใจลูกค้าได้มากกว่า
  • ทำตามย่อมง่ายกว่าทำเอง 
แต่ในมุมส่วนของแบรนด์ที่เลือกเป็นผู้ตาม การเข้าสู่ธุรกิจด้วยทางลัดแบบนี้ ถ้าอยากจะสลัดภาพของแบรนด์ว่าเป็นแค่ผู้ตามก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเอง ติดกับดักความสำเร็จที่อาศัยรากฐานจากแบรนด์อื่นแล้วอาศัยแค่กลยุทธ์การทำราคาที่ถูกกว่าหรือ การจัดโปรโมชันเพื่อสร้างยอดขายเพราะจะไม่เป็นการดีต่อการสร้างแบรนด์ในระยะยาว

สิ่งสำคัญต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ แล้วเร่งสร้างภาพจำให้คนอยากติดตาม โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเช่นทุกวันนี้คนยังเรียกผงซักฟอกว่า “แฟ้บ” อะไรก็ตามที่มาที่หลังก็จะถูกเหมารวมว่าเป็น “แฟ้บ” ทั้งที่ก็มีชื่อแบรนด์ของตัวเอง แต่คนกลับไม่ค่อยจดจำตรงนั้น
 
 
ภาพของการเลียนแบบหรือทำตามกันยิ่งเด่นชัดมากในวงการแฟรนไชส์ ซึ่งเราอาจจะเรียกว่าเป็น Me Too Franchise ได้เช่นกัน อะไรที่ขายดี เปิดตัวมาแล้วคนฮิต มักจะเกิดธุรกิจที่ทำตามเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น
  • กระแสของร้านชานมไข่มุกที่ฮิตมาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ราคา 25 บาท มาจนถึง ราคา 19 บาท หรือในยุคที่ฮิตกาแฟถุงกระดาษ สังเกตว่ามีคนแห่ทำตามกันมาก จนลูกค้าเลือกไม่ถูกว่าอยากได้สินค้าแบรนด์ไหน 
  • หรือ เจปัง ที่มีเมนูสุดฮิตอย่าง ขนมปังย่างเนย ใส่ไอศกรีม พอเปิดตัวมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ปรากฏว่ามีร้านที่ทำสินค้าในแบบเดียวกันนี้เยอะมาก 
  • ร้านหมูปิ้งก็ Me Too Franchise ในช่วงหนึ่งจะเห็นว่ามีคนมาทำธุรกิจนี้เยอะมากโดยเน้นทำเป็นหมูปิ้งเสียบไม้ส่งขายให้คนที่สนใจเอาไปขายต่อ ในภายหลังก็เริ่มเงียบเหงาและที่เหลืออยู่คือตัวจริงในธุรกิจนี้เท่านั้น
  • แม้แต่พวกแฟรนไชส์หม่าล่า , ชาบู , ร้านสะดวกซัก ก็ยิ่งชัดเจนว่าเกิด Me Too Franchise เยอะมาก ทำเลไหนที่เปิดมาแล้วลูกค้าสนใจมาก เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานเกินรอจะต้องมีแบรนด์อื่นมาเปิดแข่งในไม่ช้า

ทั้งนี้หลายคนอาจจะมองว่าสินค้าที่เลียนแบบ อย่างไรก็สู้แบรนด์ที่คิดค้นมาเจ้าแรกไม่ได้ แต่การไม่ได้เป็นเจ้าตลาด ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเลย อีกทั้งการเพิ่มคู่แข่งในตลาดสินค้า คนที่ได้เปรียบที่สุดก็คือ ผู้บริโภค ซึ่งสามารถเลือกสินค้าที่ดีที่สุด ในราคาที่พึงพอใจที่สุด
 
 
ในมุมกลับกัน Me Too Marketing ยังสะท้อนประโยชน์ในอีกหลายแง่มุม เหมือนที่ D. Johnson นักธุรกิจและนักเขียนชื่อดัง ได้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้ไอเดียธุรกิจแป้กจนหาคู่แข่งไม่ได้ มีอยู่ 4 ข้อ ได้แก่
  1. เป็นสินค้าที่ไม่มีใครต้องการ เช่น ตะเกียบติดพัดลม คอยช่วยเป่าให้อาหารร้อนเย็นเร็วขึ้น ไอเดียดูเท่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครคิดอยากทำตาม
  2. ตลาดเล็กเกิน เป็นสินค้าหรือไอเดียสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าน้อยจนแทบไม่คุ้มค่าในการลงทุนทำตาม มองเห็นแล้วว่าไม่มีกำลังซื้อแน่
  3. ธุรกิจไม่มีกำไร ถ้าเป็นการทำตามที่ประเมินแล้วว่าต้องขาดทุนนานหลายปี หรือมีความเสี่ยงสูง ไม่คุ้มค่าที่จะลงมาเสี่ยงสู้ด้วย
  4. อุปสรรคใหญ่เกินไปในการเข้าสู่ตลาด เช่น เป็นธุรกิจที่ต้องมีสัมปทาน ต้องทำประชาพิจารณ์ ต้องผ่านข้อกฎหมายสารพัด หรือต้องใช้เงินทุนสูงมาก ความยุ่งยากเหล่านี้ทำให้คู่แข่งไม่เกิดใหม่ง่าย ๆ 
โดยสรุปแล้ว Me Too Marketing = การแข่งขัน ซึ่งมีประโยชน์ที่จะกระตุ้นให้แต่ละแบรนด์พยายามหาวิธีการสื่อสาร และสร้างสรรค์การตลาดใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้ถูกคู่แข่งแย่งตัวลูกค้าไปซึ่งเรื่องนี้ ก็จะช่วยให้แบรนด์สร้าง Engage และความผูกพันกับลูกค้าอีกทั้งช่วยให้แบรนด์ มีความ Active อยู่เสมอ มีการปรับตัวให้ก้าวทันคู่แข่ง และการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนขึ้นในระยะยาว
 
และยังเป็นการวัดพลังของแบรนด์ได้ดีด้วย ใครที่ไม่ใช่ตัวจริงรับมือกับการแข่งขันได้ไม่ดี หรือไม่เคยเจอการแข่งขันเลย ก็จะไม่มีภูมิต้านทานทางธุรกิจ และสุดท้าย สักวันก็คงต้องลาจากวงการไป เพราะการแข่งขันในโลกแห่งธุรกิจ นับเป็นการคัดสรรโดยกลไกตลาดให้เหลือเพียงตัวจริง ที่พร้อมจะก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
7 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนพฤษภาคม 2567
5,869
รวม 10 แฟรนไชส์ขายดี หน้าร้อน เป็นเจ้าของร้านได้..
834
แฟรนไชส์ธุรกิจยานยนต์ ยอดขายโต ยอดบริการโตกว่า!
510
เจาะใจ! แฟรนไชส์ซี “คาเฟ่ อเมซอน” พร้อมเทคนิคสมั..
481
จริงมั้ย? ลงทุนแฟรนไชส์ ไก่ย่าง 5 ดาว ได้ไม่คุ้ม..
477
แฉ! ทุกข์แฟรนไชส์ซี ทำไมเลิกสัญญาแฟรนไชส์ ยากกว่..
460
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด