บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
2.3K
3 นาที
23 สิงหาคม 2566
ย้อนรอย “เจ้าสัวธนินท์” ซื้อ 7-Eleven ตอนแรกถูกปฏิเสธ พอซื้อมาเกือบเจ๊งมาแล้ว 
 

เส้นทางการเติบโตของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปีที่แล้ว มีจุดเริ่มต้นเมื่อ บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เซ็นสัญญาซื้อสิทธิประกอบกิจการค้าปลีก (License) จากบริษัท เซาท์แลนด์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น เซเว่นอีเลฟเว่น อิงค์ เจ้าของคือญี่ปุ่น) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2531 เปิดสาขาแรกที่หัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532 ให้บริการ 24 ชั่วโมง 

ภาพจาก https://citly.me/2oX6N
 
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2562 เจ้าสัวธนินท์ ได้เล่าเรื่องที่มาที่ไปของ 7-Eleven ในหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” ไว้ได้อย่างน่าสนใจ เจ้าสัวธนินท์ บอกว่า เขาได้เห็นอเมริกาประสบความสำเร็จกับ 7-Eleven มาแล้ว และเจ้าสัวธนินท์ได้ศึกษามาแล้วว่า หากนำร้าน 7-Eleven เข้ามาเปิดในไทย น่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน

ภาพจาก https://citly.me/2oX6N
 
แต่การนำร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เข้ามาเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในตอนแรกบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกามองข้ามความคิดของเจ้าสัวธนินท์ ด้วยการปฏิเสธไม่ขายสิทธิแฟรนไชส์ให้ เพราะมองว่า GDP ต่อหัวของคนไทยน้อยเกินไป คนไทยมีกำลังซื้อน้อย เพราะหากเทียบลูกค้าในอเมริกา 1 คนจะมียอดซื้อ 1 บิลเท่ากับคนไทย 15 คนรวมกัน
 
แต่เจ้าสัวธนินท์ให้เหตุผลว่า แม้ประชากรในเมืองไทยจะน้อย แต่ต้นทุนในไทยถูกกว่าอเมริกาถึง 10 เท่า ทั้งต้นทุนการสร้างสาขา พนักงาน และต้นทุนสินค้า แม้ว่าคนไทยจะมีรายได้น้อยกว่าก็จริง แต่เมื่อรวมหลายๆ คนแล้ว ยอดขายก็ไม่แพ้อเมริกา แถมลงทุนต่ำกว่าสหรัฐอีก เพราะที่ดินเมืองไทยถูกกว่า ค่าจ้างแรงงานก็ถูกกว่า
 
ในช่วงที่เจ้าสัวธนินท์คิดจะเปิดร้าน 7-Eleven ยังมีเสียงคัดค้านว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ฉลาด เพราะคนฉลาดจะลงทุนในสิ่งที่ทำสำเร็จง่ายๆ แต่เจ้าสัวธนินท์กลับมองว่าแม้ 7-Eleven จะสำเร็จได้ยาก แต่ถ้าทำสำเร็จจะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตยั่งยืน ในที่สุดร้าน 7-Eleven สาขาแรกในประเทศเปิดให้บริการที่หัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532
 
“การศึกษา” วิธีแก้วิกฤติของหายใน 7-Eleven 
 

หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี ค.ศ.1990 “คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้เขียนคำนิยมในหนังสือการ์ตูน “Challenge เซเว่นอีเลฟเว่น” ได้รับภารกิจอันหนักหน่วงจาก เจ้าสัวธนินท์ ให้มาช่วยกอบกู้ 7-Eleven ในประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นมี 27 สาขาเท่านั้น แต่มียอดขาดทุนสะสม และยังขาดทุนต่อเนื่องทุกเดือน จนดูเหมือนเป็นธุรกิจที่ไร้อนาคต 
 
ปัญหาการขาดทุนของร้าน 7-Eleven ในช่วงแรกๆ คือ มีอัตราการสูญหายของสินค้า 2.5% ต่อเดือน คือ หมายความว่า ถ้า 7-Eleven มีมูลค่าสินค้าสต็อกอยู่ 100 บาท จะมีมูลค่าของที่หายไป 2.5 บาท ในแต่ละเดือน โดยทั่วไปแล้วอัตราการหายของสินค้าในธุรกิจค้าปลีกไม่ควรเกิน 1% ต่อเดือน พอของหายจำนวนมากส่งผลกระทบต่ออัตราการทำกำไร ยิ่งไปกว่านั้น กว่า 8 ใน 10 ของสินค้าที่หายไป ถูกตรวจสอบได้ว่าเป็นฝีมือของพนักงานในร้านเอง อีกทั้งในแต่ละเดือนบริษัทยังมีอัตราการลาออกของพนักงานสูง ทำให้ 7-Eleven ต้องหาพนักงานใหม่ราวๆ เดือนละ 1,500 คน
 
วิธีแก้ปัญหาของคุณก่อศักดิ์ ก็คือ “ให้การศึกษา” เพราะเขามองว่าพนักงานจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาประจำสาขา หลายคนขาดโอกาสทางการศึกษา หากพนักงานได้รับโอกาสน่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ไม่มากก็น้อย หลังจากนั้นได้ส่งพนักงานไปเรียนหลักสูตรที่ทาง CP ออกแบบให้กรมอาชีวศึกษา โดยเริ่มจากทาง 7-Eleven เข้าไปคุยกับกรมอาชีวศึกษา
 
 
วิธีให้การศึกษาแก่พนักงานเป็นการสร้างโอกาสที่ดีในชีวิต พนักงานจะรู้สึกว่าหาก 7-Eleven ไปไม่รอด เขาจะอดเรียนหนังสือ หากใครเรียนดีมีโอกาสได้เป็นผู้จัดการร้าน ทำให้พนักงานรู้สึกมีความเป็นเจ้าของ คอยช่วยกันดูแลกิจการให้ดำเนินต่อไปได้ คุณก่อศักดิ์บริหารกิจการแบบนี้ควบคู่ไปกับการลงทุนในเรื่องระบบควบคุม และตรวจเช็คสต็อกสินค้าในแต่ละสาขา ภายใน 1 ปี 7-Eleven มีอัตราการลาออกลดลง 3 เท่า มีอัตราการสูญหายสินค้าลดลงจาก 2.5% เหลือไม่เกิน 1% หลังจากคุณก่อศักดิ์มาบริหารได้ 2 ปี ก็ทำให้ 7-Eleven สามารถขยายสาขาได้กว่า 100 สาขา
 
ผ่านไปถึงช่วงปี 2005 ร้าน 7-Eleven ในไทยมีจำนวนกว่า 3,000 สาขา ยังขยายตัวต่อเนื่องเกินเป้าหมายของบริษัท คุณก่อศักดิ์ได้เขียนคำนิยมในตอนท้ายด้วยว่า การบุกเบิกร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่า “ไม่มีสูตรสำเร็จของความสำเร็จ” แม้ว่าธุรกิจนั้นๆ จะประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา แต่ทีมงานของญี่ปุ่นก็ยังต้องประยุกต์ ดัดแปลง และริเริ่มในสิ่งที่ 7-Eleven ของอเมริกาไม่เคยทำ เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่น 
 
เช่นเดียวกับ 7-Eleven ในประเทศไทยก็ไม่เหมือนกับ 7-Eleven ในญี่ปุ่นและอเมริกา แม้ว่าไทยจะเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากเขา แต่ก็ต้องลองผิดลองถูกจนเกิดเป็นองค์ความรู้ของตนเอง และประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ ปัจจุบัน 7-Eleven มีจำนวนสาขามากกว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศ มีจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 916 คน มียอดซื้อต่อบิล 84 บาท คิดเป็นยอดขายเฉลี่ย 76,582 บาทต่อสาขาต่อวัน รวมยอดขายรายเดือนเฉลี่ย 2,297,460 บาท
 
ทำไม 7-Eleven ต้องเติมเครื่องดื่มจากด้านหลัง
 

แนวความคิดการเติมเครื่องดื่มในตู้แช่เย็นจากด้านหลังของตู้เย็นใน 7-Eleven เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก สาเหตุเพราะขณะที่กำลังตกแต่งร้านสาขาแรกที่ญี่ปุ่น ที่มีพื้นที่เล็กมาก แต่ตู้เย็นของ 7-Eleven ที่ส่งมาจากอเมริกามีขนาดใหญ่เกินไป จึงไม่สามารถย้ายเข้าไปในร้านได้ ด้วยความที่ญี่ปุ่นมีพื้นที่ที่เล็ก จึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนใช้ตู้เย็นขนาดเล็ก ซึ่งจะแช่สินค้าได้น้อยลง เมื่อสินค้าหมดก็จะต้องเติมบ่อย อาจทำให้ตู้เย็นมีความเย็นไม่พอ หรือไม่ก็เย็นช้า
 
“โมริโอะ คางาวะ” เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดัดแปลงตู้แช่ของร้าน 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น จึงได้คิดหาวิธีเติมเครื่องดื่มจากทางด้านหลังของตู้เย็น เพื่อให้สามารถเติมเครื่องดื่มให้ได้ตลอดเวลาและมีความเย็นทันเวลา ทำให้ขวดหรือสินค้าที่เย็นแล้วไหลมาอยู่ด้านหน้า ส่วนขวดที่เพิ่งเติมที่มีความเย็นน้อยจะอยู่ทางด้านหลัง
 
ขณะเดียว การเติมเครื่องดื่มจากด้านหลังของตู่แช่ตลอดเวลา ก็ไม่เป็นการรบกวนการเลือกซื้อของลูกค้าอีกด้วย ซึ่งด้านหลังของตู้แช่ จึงเป็นห้องที่เย็นมากเพื่อให้การเติมเครื่องดื่มไม่ลดความเย็นของสินค้าในตู้แช่
 
Store Business Partner กลยุทธ์ขยาย 7-Eleven ในไทย
 

ปัจจุบันร้าน 7-Eleven ในประเทศไทยเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเป็น Store Business Partner มีให้เลือกลงทุน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบราคา 1,480,000 บาท อายุสัญญา 6 ปี ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีเงินเดือน 29,000 บาท ต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้ได้ตามงบ ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนะครับไม่ใช่ยอดขาย ค่าใช้จ่ายมีค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์หลัก ถ้าบริหารแล้วได้ตามเป้างบค่าใช้จ่าย จะมีปันผลจากยอดกำไรแบบขั้นบันไดให้ 20-30%
 
รูปแบบราคา 2,630,000 บาท อายุสัญญา 10 ปี ผู้ซื้อแฟรนไชส์มีรายได้จากส่วนแบ่งกำไร 54% (ยังไม่ได้หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ ในร้าน) ซีพีออลล์ 46% ในส่วนเงินค้ำประกันของทั้ง 2 รูปแบบ จะได้รับคืนเมื่อสิ้นสุดการบริหาร โดยจะได้รับดอกเบี้ยคืนทุกปี ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารกรุงเทพ ณ วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี  
 
ปัจจัยสำเร็จของการเป็น Store Partner ร้าน 7-Eleven นอกจากทำเลที่ตั้ง จำนวนลูกค้า การบริหารจัดการบุคลากรแล้ว คนที่เป็น Store Partner ควรดูแลร้านด้วยตนเองและมีคนที่ไว้ใจ 1 คนมาช่วยทำงานด้วย ช่วยเป็นหูเป็นตา บางครั้งพนักงานในร้านอาจจะโกงเงิน ขโมยสินค้า หรือทำให้ร้านเสียหาย ไม่มีความเป็นมาตรฐาน จนถูกยกเลิกสัญญาได้ 
 
เจ้าของธุรกิจ หรือผู้สนใจทำแฟรนไชส์ สนใจรับคำปรึกษาวางระบบแฟรนไชส์ คลิก https://www.thaifranchisecenter.com/seminar/franchise_course.php
 
เจ้าของธุรกิจสนใจบริการจดเครื่องหมายการค้าแฟรนไชส์ คลิก https://www.thaifranchisecenter.com/trademark/  

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
984
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
704
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
643
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
593
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
576
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
556
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด