บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การหาลูกค้า วิจัยทางการตลาด
1.5K
2 นาที
30 กันยายน 2564
รวม 7 วิธีดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่าย! เมื่อ COVID เริ่มคลี่คลาย
 

ตัวเลขของผู้ติดเชื้อ COVID 19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสัญญาณเปิดประเทศของรัฐบาลที่คาดว่าจะเอาจริงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นับถึงตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้น ดูได้จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะเริ่มขยับขยาย ไม่นับรวมบรรดากิจการร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจต่างๆ ที่เริ่มกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าการเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านการแพร่ระบาด COVID 19 อาจเป็นเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องคิดหากลยุทธ์การตลาดอย่างหนักเพราะจากช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมาส่งผลต่อรายได้ของคนไทยอย่างมาก ถึงขนาดที่มีการประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปีนี้จะลดลงเหลือ 0.8-1.6% เท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ภาคธุรกิจควรต้องรู้คือตอนนี้คนไทยมีกำลังซื้อมากแค่ไหนเพราะจากการแพร่ระบาด COVID ที่ผ่านมาผลการสำรวจระบุชัดเจนว่า คนไทยกว่า 76% มีรายได้ที่ลดลงอย่างมาก
 
ดังนั้นสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องรู้คือจะหาวิธีไหน หรือทำอย่างไร เพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่ายได้มากที่สุด และต้องไม่ลืมว่าต่อจากนี้การทำธุรกิจต้องเป็นวิถีใหม่ๆ ที่การตลาดแบบเดิมๆ ไม่สามารถใช้ได้ผลอีกต่อไปเพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
 
รวมวิธีดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่ายหลัง COVID เริ่มคลี่คลาย  
1.เน้นการใช้โฆษณาที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ผ่อนคลายความรู้สึก
 

ภาพจาก https://www.freepik.com/
 
การแพร่ระบาด COVID ที่ผ่านมาทำให้คนไทยเครียดหนักมาก หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น กิจการที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ควรหันมาใช้การโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ที่ทำให้ลูกค้าเห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสบายใจ อาจจะเป็นการนำเสนอข้อดีของสินค้าที่เรามี ที่แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าจะช่วยให้รู้สึกดีหรือประทับใจได้มากแค่ไหน

2.การตลาดออนไลน์ต้องมาอันดับหนึ่ง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3CWgpwk

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาการตลาดออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจและต่อจากนี้ก็เช่นกัน ธุรกิจไหนที่ไม่หันมาทำตลาดออนไลน์จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้ยาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และเชื่อได้ว่าการแข่งขันในตลาดออนไลน์ต่อจากนี้จะยิ่งสูง คนทำธุรกิจจึงควรหาวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่แปลกใหม่เข้ามาร่วมด้วย เช่น IKEA เปิดแอปพลิเคชัน Virtual Escape Rooms และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Snapchat มาเล่นเกมแปลงโฉมห้องใหม่ เป็นต้น
 
3.เน้นกลยุทธ์ Direct to Consumers (D2C) มากขึ้น
 

ภาพจาก https://www.freepik.com/

นับจากนี้เราจะได้เห็นกลยุทธ์ Direct to Consumers (D2C) หรือ การขายสินค้าปลีกผ่านช่องทางเจ้าของแบรนด์โดยตรงมากขึ้น แทนที่จะใช้กลยุทธ์ Business to Business (B2B) หรือ การขายสินค้าโดยผ่านคนกลาง หรือผ่าน E-marketplace ต่างๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างกระชับ และธุรกิจสามารถปิดการขายได้แบบ door-to-door เช่น การขายเนื้อสัตว์โดยตรงจากฟาร์มส่งถึงมือลูกค้า เป็นต้น
 
4.ใช้นวัตกรรมเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า
 
ภาพจาก https://bit.ly/39RW8M0

การแพร่ระบาดของ COVID ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เรื่องความสะอาด เรื่องสุขภาพมากขึ้น การทำธุรกิจแบบเดิมๆ ต้องเปลี่ยนโฉมใหม่ ควรหันมาใช้นวัตกรรมเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยี Air Touch หรือเครื่องจ่ายเครื่องดื่มแบบไม่ต้องสัมผัส หรือการใช้เครื่องการจ่ายเงินแบบ QR CODE ให้ลูกค้าไม่ต้องใช้จ่ายด้วยเงินสดเป็นต้น
 
5.ใช้การตลาดแบบบอกต่อ (Referral Marketing)
 
ภาพจาก https://pixabay.com/

ยุคนี้เป็นการตลาดออนไลน์เครื่องมือสำคัญที่ใช้ได้ดีเช่น การรีวิวสินค้าหรือบริการผ่านโพสต์ต่างๆของผู้บริโภคตัวจริง การพรีเซนต์สินค้าผ่าน Influencer หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆผ่าน ดาราหรือศิลปินที่ผู้บริโภคชื่นชอบผ่านช่องทางส่วนตัวเช่น ไอจีส่วนตัวหรือ tiktok เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดึงดูดลูกค้าให้สนใจได้มาก ซึ่งแน่นอนว่าพลังของการตลาดแบบบอกต่อสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของร้านค้าได้มาก หากไม่ต้องลงทุนไปจ้างรีวิวหรือจ้างพรีเซนเตอร์
 
6.เน้นขยายฐานลูกค้าเก่ามากกว่าหาลูกค้าใหม่
 

ภาพจาก https://www.freepik.com/

ปัจจุบันการหาลูกค้าใหม่ต้องอาศัยต้นทุนที่สูงมากกว่าเดิมเนื่องจากต้นทุนในการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเช่น ต้นทุนในการโฆณาต่างในเพจ ในไอจีมีราคาเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการขยายฐานลูกค้าเก่าคือเราต้องนำเอาสินค้าใกล้เคียงกันมาขายหรือการติดตามลูกค้าเก่าเพื่ออัพเดตสินค้าหรือบริการที่เขาเคยซื้อเราและหากต้องการขยายลูกค้าใหม่ต้องเน้นเรื่องความคุ้มค่าให้มากขึ้น
 
7.ไม่ควรมั่นใจในการตลาดแบบ Brand loyalty 
 

ภาพจาก https://www.freepik.com/

สมัยก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของ COVID การใช้การตลาดแบบ Brand loyalty (ความภักดีต่อตราสินค้า) อาจใช้ได้ผล แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ลูกค้ากลุ่มนี้ก็หายไปด้วย เพราะก่อนมีการแพร่ระบาดผู้คนมักออกไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั่วไป ข้อจำกัดในการเปรียบเทียบราคาจึงมีไม่มากเพราะไม่สามารถเลือกสินค้าแบบเดียวกันโดยเปรียบเทียบราคาจากหลายๆร้านค้าได้แต่พอทุกคนหันมาลองใช้ระบบออนไลน์เราสามารถหาราคาสินค้าชนิดเดียวกันในหลายๆแพลตฟอร์ม ทำให้เกิดการเปรียบเทียบราคาได้ง่าย ความเป็น Brand loyalty จึงหายไปด้วย
 
การกลับมาอีกครั้งของการทำธุรกิจต้องอยู่ในวิถีแบบ Newnormal ที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงสิ้นเชิง การตลาดแบบเก่าไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากนี้ก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก การตลาดยุคใหม่จึงเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องศึกษาและก้าวตามให้ทัน รวมถึงต้องมีการวางแผนรับมือสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด