บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.9K
2 นาที
16 กันยายน 2562
5 เทคนิค เจอสงคราม “ราคา” ธุรกิจควรสู้อย่างไร
 

ในยุคที่การแข่งขันทางการค้ามีสูง เจ้าของธุรกิจและสินค้าต่างก็ต้องมองหากลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า จะทำอย่างไรให้ “คนสนใจ” ในยุคที่คู่แข่งมีมากสิ่งที่จะดึงดูดลูกค้าได้ดีที่สุดก็คือ “ราคา” ถามว่าคนขายของอยากขายของถูกหรือแพง คำตอบชัดเจนว่า “อยากขายแพง” แต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ คำว่า “สงครามราคา” จึงเกิดขึ้น
 
แม้ในความเป็นจริง “สงครามราคา” จะเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าธุรกิจยุคใหม่หลายแบรนด์บางทีก็ตกกระไดพลอยโจนมาเข้าร่วมสงครามนี้แบบไม่เต็มใจ ด้วยสงครามราคาคือ การแข่งขันกันลดราคาสินค้าของผู้ขายสินค้าเพื่อแย่งชิง ลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าของตนเองมากที่สุด เมื่อมีสงครามราคาเกิดขึ้นผู้ขายจะพยายามลดราคา สินค้าของตนให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเอาชนะคู่แข่งได้ ทำให้สินค้าชนิดนั้นมีราคาถูกลง 
 
โดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจมือใหม่ที่มักกังวลเรื่องการตั้งราคาโดยเฉพาะเมื่อต้องเปรียบเทียบกับราคาของคู่แข่งที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งเมื่อเจ้าของธุรกิจรายใหม่ก้าวเข้ามาก็มักตั้งราคาให้ถูกกว่ารายเก่าๆ เพื่อตัดราคา และหวังว่าจะขายสินค้าได้ พร้อมกับคาดหวังว่ากลุ่มเป้าหมายน่าจะสามารถซื้อหรือตัดสินใจใช้บริการได้ 


ภาพจาก bit.ly/2mjjTqI
 
การเล่นสงครามราคา (Price War) ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ คือร้านหมูกระทะซึ่งพอตั้งขึ้นมาร้านหนึ่ง ในบริเวณเดียวกันก็จะมีร้านหมูกระทะค่อยๆ ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด จาก 1 ร้านกลายเป็น 10 ร้าน จากราคา 199 บาทต่อหัว ก็ลดคุณภาพและการบริการเหลือ 179 บาทต่อหัว 159 บาทต่อหัว 139 บาทต่อหัว จนสุดท้ายก็ค่อยๆ สูญหายไปจากท้องตลาดเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้าน

ภาพจาก bit.ly/2lSgtLr
 
หรืออย่างร้านอินเทอร์เน็ตที่เคยรุ่งเรืองในช่วงยุคหนึ่งซึ่งให้บริการในราคาชั่วโมงละ 25 บาท เมื่อมีการเปิดร้านมากขึ้น บางร้านใหม่ๆ ก็ตัดราคาเหลือเพียงชั่วโมงละ 10 บาท ซึ่งเป็นสาเหตุให้หลายๆ ร้านต้องปรับราคาลงตาม และสุดท้ายก็เสียหายกันไปทั้งระบบ เจ็บกันไประนาวหลายต่อหลายราย
 
แต่ในเมื่อเราอยู่ในยุคที่บางทีก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสงครามราคาได้ลองมาดู 5 เทคนิคถ้าต้องเจอสงครามราคาเราควรทำยังไง
 
1.ทำสินค้าให้แตกต่าง หรือถ้าหาจุดเด่นของสินค้าและบริการ


ภาพจาก edtguide.com
 
แผนการนี้การันตีความสำเร็จในระยะยา โดยจุดเด่นของสินค้าและบริการอาจทำให้เราได้เปรียบกว่าคู่แข่ง ฉะนั้นวางตำแหน่งของสินค้าของเราให้ต่างจากคู่แข่งก่อนก่อนเสมอแต่แค่มีจุดเด่นอย่างเดียวบางทีอาจไม่พอเพราะเวลาผ่านไป คู่แข่งก็ต้องลอกเลียนทำตามเรา ดังนั้นธุรกิจเองก็ต้องเร่งพัฒนาสินค้าและบริการให้แปลกใหม่เพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าหยุดอยู่กับที่ก็มีแต่จะเจอสงครามราคาเล่นงานจนพังพินาศในที่สุด
 
2.เอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง


เราต้องคิดก่อนว่าลูกค้าต้องการอะไร? อะไรที่ลูกค้ายอมจ่ายให้ได้มา? ไม่ว่ากิจการของเราจะทำกลยุทธ์การตลาดอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร ช่องทางในการขายสินค้า และตัวสินค้าเอง ต้องตอบโจทย์ ต้องแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ เหมาะกับแต่ละคนได้ยิ่งดี ที่สำคัญอย่าคิดเอาเอาว่าลูกค่าอยากได้อะไร มีปัญหาอะไร ไปถาม ไปหาข้อมูลด้วย ลูกค้าถึงจะเห็นค่าของ สินค้าของเรา และเมื่อลูกค้าเห็นคุณค่าในสินค้าและบริการเรื่องราคาที่อาจจะแพงกว่าคู่แข่งก็ไม่ใช่ประเด็นที่ลูกค้าจะบิดพลิ้วไม่อยากจ่ายอีกต่อไป
 
3.ตั้งราคาตามคุณค่าของสินค้าของเรา ไม่ใช่ราคาของสินค้าคู่แข่ง


ภาพจาก bit.ly/2ko779S
 
การตั้งราคาสินค้าตามคุณค่าของตัวมันเองเป็นการบอกลูกค้าว่าสินค้านี้ไม่ใช่ของธรรมดาเหมือนคู่แข่ง มันพิเศษกว่าของคนอื่น นั่นจะทำให้สินค้าของเราเด่นออกมาจากสินค้าอื่นๆในสายตาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ฉะนั้นถึงจะตั้งราคาให้สูงกว่าคู่แข่ง หรือคู่แข่งจะลดราคาก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปและอย่าลืมคิดถึงต้นทุนเวลาตั้งราคาด้วย ซึ่งบางครั้งก่อนทำให้สินค้ามี Story ก็เป็นการอัพมูลค่าสินค้าที่บอกเล่าให้ลูกค้าทราบว่าเหตุใดสินค้านี้จึงมีราคาแตกต่างจากที่อื่น เมื่อรู้ที่มาคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าแพงกว่า ถูกกว่า เพราะอะไร
 
4.หาของราคาถูกและ “ต้นทุนต้องต่ำแต่คุณภาพดี” มาขาย


ภาพจาก painaidii.com
 
ถ้าเกิดเรามีของราคาถูกและ “ต้นทุนต้องต่ำ” มาทดแทนสินค้าของคู่แข่งได้ เราก็จะแข่งกับสินค้าของคู่แข่งได้เช่นกัน ลองใช้แบรนด์ที่ต่างจากคู่แข่งและแบรนด์อื่นๆของเรา ขายในจำนวนจำกัด เพื่อเอาไว้แข่งกับสินค้าคู่แข่งอย่างเดียว เหตุผลนั้นแยบยลมาก การทำแบบนี้ก็เพื่อเปลี่ยนความคาดหวังและทัศนคติของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายว่า สินค้าราคาถูก ต้องเป็นสินค้าที่มีประโยชน์และฟีเจอร์น้อยกว่า
 
ถ้าสินค้าราคาถูกต้นทุนถูกของเราทดแทนสินค้าของคู่แข่งได้ สินค้าของคู่แข่งจะดูมีคุณค่าน้อยลงไปเลย และนั่นก็ยิ่งทำให้สินค้าเดิมของเราโดดเด่นขึ้นไปอีก แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าจะใช้แผนนี้ได้ ตัวสินค้าทดแทนต้องทำกำไรไปด้วย หากสินค้าหลักของเราประสบปัญหาขายไม่ค่อยดี ก็จะมีสินค้าทดแทนคอยพยุงยอดขายและกำไรของกิจการ
 
5.ขายวิธีแก้ปัญหาให้ลูกค้า ไม่ใช่สินค้า


ภาพจาก trjournalnews.com/6468
 
เพราะไม่แน่ว่าคู่แข่งหน้าใหม่ต้นทุนถูกก็จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ทำให้สินค้าที่เราขายเป็นของธรรมดาไปเลย ฉะนั้นจงมองข้ามตัวสินค้า และโฟกัสไปที่การตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเสนอสินค้าพร้อมบริการที่เกี่ยวข้องให้ลูกค้าด้วย (เช่น บริการจัดส่ง) บริการที่เพิ่มขึ้นมาสะท้อนให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ของเราใส่ใจลูกค้าจริงๆ แน่นอนว่าคู่แข่งที่มาพร้อมกับต้นทุนต่ำสู้เราไม่ได้แน่ แต่ถ้าบริการที่ว่า เราไม่สามารถจัดเตรียมได้ ก็ต้องหาทางออกอื่นที่ดีกว่า เช่น การหาพาร์ทเนอร์มาร่วมกันทำธุรกิจ เป็นต้น
 
คำว่า “อ่อนแอก็แพ้ไป” ในวัฏจักรของการขายไม่ได้หมายความว่า “เราจะต้องยอมตั้งราคาสินค้าและบริการถูกๆ” เพื่อมาวัดสายป่านกันว่าใครทุนหนาก็ยืนหยัดได้นานกว่า ด้วยกลยุทธ์สงครามราคาเชื่อว่า “มีแต่เจ็บกับเจ็บ”  คนทำธุรกิจบางทีไม่ต้องเป็นทำตัว “ลู่ลม” แต่เรากำหนดขอบเขตราคาสินค้าเราได้ แม้ว่าคนยุคนี้จะมองเรื่อง สินค้าราคาถูกเป็นตัวตั้งแต่หากเราทำให้เขารู้ว่า แพงกว่านิดหน่อยแต่สิ่งที่เขาจะได้รับนั้นดีกว่าของถูกๆ ทั่วไป การสร้างยอดขายที่แท้จริงให้กับเราก็จะมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสู้ไปกับเกมส์ราคาที่มีแต่จะรอวันเจ๊งกับเจ๊ง เท่านั้น
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด