บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.2K
2 นาที
12 มิถุนายน 2562
7 ข้อดีทำงานตั้งแต่เด็ก! พลิกชีวิตให้เป็นเศรษฐีได้
 

ย้อนกลับไปสมัยเด็กอายุ 8-9 ขวบถามว่าตอนนั้นเราทำอะไร? อายุประมาณนี้ก็คงอยู่ประมาณ ป.3 หรือ ป.4 ถ้าพ่อแม่มีเงินหน่อยเราก็คงได้วิ่งเล่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์กันไป แต่บางคนชีวิตไม่ได้ดีขนาดนั้น อายุ 8-9 ขวบบางคนต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน

ชีวิตวัยเด็กของใครหลายคนอาจหดหายไปความสุขที่ควรจะมีบางทีกลับไม่มีแต่ในความโชคร้ายก็มีเรื่องดีๆ เพราะเด็กเหล่านี้มีโอกาสพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีได้มากกว่าเด็กที่อยู่อย่างสุขสบายชนิดที่แทบทำอะไรไม่เป็นเลย
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เห็นประวัติชีวิตของเจ้าสัวเมืองไทยหรือนักธุรกิจระดับโลกมากมายที่ช่วงชีวิตวัยเด็กดราม่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวไม่ว่าจะเป็น Steve Jobs , ลีกาซิงค์ , Jack Ma ฯลฯ คนเหล่านี้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าการทำงานหนักแต่เด็กไม่ใช่เรื่องโหดร้ายแต่มันคือใบเบิกทางสู่การเป็นเศรษฐีได้ดียิ่งขึ้น

ภาพจาก bit.ly/2F68GjG
 
พูดแบบนี้ก็ใช่ว่าจะให้เด็กๆ เลิกเรียนแล้วหันมาทำงานกันอย่างเดียว อย่างไรเรื่องการศึกษาก็ยังสำคัญลองสังเกตเด็กเก่ง เอาทั้ง Steve Jobs , Bill Gates และ Mark Zuckerberg ทุกคนเรียนหนังสือหมด แต่สังเกตให้ดีว่า เขาไม่ได้สนใบปริญญา เขาเรียนเอาแต่ความรู้ พอโอกาสมาปั๊บ ก็วิ่งเข้าใส่เลย
 
โลกนี้ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด เวลาชีวิตก็มีเท่าๆกันดังนั้น การที่คนนึงจะแตกต่าง กับ อีกคน อย่างมากมาย ก็แปลว่า คนๆนั้น ต้องฝึกมาแตกต่างประเด็นมันอยู่ที่ "เป้าหมาย" คนเก่ง มัก จะมุ่งไปหมายไปที่ การได้ "ความรู้" แต่คนส่วนใหญ่จะมุ่งที่ "เกรดและใบปริญญา"  สิ่งนี้เองที่ทำให้คนทั้งสองแตกต่างกันมาก
 
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้และได้ระบุว่า 2 สิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องมีเพื่อช่วยให้ชีวิตมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คือ ความรัก และการมีจริยธรรมในการทำงาน Julie Lythcott-Haims กล่าวถึงข้อสรุปของงานวิจัยว่า “จากการศึกษาวิจัยพบว่าความสำเร็จของลูก เริ่มต้นขึ้นจากการทำงานบ้านในช่วงวัยเด็ก ยิ่งให้ลูกเริ่มต้นเร็ว เขาก็จะยิ่งเรียนรู้ได้ดีขึ้น

ภาพจาก bit.ly/2MFESRh

แต่หากบ้านไหนสปอยล์ลูก ไม่ให้เขาลงมือทำงานอะไรเลย เขาก็จะคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องมีคนมาทำให้ แล้วเขาก็จะซึมซับพฤติกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย ซึ่งไม่เพียงแต่ทำงานบ้านเท่านั้น แต่อาจรวมถึงการเรียน การทำการบ้าน เป็นต้น
 
ยกตัวอย่าง Li Ka-shing นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จจากฮ่องกง เขาลาออกจากโรงเรียนและออกมาทำงานเพื่อหารายได้ช่วยครอบครัวตั้งแต่อายุ 15 เริ่มต้นจากการทำงานในโรงงานพลาสติก และให้ความพยายามอดทนและจัดกระบวนความคิดของตัวเองจนสุดท้ายก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีแม้จะตอนเด็กจะเริ่มจากคนที่ไม่มีอะไรเลยก็ตาม
 
ดังนั้นการทำงานหนักตั้งแต่เด็กจึงไม่ใช่โชคร้ายแต่ทว่ามันมีด้านดีๆ ที่ทำให้การันตีว่าโอกาสประสบความสำเร็จของคนประเภทนี้มีสูง
 
1.ได้รู้จักคุณค่าของเงิน
 

เมื่อเราเป็นเด็กเราย่อมรู้จักแต่เป็นฝ่ายรับ ไม่มีทางเลยที่เราจะรู้ว่าคุณค่าของเงินมันมากมายขนาดไหน จนกว่าเด็กคนนั้นจะได้ลองทำงานแลกเงินเอง สิ่งที่เขาจะได้คือรู้จักวางแผนการใช้เงินที่ได้มาอย่างยากลำบาก ก็เป็นอีกเส้นทางที่ทำให้ในอนาคตเรากลายเป็นคนที่วางแผนการเงินได้เก่ง และไม่ใช้เงินจนเกินตัว
 
2.รู้จักวางแผนการใช้ชีวิตตัวเอง
 

เด็กบางคนพ่อแม่ไม่มี ต้องอยู่กับญาติ หรืออยู่กับผุ้อุปการะ หลายคนก็กลายเป็นเศรษฐีเพราะรู้จักวางแผนชีวิตให้ตัวเอง ไม่ได้เอาจุดด้อยของตัวเองมาทำเป็นเรื่องใหญ่โต แต่กลับมีความพยายามที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้พ้นจากสภาพที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ นั้นคือการพยายามใช้ชีวิต อย่างมีเป้าหมายและแบบแผน
 
3.เรียนรู้ความผิดหวัง
 

ทุกการลงทุนไม่มีคำว่าสมหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้หากไม่เรียนรู้แต่เด็ก จะกลายเป็นคนที่ผิดหวังไม่เป็น อยากได้อะไรต้องได้ อยากมีอะไรต้องมี แต่การทำงานหนักๆเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง บางครั้งผ่านความเสียใจมานับไม่ถ้วนแต่วันที่ได้ในสิ่งที่ตั้งใจเส้นทางที่เดินผ่านมาคือความรู้สึกที่มีค่ามาก
 
4.รู้จักการแก้ปัญหาและหาทางป้องกันปัญหา
 

การทำงานแต่เด็กจะหล่อหลอมให้เราค่อยๆคิดแก้ปัญหาวิเคราะห์ปัญหา เหมือนกับการสะสมประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก จนเมื่อเราเติบโตเราจะมีภูมิหลังที่เคยเรียนรู้ว่าสิ่งที่เราเคยเจอมันมีค่ามาก นำไปสู่การแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาได้
 
5.มุมมองของทำธุรกิจจะกว้างขึ้น
 

มีคนกล่าวว่า “ตอนเราเป็นเด็กจะมีจินตนาการที่ผู้ใหญ่เองอาจคาดไม่ถึง” การทำงานหนักแต่เด็กอาจทำให้เราเกิดมุมมองที่แตกต่างออกไปและเป็นเป้าหมายให้เราเดินเพื่อก้าวไปให้ถึง นักธุรกิจหลายคนใช้จินตนาการที่มองเห็นจากตอนเด็กนี้กลายเป็นธุรกิจของตัวเองในตอนโตได้
 
6.พัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง
 

เมื่อทำงานแต่เด็กสิ่งที่ได้คือความรับผิดชอบต่อตัวเองที่ไม่ต้องมีใครมาคอยสั่งคอยสอน นั่นคือข้อดีที่เมื่อเราเติบโตขึ้นได้มีโอกาสทำงานสร้างฐานะเราจะกลายเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและรู้ลำดับว่าเราควรทำอะไรก่อนหลังถึงจะได้ผลดีที่สุด
 
7.โฟกัสเส้นทางที่ตัวเองจะเดินได้อย่างถูกต้อง


เด็กที่อยู่สุขสบายอยากได้อะไรก็ได้อยากมีอะไรก็มีชีวิตแทบจะเรียกว่าไม่มีเป้าหมาย แม้พ่อแม่จะวางเส้นทางชีวิตไว้ให้แต่ก็อาจไม่ใช่เส้นทางที่ตัวเองต้องการ แตกต่างจากเด็กที่ทำงานหนักแต่เด็กเขาจะมีเป้าหมายของตัวเองชัดเจน ว่าต้องการอะไร และเขาจะพยายามสุดฤทธิ์ที่จะก้าวไปตามเส้นทางที่เขาเลือกนั้น นั้นคือการโฟกัสเป้าหมายตัวเองที่เด็กคนไหนไม่เคยได้เจอกับความลำบากไม่มีทางมองเห็นได้
 
เด็กสมัยนี้โชคดีกว่าเด็กสมัยก่อนที่มีเทคโนโลยีเขามาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะการฝึกความสามารถเฉพาะทางเช่น ภาษาอังกฤษ ที่หากเรารู้จักใช้เครื่องมือโซเชี่ยลให้เกิดประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ถ้าทำควบคู่กับงานจะเสริมความสามารถของเราให้เติบโตได้เร็วขึ้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็เร็วขึ้นเช่นกัน
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
649
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
598
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
540
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
491
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
488
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
458
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด