ผมมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาฝากชาวเอสเอ็มอีกันอีกครั้ง เสน่ห์ของผู้ประกอบการรายนี้คือกระบวนการ “ฉุกคิด” และ “ฉลาดทำ” สามารถ Make THE Difference ในธุรกิจของตัวเองได้อย่างน่าเอาเยี่ยงอย่างครับ บริษัทของคนไทย 100% แต่ไปสร้างชื่อในต่างแดนจนโด่งดัง อย่าง แอกโกรนิก้า ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากข้าวโพดไซเดอร์หมักจากธรรมชาติ (Natural Corn Cider) แบรนด์ My Garden รายนี้ไม่ธรรมดาตั้งแต่วิธีคิดสร้างสรรค์สินค้าขึ้นมาเลยครับ

 

ถ้าใครยังไม่รู้จักข้าวโพดไซเดอร์ หรือคอร์นไซเดอร์นั้น ผมขออธิบายสั้นๆว่ามันเกิดจากกระบวนการผลิตน้ำส้มสายชูหมักจากน้ำข้าวโพดอ่อนเข้มข้นนั่นเองครับ ซึ่งไม่แตกต่างจากการนำแอปเปิ้ล องุ่น พลัม หรือลูกแพร์มาหมักใส่ยีสต์ลงไป และรอให้ได้ไซเดอร์ออกมาหรอกครับ

 

แต่มันเท่สุดๆ ตรงวิธีสร้างความต่างอันชาญฉลาดให้กับตัวโปรดักส์ และกระบวนการผลิต ของคุณทิพวรรณ ฦาชา ผู้จัดการทั่วไปของแอกโกรนิก้า เธอเล็งเห็นว่า “ข้าวโพดอ่อน” ผลผลิตของเกษตรกรไทยส่งออกไปทั่วโลกกว่า 60,000 ตันต่อปีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เต็มไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และสารแอนติออกซิแดนซ์ เข้ากับเทรนด์สุขภาพที่ฮิตกันไปทั่วโลก

เพราะสารเฟอรูลิกแอสิด (Ferulic Acid) ที่มีมากในข้าวโพดนั้นช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสาเหตุของโรคมะเร็ง ชะลอความชรา ปรับสมดุลในร่างกายและกำจัดพิษในร่างกาย และยังช่วยลดน้ำหนักจากไขมันบนร่างกาย โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ แถมผลลัพธ์ที่ตามมาคือ รสชาติของคอร์นไซเดอร์ อร่อยกว่า ออกหวานนิดๆ ไม่บาดคอ และมีกลิ่นหอม ไม่ฉุนเหมือนไซเดอร์จากผลไม้ต้นตำรับ อย่างแอปเปิ้ล
 

“ความแปลกใหม่จากสิ่งที่คุ้นเคย” แค่นี้ก็ชวนให้ต่างชาติที่นิยมดื่มไซเดอร์เป็นตัวเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารหันมาสนใจแล้ว แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับเอสเอ็มอีรายนี้ครับ เธอยกให้ “Food Innovation”  เป็นหัวใจของกระบวนการผลิต เพราะมั่นใจว่าสินค้าที่มีงานวิจัยจะได้รับความน่าเชื่อถือทั้งตลาดไทยและต่างประเทศอย่างแน่นอน

แต่ที่ผมต้องยกนิ้วให้ความกล้าของเธอ ก็เพราะตอนคิดจะทำไซเดอร์จากข้าวโพดนั้น ยังไม่มีความรู้เรื่องการผลิตเลยสักนิด แถมยังโชคไม่เข้าข้างเธออีก เพราะสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไม่มีงานวิจัยเรื่องนี้มาก่อนด้วย

 

เธอไม่ยอมแพ้ครับ เมื่อ “ไม่มี” ก็ต้อง “สร้างใหม่” จึงขอทำงานร่วมกันกับนักวิจัยไทยซะเลย เพราะเชื่อเต็มอกว่านักวิทยาศาสตร์ไทยก็เก่งไม่แพ้ใคร แล้วก็ได้ผลิตภัณฑ์ออกมาสมดังใจหวัง ร่วมคิดกันตั้งแต่ต้นทาง คือสูตรไซเดอร์เข้มข้นออกมาก่อนให้คนจดจำว่า คุณภาพแท้จริงต้องรสนี้ แล้วทำสูตรพร้อมดื่มเพื่อตอบโจทย์คนเมือง เน้นสะดวก ดื่มง่าย และขยายต่อด้วยสูตรรสชาติใหม่ๆ  อย่างน้ำผึ้ง มิกซ์เบอรี่ สตรอเบอรี่ กีวี  แต่กระบวนการผลิตยังไม่สิ้นสุดครับ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังทำเครื่องจักรที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับเยอรมันแล้ว  

 

ถึงแม้ว่า สินค้าของแอกโกรนิก้าที่ไปตีตลาดโลกได้แล้วทั้งออสเตรเลียและยุโรป จะตั้งราคาสูงเท่าใดก็ได้ แต่เธอกลับตั้งราคากลางๆ เพื่อให้ซื้อได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ

 

“สินค้าคุณภาพสูงที่มีมาตรฐาน ไม่จำเป็นต้องแพงก็ได้” เธอเชื่อว่า ถ้าคิดจะสร้างความต่างอย่างสร้างสรรค์แล้ว ยังจำเป็นต้องสร้างคุณค่าตอบแทนกลับคืนสังคม ด้วยการให้ทุกคนได้บริโภคของคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง เหมือนอย่างที่ทีเอ็มบีเชื่อว่าพลังตัวคุณสามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ เพราะทุกคนมีพลังที่จะสร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์และมีคุณค่าให้แก่ตัวเองและสังคมเสมอ พบกันครั้งหน้า วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน ยังมีเรื่อง SME ในมุมมองอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ

อ้างอิงจาก    TMB SME