บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
8.2K
2 นาที
14 มีนาคม 2562
ศัพท์ควรรู้เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์
 

 
แฟรนไชซิ่ง (Franchising)

หมายถึง การที่เจ้าของลิขสิทธิ์หรือที่เรียกว่า Franchisor ตกลงอนุญาตให้ผู้รับสิทธิ์หรือ Franchisee ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อการค้า การบริหารและระบบธุรกิจของเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาขึ้น โดยผู้รับสิทธิ์จะต้องดำเนินธุรกิจตามรูปแบบของเจ้าของสิทธิ์


ภาพจาก goo.gl/2qUtcq
 
แฟรนไชส์ (Franchise)

หมายถึง ระบบธุรกิจที่มีลักษณะสำคัญ 5 ประการคือ
  1. จะต้องมีเจ้าของลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าหรือตรายี่ห้อสินค้า/บริการที่ต่อไปจะเรียกว่าผู้ให้สิทธิ์  อนุญาตให้ผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้าหรือตรายี่ห้อของตนโดยชอบตามกฎหมาย
  2. ผู้ให้สิทธิ์จะต้องมีการถ่ายทอดวิทยาการ เทคนิค ข้อมูลที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ  ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นให้แก่ผู้รับสิทธิ์  เพื่อให้สามารถขายสินค้าหรือบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
  3. ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่เป็นจำนวนเงินแน่นอน
  4. ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่เป็นสัดส่วนต่อการดำเนินงานแก่ผู้ให้สิทธิ์ตลอดไป
  5. ผู้ให้สิทธิ์จะต้องกำกับการดำเนินธุรกิจของผู้รับสิทธิ์  ตลอดจนให้คำแนะนำตลอดจนความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ผู้รับสิทธิ์ตลอดไป
ภาพจาก goo.gl/ussfgm

แฟรนไชส์ซอร์ (Franchisor)

หมายถึง เจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิธีการทำธุรกิจ จนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค หรือจนได้มาตรฐานที่พร้อมจะนำออกสู่ตลาด แล้วจึงทำการขายสิทธิ์ในการให้ยืมใช้ชื่อทางการค้าหรือตรายี่ห้อของสินค้าให้แก่ผู้อื่นที่สนใจลงทุน ภายในระยะเวลา, สถานที่, และเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ตกลงกัน โดยมีลักษณะสำคัญครบทั้ง 5 ประการของระบบธุรกิจแฟรนไชส์
 
แฟรนไชส์ซี (Franchisee)

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อทางการค้าหรือตรายี่ห้อของสินค้าที่เจ้าของลิขสิทธิ์ยินยอมภายในระยะเวลา, สถานที่, และเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ตกลงกัน โดยมีลักษณะสำคัญครบทั้ง 5 ประการของระบบธุรกิจแฟรนไชส์ 

 
ภาพจาก goo.gl/gJ7qg9

แฟรนไชส์ฟี (Franchise Fee)

หมายถึง ค่าตอบแทนที่เป็นจำนวนเงินที่แน่นอน ที่ผู้รับสิทธิ์จ่ายให้แก่ผู้ให้สิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ ในการเข้ามาดำเนินธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ ซึ่งก็คือค่าธรรมเนียมแรกเข้านั่นเอง
 
รอยัลตี้ฟี (Royalty Fee)

หมายถึง ค่าตอบแทนที่ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้สิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ตามสัดส่วนของการดำเนินงานตลอดไป ซึ่งอาจจะเป็นต่อยอดขาย ต่อยอดกำไรหรือต่อยอดสั่งซื้อสินค้า/วัตถุดิบ แบบใดแบบหนึ่งหรือหลายแบบก็ได้

 
แอดเวอร์ไทซิ่งฟี (Advertising Fee)

หมายถึง ค่าตอบแทนที่ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้สิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ตามสัดส่วนของการดำเนินงาน เพื่อที่ผู้ให้สิทธิ์จะได้นำไปใช้ในการโฆษณา  ประชาสัมพันธ์  สินค้าหรือบริการโดยรวมของธุรกิจแฟรนไชส์นั้นหรือเฉพาะจุดของผู้รับสิทธิ์ธุรกิจแฟรนไชส์ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน แต่จะมีหรือไม่ก็ได้เช่นกัน
 
แฟรนไชส์แพคเกจฟี (Franchise Package Fee)

หมายถึง ค่าตอบแทนที่ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้สิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ตามสัดส่วนของการดำเนินงาน เพื่อที่ผู้ให้สิทธิ์จะได้นำไปใช้ในการดำเนินงานไม่ว่าด้านใดก็ตาม เช่น ด้านโฆษณา  ประชาสัมพันธ์  จัดการฝึกอบรม  พัฒนาระบบงาน ฯลฯ  ซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้เช่นกัน
 
ซิงเกิ้ลยูนิตแฟรนไชส์ (Single Unit Franchise)

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีสิทธิ์ในการเปิดธุรกิจเพียง 1 แห่ง 


มัลติยูนิตแฟรนไชส์ (Multi Unit Franchise)

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีสิทธิ์ในการเปิดธุรกิจได้มากกว่า 1 แห่ง ตามจำนวนที่ได้ตกลงไว้กับผู้ให้สิทธิ์ แต่ผู้รับสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ในการขายสิทธิ์ต่อให้แก่ผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง
 
ซับแอเรียแฟรนไชส์ (Sub-Area Franchise)

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ที่สามารถขยายธุรกิจได้ตามจำนวนภายในระยะเวลา  และอาณาเขตพื้นที่ที่ผู้ให้สิทธิ์กำหนด  โดยจะเลือกขยายธุรกิจเอง  หรือขายสิทธิ์ต่อให้แก่ผู้สนใจลงทุนเพิ่มเติมก็ได้ หากข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้ให้สิทธิ์ (เจ้าของลิขสิทธิ์)ยินยอม  ตัวอย่างเช่น  เครือตันตราภัณฑ์  เชียงใหม่  เป็นซับแอเรียแฟรนไชส์ของร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในจังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น

 
มาสเตอร์แฟรนไชส์ (Master Franchise)

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้สิทธิ์จากบริษัทแม่ในต่างประเทศ  เพื่อที่จะไปทำธุรกิจนั้นในประเทศของตน  ซึ่งมักจะต้องมีแผนงานที่ชัดเจน  มีการลงทุนค่อนข้างสูง แต่ก็จะได้รับการถ่ายทอดทั้งด้านเทคโนโลยีและความรู้การบริหารงานในระดับสูง ตัวอย่างเช่น บริษัท เดอะไมเนอร์ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ของไอศครีมเซเว่นเซ่นส์  เป็นต้น
 
ออฟเฟอริ่ง เซอร์คูลาร์  (Offering Circular)

หมายถึง หนังสือชี้ชวนที่ผู้ขายแฟรนไชส์จะต้องจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ขายแฟรนไชส์จะต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ ไม่ว่าประวัติ ผลการดำเนินงาน ค่าธรรมเนียม จำนวนร้านสาขาที่เปิดอยู่และที่ปิดไป ตลอดจนคดีฟ้องร้องที่เคยเกิดขึ้น


ดังนั้นทุกอย่างที่จะมีผลต่อการตัดสินใจ ซื้อแฟรนไชส์ในวันนี้และในอนาคต และแม้กระทั่งฐานะการเงินของผู้บริหารระดับสูง และบริษัท ว่าเคยถูกฟ้องร้องให้ล้มละลายก่อนหน้านี้สิบปีหรือไม่ ก็ยังต้องเปิดเผยให้ผู้สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ทราบก่อนอย่างน้อยสิบวัน (มีเรื่องข้อที่จะต้องเปิดเผยรวมทั้งสิ้น 23 หัวข้อสำคัญ) เพื่อให้ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ได้พิจารณาอย่างถ้วนถี่ก่อนตัดสินใจลงทุน 

แต่ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการบังคับใช้ เนื่องด้วยพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ยังไม่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ และยังต้องอาศัยกฎหมายลูกที่จะต้องร่างและประกาศบังคับใช้ตามหลังจาก พรบ.ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์  จึงจะสามารถบังคับให้ผู้ขายแฟรนไชส์ต้องมีออฟเฟอริ่ง เซอร์คูลาร์ได้ในอนาคต
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
985
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
704
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
643
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
593
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
576
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
556
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด