|
|
|
|
|
คำนวณ CTR |
ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบทุกวันนี้ งบโฆษณาส่วนใหญ่ จะถูกหั่นให้น้อยลงตามไปด้วย แต่ทว่า สื่อโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตกลับสวนกระแส เติบโตขึ้น ด้วยราคาที่ไม่แพง และเป็นสื่อที่เจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ให้กับเจ้าของสินค้า และยังสามารถวัดผลตอบรับได้ในรูปแบบ Real time อีกด้วย |
|
 |
|
จุดเด่นของ การทำการตลาดผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต คือ การที่สามารถ tracking การแสดงผลของป้ายโฆษณาว่าปรากฎกี่ครั้ง และ เช็ค feed back ของป้ายโฆษณาว่า สามารถดึงดูดให้คนดู คลิกป้ายโฆษณาได้ทั้งหมดกี่ครั้ง สูตร CTR หรือ Click-Through-Rate จึงถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือทางการตลาดตัวหนึ่ง ที่ใช้วัดผลตอบรับของการทำการตลาดออน์ไลน์ ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน เช่น ลงโฆษณา 5 ล้านครั้ง ถึงแม้ว่ามีการกระทำให้ป้ายโฆษณาปรากฎผ่านสายตาคนดูถึง 5 ล้านครั้ง แต่มีผลตอบรับเช่นการคลิกกลับมาเพียง 1 ครั้ง ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าการทำการตลาดครั้งนั้นสำเร็จ |
|
สรุปก็คือ เมื่อแบนเนอร์ปรากฎ ในระบบการคำนวณคะแนน CTR ก็จะถือว่า มีการมองเห็น (Impression หรือ Page view) เกิดขึ้นทันทีทุกครั้งไป และจนกว่าที่โฆษณาหลายๆตัวที่ปรากฏขึ้นมานั้นจะมีการถูกกดคลิกลิงค์ เพื่อเข้าไปชมถึงเว็บไซต์ที่เข้าร่วมการประชาสัมพันธ์นั้นๆ จึงจะถือว่ามีการ Click เกิดขึ้น เมื่อนำผล Click มาส่วนด้วยผล page view แล้วคูณด้วย 100 เพื่อทำเป็นเปอร์เซ็นต์ จะทำให้ได้ผลการคำนวณ CTR ที่สมบูรณ์ |
|
หมายเหตุ |
|
* Impression หรือ Page view คือ จำนวนผู้เห็นโฆษณา |
|
* Click คือ จำนวนผู้คลิกโฆษณา |