ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ "โพรไบโอติก" และ "พรีไบโอติก" เกิดขึ้นหลายชนิดในท้องตลาดทั้งที่อยู่ในอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมุ่งหวังที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องของการดูแลบำรุงรักษาสุขภาพแบบองค์รวม การป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังและการชะลอวัย ไม่ใช่แค่เพียงความงาม แต่ยังหมายถึงความแข็งแรงไม่มีโรคภัยด้วย "โพรไบโอติก" และ "พรีไบโอติก" จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

 

 

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็ก ซึ่งจัดเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดี พบได้ในลำไส้ของเราตั้งแต่เกิดและพบในอาหารหมักบางชนิด เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ เป็นต้น โดยเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถยึดจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้และผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยย่อยอาหาร สร้างวิตามินบางชนิด ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ และต้องไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

จุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติกได้นั้นจะต้องได้รับการรับรองจาก WHO ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก (แม้จะมีจุลินทรีย์หลายสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคและเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ใช้ประโยชน์ในการหมักอาหารได้หลากหลายชนิดแต่ก็ไม่สามารถนับเป็นโพรไบโอติกได้เพราะไม่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดไว้นั่นเอง) 

 

 

ส่วน พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คือ อาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ง่ายๆ ต้องใช้จุลินทรีย์ในลำไส้มาช่วยย่อยอาหารเหล่านี้ จึงกลายเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ให้เจริญเเติบโตไปด้วย พบได้ในหัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นหากเรารับประทานอาหารจำพวกพรีไบโอติกส์ก็จะช่วยในการเจริญเติบโตให้แก่จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ที่อยู่ในลำไส้ให้เพิ่มปริมาณมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากขึ้นเช่นกัน

 

ในการทำธุรกิจเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงต้องรู้จักใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อนำประโยชน์ของโพรไบโอติก พรีไบโอติกและสิ่งที่ได้จากกระบวนการหมักมาผสมผสานเข้าไปด้วยกัน จึงจะทำให้เกิดความแปลกใหม่และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคสูงสุด

 

หมายเหตุ :